สวีดัส....เอ้ย สวัสดีอีกครั้งนะจ๊ะ

กระทู้นี้เป็นรีวิวภาคต่อจากกระทู้ที่แล้วหลังจากมีผู้ติดตามแจ้งให้ทำภาค 2 ต่อ เนื่องจากรีวิวทริปยังไม่จบ วันนี้เราจะมาสนุกสนานปนวุ่นวายกันต่อ ใน "
ทริปวุ่นวายกับใจลุยๆ " เวียดนาม ฮานอย " 4 วัน 3 คืน ไม่ง้อทัวน์ (ตอน 2 ฮาลองเบย์) "
** สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปเที่ยวเมืองฮานอย นั่นก็คือ การได้มาเที่ยวล่องเรือชมบรรยากาศแห่งอ่าวฮาลองเบย์ ซึ่งอ่าวฮาลองเบย์แห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นแห่งท่องเที่ยวเที่ยวทางธรรมชาติ และยังได้รับให้จัดเป็นมรดกโลกอีกด้วย จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียตนาม ต้องล่องเรือมาชมอ่าวฮาลองให้ได้เหมือนเจ้าของกระทู้นี่เอง 5555
หลังจากเจ้าของกระทู้ได้จัดการดื่ม คาราบาวแดงไปหนึ่งขวด กับ สมองดีดๆ นิ้วรัวๆๆ อารมณ์กำลังมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาฟังกันต่อเลยดีกว่า ................................................................................................

วันที่ 2
สวัสดีตอนเช้า กับแผนการทัวน์
One day trip ฮาลองเบย์ เบย์ เบย์ (กรุณาทำเสียงแอคโค่ตามให้ได้อรรถรส)
หลังจากที่เมื่อวานตะลอนหาซื้อทัวน์เลือกจนได้ราคาที่น่าพอใจ เช้านี้ทุกอย่างเป็นเป็นอย่างเรียบง่าย ตื่นมาอาบน้ำ กินอาหารเช้าที่โรงแรม
ไม่นานรถตู้บริษัททัวน์ก็มารับที่หน้าโรงแรม โดย
Reception พนักงานต้อนรับของโรงแรมทำหน้าเก้อๆ นิดๆๆ เนื่องจากเราไม่ได้ซื้อทริปของโรงแรม 555 ก็มันแพงกว่านิ๊ บอกแล้วเรามาแบบประหยัดๆๆๆ อันไหนคือ ราคาที่ดีที่สุดเราก็เอาอันนั้น
รถตู้ทัวน์ที่เดินทางไปยังอ่าวฮาลองเบย์ใช้เวลาในการเดินทางถึง 4 ชม. เนื่องจากที่เวียดนามจำกัดความเร็ว ไม่นานรถก็จอดให้แวะเข้าห้องน้ำ ซื้อของฝาก
อารมณ์ประมาณ แวะกินข้าวบ้านเรานี่แหละ
(จุดพักรถ กับ ร้านขายของฝาก)


>>> 4 ชั่วโมงต่อมา แป้น แป้น

ถึงท่าเรือแล้วมีไกด์เจ้าของเรือมารับเราที่รถตู้ จุดนี้แหละทำให้เราได้รู้ว่า บางคนโดนโกงราคา หรือ หลอกขายทัวน์ เนื่องจากพอมาถึงไกด์จะมาเก็บตั๋วเราที่เราซื้อทัวน์ไว้ ปรากฎว่า บางคนล่องเรืออย่างเดียว ไม่มีอาหารกลางวัน ไม่มีพายเรือคายัค (กรุณาเช็ครายละเอียดในใบเสร็จให้ดีๆ) ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสาวมาจาก สเปน กลุ่มนึง โดนไป แต่เค้าก็เรียกร้องสิทธิ์ โดยให้ไกด์โทรไปที่บริษัททัวน์ เลยยอมความกันได้ ดูสิยังไม่ทันลงเรือวุ่นวายอีกแล้ว

ส่วนของเราไม่มีปัญหาอะไรนะค่ะ (รอดตัวไปไหมเรา อิอิ)

หลังจากลงเรือแล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี แพร๊บ แพร๊บ

