คุณพ่อคุณแม่ ขอปรึกษาเรือ่งพี่เลี้ยงที่เก่งๆแต่หยิ่งหน่อยคะ เราควรทำยังไงดี

ข้อมูลพี่เลี้ยง
1.    พี่เลี้ยงอายุตามบัตรปชช คือ 59ปี แต่บอกว่าเค้าอายุ 48
2.    เริ่มทำงานเดือน พค 59
3.    เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว ฉลาด เก่ง เข้าใจง่าย มีความรับผิดชอบสูง ตรงต่อเวลา
4.    จัดห้องน้องสะอาดเรียบร้อย เสื้อผ้าไม่มีที่ติ
5.    พยายามช่วยเราประหยัด
ข้อเสีย
1.    คนเก่งๆมักจะไม่ฟังสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ต้องการ
2.    บอกความต้องการไปแล้ว ว่าห้ามทำอะไร ก็ยังทำซ้ำๆ
3.    ขู่ว่า ถ้าไม่พอใจเอาเปลื่ยนพี่เลี้ยงได้

อยากถามพ่อแม่ทั้งหลายว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้จะตัดสินใจยังไง
เหตุการณ์ที่1
พี่เลี้ยงเพิ่งทำงานได้ 2อาทิตย์ ออกไปห้างด้วยกัน พี่เลี้ยงพยายามจะไปเดินเอง แยกกับพ่อแม่ ซึ่งเราบอกว่าไม่ได้ ต้องเอาลูกไปด้วยทุกที่ เค้าดูลำบากใจในการปฎิบัติตาม แต่มีการเคลียร์กันว่าเรื่องนี้คุณแม่ขอ  โดยตกลงกันว่า พี่เลี้ยงจะเดินไปไกลๆก็ได้แต่ขอให้มองไปยังเห็นลูก
พี่เลี้ยงก็ตกลง รับปากไม่มีปัญหา จนกระทั่ง ไป โรงพยาบาลด้วยกัน ชั้นเด็กมีหลายโซน เราคิดว่าคุยกันรู้เรือ่งแล้ว แต่กลับเป็นอีก เค้าพาลูกไปโซนอื่น ที่แม่หาไม่เจอ ต้องเดินตามหา เลยถามว่าทำไมเอาน้องออกนอกโซนที่คุยกัน เค้าเถียงว่า พี่ไม่ได้เดินไปนอกชั้น4 ของ รพ ถ้าพี่ออกนอก รพ หรือไปชั้นอื่นว่าไปอย่าง (ยังคงเถียง)
เราบอกว่า แต่ที่คุยกันคือในสายตา เค้าเถียงว่าพี่อยากไปน้องไปโซนโน้น เพราะมีรูปภาพ ให้น้องดูรูป แล้วคุณแม่คิดรึป่าวว่าการจำกัดบริเวณพี่แบบนั้นการเดินมันอึดอัดมั๊ย ที่เล็กมั๊ย เราบอกว่า เราพิจารณาแล้ว มันใหญ่พอ สรุปสุดท้ายเราก็บอกเค้าว่า เราต้องการให้แค่เค้าบอกเราว่า เค้าจะเดินไปโซนไหน ไม่ใช่เดินไปเอง เค้าบอกว่าเข้าใจละ แบบทำหน้าเซ็งๆ
เหตุการณ์ที่ 2
น้องต้องadmit นอนโรงพยาบาล เนื่องจากคัดจมูกตลอดเวลา ต้องคอยดูดน้ำมูกออก เราเช็คปริมาณน้ำมูกน้องตลอดว่าดูดออกมาได้มากน้อย  ในวันแรกของการแอดมิท แม่หลับไป แล้วได้ยินเสียงประตูเปิดออกไปข้างนอก คือเค้าเอาลูกเราออกไปดูดจมูก โดยที่ไม่บอกเรา ในขณะที่เราบอกตั้งแต่มา รพ แล้วว่าไม่เอาน้องออกนอกห้องนะคะ
พอเค้ากลับมา เค้าบอกว่า เห็นคุณนอนอยู่ เราก็บอกว่า เราอยากรู้ว่าปริมาณน้ำมูกน้องมากน้อย วันหลังจะเอาไปให้บอกด้วย  วันที่2ของการแอดมิท พี่เลี้ยงทำอีก แต่ทำขณะที่แม่หลับตอน8โมงเช้า เพราะไม่ได้นอนทั้งคืน แม่พยายามจะเข้าใจว่า เค้าคงเกรงใจเรา แต่เราก็บอกแล้วว่า เดี๋ยวเราเอาไปเอง เพราะอยากดูเอง เลยถามว่า ทำไมเอาไปไม่บอก ก่อนหน้าเค้าจะเอาไป เราเพิ่งพาลูกไปดูดจมูกมา ยังไม่ถึง 2 ชม เลย แล้วน้องก็ถูกดูดมากเกินไป แอบเซ็ง แต่พยายามจะเข้าใจว่าเค้าเกรงใจเรา  ช่วงบ่ายของวันที่2 เราบอกว่า เดี๋ยวจะดูดให้น้องก่อนออกจาก รพ พูดแค่นั้น ผ่านไปหลาย ชม เรานั่งปั๊มนม ในห้อง พี่เลี้ยงอุ้มน้องออกนอกห้อง โดยที่ไม่หันมาพูดอะไรกับเราเลย เรานั่ง งง ว่า ไปไหนอีกแล้ว
พอกลับมา ก็พูดเหมือนเดิม น้องดูดน้ำมูกเสร็จแล้วคะ แม่เซ็งมาก

