เราไปเขาค้อวันที่ 26-27 พ.ค. อากาศที่กรุงเทพร้อนน่าดู ก็ยังจะกล้าขึ้นเขาตอนอากาศร้อนๆ แหะแหะ
เราก็ค้นหาข้อมูลเรื่องที่พักจากในนี้บ้าง ถามคนอื่นบ้าง และด้วยความที่ตัดสินใจไม่ได้เรื่องที่พัก รักพี่เสียดายน้อง เลยไปทั้ง 2 ที่ ให้รู้ไปเลยว่าดียังไง สรุปคืนแรกเราพักที่ The Sense คืนที่สองเราพักที่ The Blue Sky
ออกจากบ้านหกโมงเช้า ขับรถไปเรื่อยๆ มีแวะกินไก่ย่างบัวตอง และแวะที่โมอาย กว่าจะถึง The Sense ก็ประมาณบ่ายสองได้
ในที่สุดก็ไต่เขามาถึง วิวหน้าร็อบบี้
มุมนี้เป็นห้องน้ำข้างร็อบบี้ค่ะ
ส่วน welcome drink เป็นน้ำเสาวรส
ก่อนเข้าห้องพักขอเดินสำรวจหน่อย ตรงนี้เป็นทางเดินไปที่พักที่อยู่ชั้นสอง แต่เราพักชั้นบนสุดค่ะ
พอถึงห้องพัก วิวนี้คือมองจากห้องพักออกมา ชิวมาก
หน้าห้องพัก จะมีอีกสองหลังที่อยู่ติดทางซ้าย และอีกหลังติดทางขวา ใครมาพักแนะนำเป็นห้องเบอร์ 6 เพราะระเบียงจะยื่นออกไปไกลสุด และเราจะไม่เห็นห้องข้างๆในระยะสายตา
เมื่อมองจากระเบียงห้อง 6 จะเจอห้องชั้นถัดไป | ขออภัยถ่ายติดขาหลังมา
อ่านหนังสือชิวๆ หน้าห้อง ที่นี่กุญแจน่ารักมากมาย
พระอาทิตย์จะตกแล้ว ตอนนั้นก็ประมาณ 5-6 โมง มีลมเย็นบางๆ พัดมาแล้วด้วย
ในส่วนของตอนกลางคืนนั้น ก็อากาศดี เย็นหน่อย อยู่ประมาณ 25 องศา ถือว่าสบาย นั่งดูดาวได้เพลินๆ
วันที่เราไปมีฝนตกนิดหน่อย ก็ยังหวังใจว่าจะได้เห็นหมอกบ้าง น้อยๆก็ยังดี สรุปว่า ไม่มีหมอกเลย
อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ขึ้นไปถึงภูทับเบิกรึป่าวนะ แต่ไม่เป็นไร อากาศเย็นสบาย เราโอเคแล้ว
ตื่นมาไม่มีไรทำก็ไปกินข้าว กินไปดูวิวไป ที่นี่อาหารจัดมาเป็นชุด ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ก็จะเป็นขนมปัง เนย ชา กาแฟ
กินข้าวเสร็จก็นั่งเล่น นอนเล่น รอเช็คเอ้าท์ตอนเที่ยง หลังจากนั้นเราก็ลงเขาที่เช็คอินที่ The Blue Sky resort
เราได้เข้าพักตึก 1 ชั้น 2 ห้องกลางเลยค่ะ ตึก 1 จะอยู่เตี้ยที่สุดในบรรดา 3 ตึก
ที่นี่สวยสมคำร่ำลือมากๆ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ สวนสวยงามอลังการเว่อวัง
แต่ถ้าถามถึงอากาศ ต้องบอกว่าที่ The Sense อากาศเย็นกว่าแบบสังเกตุได้
Welcome Drink มาเป็นน้ำปั่น อร่อย สดชื่นจริงๆ
หน้าร็อบบี้ พนักงานที่นี่บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
มาดูวิวภายใน The Blue Sky กันดีกว่า
ในส่วนของห้องพักนั้น
ที่ระเบียงมีมุมน่ารักๆ ด้วย