(รูปกินข้าวบนเรือ)
โต๊ะนึงนั่ง 6 คน มื้อนี้เป็นอาหารแนะนำของเวียดนาม แต่ไม่มีซีฟู้ดส์ รสชาติอร่อย ถ้ามา 6 คนจะได้โต๊ะเดียวกัน แต่เรามาคู่ เค้าเลยจัดให้นั่งกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น มื้อนี้ชอบกินเมนู ปอเปี๊ยะสดทอด กับ อะไรสักอย่างคล้ายๆลูกชิ้นปลา มากสุด (เป็นเมนูห้ามพลาด)
ร่องเรื่อมาสักพักก็ถึง
ถ้ำเด่าโก๋ (Dao Go) "ถ้ำสวรรค์" การล่องเรือในอ่าวฮาลองเบย์จะนำนักท่องเที่ยวไปแวะที่นี่ก่อนที่แรก เป็นถ้ำกลางทะเลสาบที่มีหินงอกหินย้อยงดงาม ได้รับการเปิดตัวจากนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเยือนที่นี่เป็นกลุ่มแรกในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้เรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำสวรรค์
เจ้าของกระทู้เกิดความ งง เล็กน้อยกลับการแต่งตัวของผู้หญิงที่ใส่เสื้อแดงในรูป ว่าเธอจะมาเดินถ้ำ หรือ แฟชั่น แคทวอล์ค ค่ะ ! 555
นี่เลยเพื่อนไหม่เรา ในฐานะเป็นชาวต่างชาติเหมือนกันเราต้องวางแผนฉุกเฉินเมื่อโดนโกง พวกเราเตรียมโวยวายทุกเมื่อ 5555 (เรียกร้องสิทธิ)

>>>> ออกจากถ้ำสวรรค์ นั่งเรือต่อเพื่อไปยังจุดพายเรือคายัค
เจ้าของกระทู้พายเรือครั้งแรกเลยไม่กล้าเอากล้องลงไป บวกกับคำนวนน้ำหนักของตัวเองแล้ว,,,กลัวเรือจมแล้วกล้องพัง ผู้หญิงเสื้อแดงที่มากับเจ้าของกระทู้ถึงกับให้ถอดรองเท้าไว้ที่ฝั่งเลย ดูถูกน้ำหนักกันชัดๆ หึ ๆ

เสียดาย ! เราพลาดจุดที่แบบอลังการ อย่างกับฉากในหนัง ไม่ได้ถ่ายรูปไว้,,,ก็เก็บใส่ในความทรงจำแล้วกัน (ปลอบใจตัวเอง)
และนี่เป็นจุดที่เป็นภาพถ่ายลงในธณบัตรของเวียดนาม ไกด์ได้กล่าวเอาไว้

(รูปเกาะคริสตัน)
ไฮไลท์สำคัญที่สุดของการมาเที่ยวฮาลองเบย์ ก็คือ "เกาะไก่คู่" เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ก็ว่าได้ แต่แล้วฟ้าครึ้มบวกกับมีฝนตก

นักท่องเที่ยวพากันนั่งเงียบกริบเพราะความเหนื่อย หรือ กลัวกันแน่ เจ้าของกระทู้ดี๊ด้าอยู่เลย .. กัปตันเรือจึงแจ้งว่าเราจะดูอยู่ในรัศมีนี้

ในรูปสังเกตุดีๆ จะเห็นเกาะเล็กๆที่เป็นรูปไก่หันหน้าชนกันอยู่ ดีนะนี่เป็นจุดสุดท้ายของทริปล่องอ่าว ไม่งั้นเสียดายแน่ๆถ้าไม่ได้เห็น
>>>> จากนั้น........................ได้เวลาที่เรือเล็กควรออกจากฝั่ง เอ้ยย ... เรือเล็กสมควรกลับฝั่ง 555

เดินทางกลับในตัวเมืองฮานอย กับความประทับใจสุดๆๆ เหมือนทั้งวันเราไปเป็นนักแสดงในฉากหนังมา ก็ว่าได้