เหตุการณ์ ที่3
ที่บ้านจะมีห้องเลี้ยงน้องเป็นสัดส่วน หลายๆครั้ง เวลาแม่เดินไปคุยกับลูก ไปเล่นกับลูก พี่เลี้ยงจะคุยกับน้องว่า ไปเดินเล่นกัน ทิ้งแม่ยืน งง ในห้องหลายรอบ ทั้งๆที่เราเพิ่งคุยกับลูกไม่เท่าไหร่ พอเคลียร์กัน เค้าบอกว่า พี่ลืมคิดไป ปกติ พี่จะดูเวลา น้องอยู่ในห้องเกิน45นาที แล้วจะพาไปเดินข้างนอก  แม่ก็ยังคงงงกับเหตุผล เหมือนเค้าอึดอัด เวลาเราอยู่ในห้องด้วย ทั้งๆที่เราไม่เคยอยู่เกิน 10นาที เลย

เหตุการณ์ที่ 4
ทุกครั้งที่แม่เอาลูกมาเล่น เค้ามักจะตามกลับไป อ้างว่าน้องไม่ควรอยู่แอร์คะ คุณเอาน้องไปนาน กลัวคุณเผลอหลับ พี่เลยเดินมาเอาคืน ทั้งๆที่ทุกครั้งที่เราเอาน้องมา เราจะบอกตลอดว่าไม่ต้องไปเอาคืนนะคะ  เดี๋ยวเอาน้องมาให้เอง ซ้ำหลายรอบมากๆๆ ก็ยังเป็นอยู่

เหตุการณ์ที่5
ตั้งแต่เค้ามาเลี้ยงแรกๆ บอกไปแล้วว่าต้องควบคุมนมของน้องต่อวัน  เพราะน้องมีปัญหากรดไหลย้อน เค้าก็ไม่ฟัง แม่เหนื่อยใจ สุดท้ายน้องอ้วกเยอะมาก จนแม่ไม่ไหว พามาหาหมอให้หมออธิบายให้ จนเราคิด่ว่าทำไมเค้าไม่ฟังเราเลย เค้าบอกว่าเค้าไม่รู้น้องมีปัญหาลำไส้ ทั้งๆที่เราบอกตลอด เค้าเลือกจะเชื่อสิ่งที่เค้าเคยทำๆมา
**สุดท้ายตกลงกันว่าไม่ให้ป้อนน้องเกิน 3.5ออนซ์ต่อครั้ง พอเราเห็นเค้าเติม 4.5ออนซ์ เราก็เซ็ง บอกแค่ว่าถ้าป้อนเพลินๆน้องก็กินเกินเหมือนเดิมรึป่าวคะ แล้วจุก1คร้ั้งไม่ควรใช้ซ้ำๆ กินไม่หมดเอาไปแช่ตู้เย็น
พอเตือนไปรอบสุดท้าย บอกว่าเรื่องนี้เราคงไม่ต้องพูดซ้ำอีกใช่มั๊ย เค้าเลยสวนว่า ถ้าเราไม่พอใจ เปลื่ยนพี่เลี้ยงใหม่ก็ได้ พอไปเคลียร์เค้าบอกว่า เห็นในขวดเติมเหลือแค่1ออนซ์ เลยเติมมาที่ขวดให้หมดๆไปเลย เค้าเกรงใจพยาบาล ถ้าต้องเอาขวดไปให้ล้างบ่อยๆ อันนี้ฟังแล้วแม่พอเข้าใจ แต่ไม่พอใจที่สวนกลับว่าให้เปลื่ยนพี่เลี้ยง ทั้งๆที่เราไม่ได้ว่าเค้าเลย