มีนกมาทำรังตรงระเบียง 2 รัง ธรรมชาติมากๆ ที่นี่พอตกดึก แมลงและยุงค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครมาแนะนำให้พกยาทากันยุงมาด้วยค่ะ
มาดูตรงวิวห้องกันค่ะ ว่าเปิดมาเห็นอะไร
เดี๊ยวพาไปดูห้องอาหารกันนะคะ
ไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ วันที่ไปก็มี ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวผัด โจ๊กไก่ ผลไม้ 2-3 อย่าง สลัด ชา กาแฟ
ที่นี่หมอนน่ารักๆ เยอะ และเค้าใส่ใจ ตกแต่งทุกรายละเอียด ทุกมุมจริงๆ
จากที่ได้ไปสัมผัสทั้ง 2 ที่ เราชอบทั้ง 2 ที่เลย
ความเห็นของเรา : ด้วยความที่เราไปหน้าร้อน
- ถ้าใครอยากสัมผัสอากาศเย็นบางๆ สบายๆ ให้ขึ้นไปที่ The Sense
- ถ้าอยากถ่ายรูปสวยๆ น่ารักๆ ให้ไปที่ The Blue Sky resort สวยทุกมุม น่ารักทุกองศาไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ส่วนเราผู้รักพี่เสียดายน้อง จัดไป 2 ที่เลย ฮาาา
จบการรีวิวแบบบ้านๆ เพียงเท่านี้ค่ะ จริงๆ เราอยากลงรูปให้หมด แต่ลงไม่ไหวแล้ว
เลยขอแปะเป็นลิ้งค์แทน
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10155180231054815.1073741843.741649814&type=1&l=3c2ac6fc13
มีรูปของที่พักอื่นๆ ที่อยากรีวิวด้วย ไว้ถ้ามีเวลาจะมารีวิวแบบบ้านๆ อีก
ขอบคุณมากค่ะ
[CR] เมื่อเลือกไม่ได้ระหว่าง The Sense กับ The Blue Sky ก็ไปมันทั้งสองที่ให้รู้กันไปเลย ลุย!
เราก็ค้นหาข้อมูลเรื่องที่พักจากในนี้บ้าง ถามคนอื่นบ้าง และด้วยความที่ตัดสินใจไม่ได้เรื่องที่พัก รักพี่เสียดายน้อง เลยไปทั้ง 2 ที่ ให้รู้ไปเลยว่าดียังไง สรุปคืนแรกเราพักที่ The Sense คืนที่สองเราพักที่ The Blue Sky
ออกจากบ้านหกโมงเช้า ขับรถไปเรื่อยๆ มีแวะกินไก่ย่างบัวตอง และแวะที่โมอาย กว่าจะถึง The Sense ก็ประมาณบ่ายสองได้
ในที่สุดก็ไต่เขามาถึง วิวหน้าร็อบบี้
มุมนี้เป็นห้องน้ำข้างร็อบบี้ค่ะ
ส่วน welcome drink เป็นน้ำเสาวรส
ก่อนเข้าห้องพักขอเดินสำรวจหน่อย ตรงนี้เป็นทางเดินไปที่พักที่อยู่ชั้นสอง แต่เราพักชั้นบนสุดค่ะ
พอถึงห้องพัก วิวนี้คือมองจากห้องพักออกมา ชิวมาก
หน้าห้องพัก จะมีอีกสองหลังที่อยู่ติดทางซ้าย และอีกหลังติดทางขวา ใครมาพักแนะนำเป็นห้องเบอร์ 6 เพราะระเบียงจะยื่นออกไปไกลสุด และเราจะไม่เห็นห้องข้างๆในระยะสายตา
เมื่อมองจากระเบียงห้อง 6 จะเจอห้องชั้นถัดไป | ขออภัยถ่ายติดขาหลังมา
อ่านหนังสือชิวๆ หน้าห้อง ที่นี่กุญแจน่ารักมากมาย
พระอาทิตย์จะตกแล้ว ตอนนั้นก็ประมาณ 5-6 โมง มีลมเย็นบางๆ พัดมาแล้วด้วย