เวลาผ่านไป 4 ชม. ไวเหมือนโกหก เราลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรถที่พามาส่งที่ โรงแรม ไม่รอช้าตามประสาคนอ้วน ของกินสิ ของกินอยู่ไหน เดินเล่นถนนสาย 36 ยามค่ำคืน สะดุดตากับนี่เลย บาบีคิว เสียบไม้กลิ่นยั่วยวน เนื้อสีทอง จัดยั่งงี้ต้องจัด
ด้วยความติดใจในรสชาติการหมักเนื้อของคนที่นี่ จัดนี่ต่อเพื่อเป็นภาพปิดท้ายสำหรับวันที่ 2 ของเวียดนามเลยแล้วกัน
เป็นกระทะร้อน หอมเนยและเนื้อหมักมาก กินกับเครื่องเคียง ผักสดๆ เส้นคล้ายขนมจีน หรือ จะกินกับขนมปังฝรั่งเศสด้วย (สั่งเบียร์ด้วยก็เข้ากันนะ) อิอิ
จบแล้วค้าบบบ สำหรับทริป เวียดนาม ฮานอย " 4 วัน 3 คืน ไม่ง้อทัวน์ (ตอน 2 ฮาลองเบย์)
ตอนต่อไป ตอน 3 เก็บสถานที่ท่องเที่ยวในฮานอย จ้าา......
[CR] ทริปวุ่นวายกับใจลุยๆ " เวียดนาม ฮานอย " 4 วัน 3 คืน ไม่ง้อทัวน์ (ตอน 2 ฮาลองเบย์)
** สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปเที่ยวเมืองฮานอย นั่นก็คือ การได้มาเที่ยวล่องเรือชมบรรยากาศแห่งอ่าวฮาลองเบย์ ซึ่งอ่าวฮาลองเบย์แห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นแห่งท่องเที่ยวเที่ยวทางธรรมชาติ และยังได้รับให้จัดเป็นมรดกโลกอีกด้วย จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียตนาม ต้องล่องเรือมาชมอ่าวฮาลองให้ได้เหมือนเจ้าของกระทู้นี่เอง 5555
หลังจากเจ้าของกระทู้ได้จัดการดื่ม คาราบาวแดงไปหนึ่งขวด กับ สมองดีดๆ นิ้วรัวๆๆ อารมณ์กำลังมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาฟังกันต่อเลยดีกว่า ................................................................................................
วันที่ 2
สวัสดีตอนเช้า กับแผนการทัวน์ One day trip ฮาลองเบย์ เบย์ เบย์ (กรุณาทำเสียงแอคโค่ตามให้ได้อรรถรส)
หลังจากที่เมื่อวานตะลอนหาซื้อทัวน์เลือกจนได้ราคาที่น่าพอใจ เช้านี้ทุกอย่างเป็นเป็นอย่างเรียบง่าย ตื่นมาอาบน้ำ กินอาหารเช้าที่โรงแรม
ไม่นานรถตู้บริษัททัวน์ก็มารับที่หน้าโรงแรม โดย Reception พนักงานต้อนรับของโรงแรมทำหน้าเก้อๆ นิดๆๆ เนื่องจากเราไม่ได้ซื้อทริปของโรงแรม 555 ก็มันแพงกว่านิ๊ บอกแล้วเรามาแบบประหยัดๆๆๆ อันไหนคือ ราคาที่ดีที่สุดเราก็เอาอันนั้น
รถตู้ทัวน์ที่เดินทางไปยังอ่าวฮาลองเบย์ใช้เวลาในการเดินทางถึง 4 ชม. เนื่องจากที่เวียดนามจำกัดความเร็ว ไม่นานรถก็จอดให้แวะเข้าห้องน้ำ ซื้อของฝาก
อารมณ์ประมาณ แวะกินข้าวบ้านเรานี่แหละ
(จุดพักรถ กับ ร้านขายของฝาก)
ถึงท่าเรือแล้วมีไกด์เจ้าของเรือมารับเราที่รถตู้ จุดนี้แหละทำให้เราได้รู้ว่า บางคนโดนโกงราคา หรือ หลอกขายทัวน์ เนื่องจากพอมาถึงไกด์จะมาเก็บตั๋วเราที่เราซื้อทัวน์ไว้ ปรากฎว่า บางคนล่องเรืออย่างเดียว ไม่มีอาหารกลางวัน ไม่มีพายเรือคายัค (กรุณาเช็ครายละเอียดในใบเสร็จให้ดีๆ) ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสาวมาจาก สเปน กลุ่มนึง โดนไป แต่เค้าก็เรียกร้องสิทธิ์ โดยให้ไกด์โทรไปที่บริษัททัวน์ เลยยอมความกันได้ ดูสิยังไม่ทันลงเรือวุ่นวายอีกแล้ว