คำถามคือ
เราควรทนมั๊ย พวกพี่เลี้ยงที่เก่งๆมักจะเป็นแบบนี้ใช่มั๊ย ที่เราทนไม่ได้สุดๆคือ เค้าบอกว่า ไม่พอใจเปลื่ยนพี่เลี้ยงได้นะคะ ทั้งๆที่เราพยายามคิดว่า 1ด ที่อยู่ด้วยกันมา อาจจะสั้นไป ให้เวลาเค้าปรับ แต่พอเค้าพูดแบบนี้ เรารู้สึกเซ็ง และเหมือนตกเป็นเบี้ยล่างเค้า
ตอนที่เค้าทำกับเราไม่ดีที่ รพ เราหมดใจไปแล้ว จะไม่เอาเค้าแล้ว ไม่ทนแล้ว เพราะเราเคยเคลียร์ไปแล้วทำไมทำอีก ไม่เข้าใจ แต่ลึกๆก็เสียดายตลอดเวลา เพราะเค้าดีและเก่งในเรือ่งอื่น ข้อดีที่เค้ามี ก็หาได้ยากจากคนอื่นๆ กลัวเปลื่ยนไปแล้วเจอไม่ดีเรือ่งอื่นที่แย่กว่า สุดท้ายวันนี้เลยตัดสินใจเคลียร์อีกซักตั้ง จริงๆเราได้คนใหม่มาเตรียมรอเสียบแล้ว แต่เราค้างคาใจกับคนเก่า ว่าเค้าจะเปลื่ยนได้มั๊ย  

ระหว่างเคลียร์กันวันนี้ เราคงพูดเกร่นนำมากไป เค้าเลยพูดมา พี่ขอคำตอบเลยคะว่าจะให้พี่อยู่หรือไป  จนเราต้องพูดว่า เราคาดหวังว่าเค้าจะตอบว่าเค้าจะเปลื่ยนนะ ไม่งั้นคงไม่มาพูดด้วย เค้าเลยพูดว่า คะ พี่จะเปลื่ยน  แต่ความรู้สึก มันจบกันแบบไม่สวย มองหน้ากันแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จริงๆเคลียร์กันแล้วต้องสบายใจ แต่เรากลับไม่สบายใจเลย

ป.ล. อันนี้พี่เลี้ยงคนแรก และลูกคนแรกคะ อาจจะเรือ่งมาก แต่เราคิดว่าเราไม่เคยว่าอะไรเค้าเลย นอกเหนือจากเรื่องที่บอกไป ที่เหลือไม่เคยว่าซักคำ
เราพร้อมฟังความเห็นพี่เลี้ยงเสมอ เคยบอกว่า อย่ารับปากนะถ้าทำไม่ได้ เถียงได้แล้วเราปรับมาตรงกลางให้สบายใจทั้ง2ฝ่าย
คุณแม่ต้องทำงานนอกบ้าน เอาพี่เลี้ยงมาไว้บ้านยาย แต่คุณยายก็ไม่ค่อยอยู่บ้านนะคะ พี่บ้านจะมีแม่บ้านที่ไว้ใจได้เดินไปมา แล้วก็ติดกล้องไว้คอยสอดส่อง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่