ในส่วนของตอนกลางคืนนั้น ก็อากาศดี เย็นหน่อย อยู่ประมาณ 25 องศา ถือว่าสบาย นั่งดูดาวได้เพลินๆ
วันที่เราไปมีฝนตกนิดหน่อย ก็ยังหวังใจว่าจะได้เห็นหมอกบ้าง น้อยๆก็ยังดี สรุปว่า ไม่มีหมอกเลย
อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ขึ้นไปถึงภูทับเบิกรึป่าวนะ แต่ไม่เป็นไร อากาศเย็นสบาย เราโอเคแล้ว
ตื่นมาไม่มีไรทำก็ไปกินข้าว กินไปดูวิวไป ที่นี่อาหารจัดมาเป็นชุด ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ก็จะเป็นขนมปัง เนย ชา กาแฟ
กินข้าวเสร็จก็นั่งเล่น นอนเล่น รอเช็คเอ้าท์ตอนเที่ยง หลังจากนั้นเราก็ลงเขาที่เช็คอินที่ The Blue Sky resort
เราได้เข้าพักตึก 1 ชั้น 2 ห้องกลางเลยค่ะ ตึก 1 จะอยู่เตี้ยที่สุดในบรรดา 3 ตึก
ที่นี่สวยสมคำร่ำลือมากๆ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ สวนสวยงามอลังการเว่อวัง
แต่ถ้าถามถึงอากาศ ต้องบอกว่าที่ The Sense อากาศเย็นกว่าแบบสังเกตุได้
Welcome Drink มาเป็นน้ำปั่น อร่อย สดชื่นจริงๆ
หน้าร็อบบี้ พนักงานที่นี่บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
มาดูวิวภายใน The Blue Sky กันดีกว่า
ในส่วนของห้องพักนั้น
ที่ระเบียงมีมุมน่ารักๆ ด้วย
มีนกมาทำรังตรงระเบียง 2 รัง ธรรมชาติมากๆ ที่นี่พอตกดึก แมลงและยุงค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครมาแนะนำให้พกยาทากันยุงมาด้วยค่ะ
มาดูตรงวิวห้องกันค่ะ ว่าเปิดมาเห็นอะไร
เดี๊ยวพาไปดูห้องอาหารกันนะคะ
ไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ วันที่ไปก็มี ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวผัด โจ๊กไก่ ผลไม้ 2-3 อย่าง สลัด ชา กาแฟ
ที่นี่หมอนน่ารักๆ เยอะ และเค้าใส่ใจ ตกแต่งทุกรายละเอียด ทุกมุมจริงๆ
จากที่ได้ไปสัมผัสทั้ง 2 ที่ เราชอบทั้ง 2 ที่เลย
ความเห็นของเรา : ด้วยความที่เราไปหน้าร้อน
- ถ้าใครอยากสัมผัสอากาศเย็นบางๆ สบายๆ ให้ขึ้นไปที่ The Sense
- ถ้าอยากถ่ายรูปสวยๆ น่ารักๆ ให้ไปที่ The Blue Sky resort สวยทุกมุม น่ารักทุกองศาไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ส่วนเราผู้รักพี่เสียดายน้อง จัดไป 2 ที่เลย ฮาาา
จบการรีวิวแบบบ้านๆ เพียงเท่านี้ค่ะ จริงๆ เราอยากลงรูปให้หมด แต่ลงไม่ไหวแล้ว
เลยขอแปะเป็นลิ้งค์แทน https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10155180231054815.1073741843.741649814&type=1&l=3c2ac6fc13
มีรูปของที่พักอื่นๆ ที่อยากรีวิวด้วย ไว้ถ้ามีเวลาจะมารีวิวแบบบ้านๆ อีก
ขอบคุณมากค่ะ