หลังจากลงเรือแล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี แพร๊บ แพร๊บ
(รูปกินข้าวบนเรือ)
โต๊ะนึงนั่ง 6 คน มื้อนี้เป็นอาหารแนะนำของเวียดนาม แต่ไม่มีซีฟู้ดส์ รสชาติอร่อย ถ้ามา 6 คนจะได้โต๊ะเดียวกัน แต่เรามาคู่ เค้าเลยจัดให้นั่งกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น มื้อนี้ชอบกินเมนู ปอเปี๊ยะสดทอด กับ อะไรสักอย่างคล้ายๆลูกชิ้นปลา มากสุด (เป็นเมนูห้ามพลาด)
ร่องเรื่อมาสักพักก็ถึง ถ้ำเด่าโก๋ (Dao Go) "ถ้ำสวรรค์" การล่องเรือในอ่าวฮาลองเบย์จะนำนักท่องเที่ยวไปแวะที่นี่ก่อนที่แรก เป็นถ้ำกลางทะเลสาบที่มีหินงอกหินย้อยงดงาม ได้รับการเปิดตัวจากนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเยือนที่นี่เป็นกลุ่มแรกในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้เรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำสวรรค์
เจ้าของกระทู้เกิดความ งง เล็กน้อยกลับการแต่งตัวของผู้หญิงที่ใส่เสื้อแดงในรูป ว่าเธอจะมาเดินถ้ำ หรือ แฟชั่น แคทวอล์ค ค่ะ ! 555
นี่เลยเพื่อนไหม่เรา ในฐานะเป็นชาวต่างชาติเหมือนกันเราต้องวางแผนฉุกเฉินเมื่อโดนโกง พวกเราเตรียมโวยวายทุกเมื่อ 5555 (เรียกร้องสิทธิ)
>>>> ออกจากถ้ำสวรรค์ นั่งเรือต่อเพื่อไปยังจุดพายเรือคายัค
เจ้าของกระทู้พายเรือครั้งแรกเลยไม่กล้าเอากล้องลงไป บวกกับคำนวนน้ำหนักของตัวเองแล้ว,,,กลัวเรือจมแล้วกล้องพัง ผู้หญิงเสื้อแดงที่มากับเจ้าของกระทู้ถึงกับให้ถอดรองเท้าไว้ที่ฝั่งเลย ดูถูกน้ำหนักกันชัดๆ หึ ๆ
เสียดาย ! เราพลาดจุดที่แบบอลังการ อย่างกับฉากในหนัง ไม่ได้ถ่ายรูปไว้,,,ก็เก็บใส่ในความทรงจำแล้วกัน (ปลอบใจตัวเอง)
และนี่เป็นจุดที่เป็นภาพถ่ายลงในธณบัตรของเวียดนาม ไกด์ได้กล่าวเอาไว้
(รูปเกาะคริสตัน)
ไฮไลท์สำคัญที่สุดของการมาเที่ยวฮาลองเบย์ ก็คือ "เกาะไก่คู่" เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ก็ว่าได้ แต่แล้วฟ้าครึ้มบวกกับมีฝนตก
ในรูปสังเกตุดีๆ จะเห็นเกาะเล็กๆที่เป็นรูปไก่หันหน้าชนกันอยู่ ดีนะนี่เป็นจุดสุดท้ายของทริปล่องอ่าว ไม่งั้นเสียดายแน่ๆถ้าไม่ได้เห็น
เดินทางกลับในตัวเมืองฮานอย กับความประทับใจสุดๆๆ เหมือนทั้งวันเราไปเป็นนักแสดงในฉากหนังมา ก็ว่าได้
เวลาผ่านไป 4 ชม. ไวเหมือนโกหก เราลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรถที่พามาส่งที่ โรงแรม ไม่รอช้าตามประสาคนอ้วน ของกินสิ ของกินอยู่ไหน เดินเล่นถนนสาย 36 ยามค่ำคืน สะดุดตากับนี่เลย บาบีคิว เสียบไม้กลิ่นยั่วยวน เนื้อสีทอง จัดยั่งงี้ต้องจัด
ด้วยความติดใจในรสชาติการหมักเนื้อของคนที่นี่ จัดนี่ต่อเพื่อเป็นภาพปิดท้ายสำหรับวันที่ 2 ของเวียดนามเลยแล้วกัน
เป็นกระทะร้อน หอมเนยและเนื้อหมักมาก กินกับเครื่องเคียง ผักสดๆ เส้นคล้ายขนมจีน หรือ จะกินกับขนมปังฝรั่งเศสด้วย (สั่งเบียร์ด้วยก็เข้ากันนะ) อิอิ
จบแล้วค้าบบบ สำหรับทริป เวียดนาม ฮานอย " 4 วัน 3 คืน ไม่ง้อทัวน์ (ตอน 2 ฮาลองเบย์) ตอนต่อไป ตอน 3 เก็บสถานที่ท่องเที่ยวในฮานอย จ้าา......