บุกตะลุยแถบคันไซ กินเที่ยวไปตามประสานักเดินทาง [Nara Kyoto Osaka Hyogo(Kobe) Wakayama] 8 วัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปครั้งที่สองที่ผมมาญี่ปุ่นกับเพื่อนอีกสองคน คราวที่แล้วพวกเราได้ไปตะลุยแถบคันโต เมืองหลวงโตเกียวและโดยรอบ (สามารถดูรีวิวได้ที่
http://pantip.com/topic/34477529 )
คราวนี้ก็เป็นแพลนที่พวกเราตั้งใจไว้ว่าต้องไปให้ได้นั่นคือแถบคันไซที่มีเมืองสำคัญและน่าท่องเที่ยวมากมาย เช่น โอซาก้า นารา เกียวโต โกเบ วาคายะมา อยากแรกที่พวกเรานึกออกมาได้เมื่อต้องไปเยือนคันไซ ก็คือ ต้องไปเยือน USJ หรือ Universal Studio Japan แน่นอน เป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวทุกคนที่เยือน ปราสาทโอซาก้าก็น่าสนใจ เนื้อโกเบนุ่มๆก็อยากลิ้มลอง ฟิลลิ้งให้อาหารกวางน้อยที่นาราก็มา ชมวิวริมทะเลที่วาคายามะก็สวยไปอีกแบบ นึกแล้วก็เริ่มดำเนินการหาตั๋วกันเลย เรามีเวลาเตรียมการในการหาตั๋ว จองโรงแรม วางแพลนก็ราวๆ 7 เดือน เพราะเราจองตั๋วตอนโปรออกมาเมื่อเดือน มิ.ย.58
ช่วงที่จองได้โปรที่นำคะแนน Big Point ไปแลกบวกกับเงินอีกนิดหน่อย จำได้ว่าใช้แต้ม 500 คะแนนบวกเงิน 22,127.82 บาท (ราคา 3 คน) เมื่อหารเฉลี่ยแล้วตกค่าเครื่องบินไป-กลับคนละ 7,375.94 บาท เป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาโปรไม่รวมค่าโหลดกระเป๋าและค่าอาหารบนเครื่องที่ซื้อแยกเพิ่มเติมทีหลัง แต่ถ้าใครมีแพลนว่าต้องโหลดกระเป๋าซื้ออาหารชัวร์ก็ให้จองไปพร้อมกันเลยจะถูกกว่ามาซื้อทีหลัง
เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยก็เป็นอันการันตีว่าเราได้ไปคันไซแน่นอน หลังจากนั้นเราก็เริ่มวางแพลนกันมาเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนหลายครั้งให้เข้ากับการเดินทาง จัดตารางให้ไม่ดูแน่นเกินไป สบายๆแต่เก็บได้ครบทุกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม การวางแพลนอีกอย่างที่สำคัญคือ การใช้พาสต่างๆในการเดินทางเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางมากเพราะสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก หากมีเวลาให้ลองศึกษาเส้นทางที่จะไปอย่างละเอียดว่ามีพาสอะไรบ้างที่เหมาะกับการเดินทางของเรา
ก่อนออกเดินทางเราก็ไปตามงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก งานเที่ยวญี่ปุ่น และงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ก็ไปสำรวจราคาตั๋ว ค่าเข้าต่างๆ จนได้ตั๋วเดินทางเกือบหมดทุกอย่างไม่ต้องไปซื้อที่ญี่ปุ่นเลย
มีเพียงตั๋ว JR ที่ต้องไปแลกตั๋วจริงที่สนามบินเท่านั้น สรุปตั๋วที่เราซื้อก่อนออกเดินทาง
-ตั๋วรถไฟ JR West (Kansai) Rail Pass 1 Day ราคา 2,200 เยน (616 บาท)
-ตั๋ว Osaka Amazing Pass (OAP) 1 Day Pass ราคา 2,300 เยน (680 บาท)
-ตั๋ว Kansai Thru Pass 3 Days ราคา 5,200 เยน (1,450 บาท)
-ตั๋ว Universal Studios Japan (USJ) ราคา 7,400 เยน (2,000 บาท)
-ซิมการ์ด Net 7 Days 390 บาท (เครือข่าย Docomo)
แพลนคร่าวๆที่วางไว้ตลอด 8 คืนของพวกเรา
วันที่ 1 นอนพักที่สนามบินคันไซ
วันที่ 2 ไปเมืองนาระ เมืองเกียวโต วัดน้ำใส พักค้างคืนที่เกียวโต 1 คืน
วันที่ 3 ช่วงเช้าอยู่เกียวโต ไปอาราชิยาม่า ป่าไผ่ วัดเท็นริวจิ ซูชิร้อยเยน วัดทอง ปราสาทนิโจ เย็นกลับโอซาก้า โดยรถไฟชินคันเซน พักที่โอซาก้า
วันที่ 4 ไปเมืองเฮียวโกะ (โกเบ) นั่งรถรางชมทัศนียภาพบนยอดเขาร็อกโก ทานเนื้อโกเบ ชมหมู่บ้านคิตาโนะ เดินเล่นตลาด ชมวิวอ่าวโกเบ
วันที่ 5 เที่ยวในโอซาก้า ปราสาทโอซาก้า ล่องเรือ สวนสัตว์เท็นโนจิ หอคอยซึเทนกะกุ ชิงช้าเท็มโปซาน ล่องเรือโดทงโบริ แช่ออนเซ็น
วันที่ 6 Universal Studio Japan
วันที่ 7 ไปเมืองวากายาม่า ปราสาทวากายาม่า ชิมส้ม ริงกุ พรีเมี่ยม เอาท์เลท
วันที่ 8 ฟาร์มสตอเบอรี่ ตลากคุโรมอน เด็น เด็น ทาวน์
เมื่อการวางแพลนค่อนข้างจะสมบูรณ์ก็ใกล้เวลาที่เราจะออกเดินทางอีกครั้ง หวังว่าทริปนี้จะนำประสบการณ์ครั้งก่อนมาเป็นบทเรียนและทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ไปตะลุยคันไซกับพวกเรากันเลยครับ
DAY 1: PART 1 DMK to KIX
พวกเราออกเดินทางจากจุดนัดหมายมายังสนามบินดอนเมืองประมาณเที่ยงกว่าๆถึงสนามบินดอนเมืองก็เกือบๆจะบ่ายโมง มาที่ Terminal 1 ประตู 9 ด้านหน้าประตูจะมีตู้ Check-in อัตโนมัติให้ผู้โดยสารที่เดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียใช้สำหรับเช็คอินอัตโนมัติ รวมทั้งยังย้ายที่ชั่งน้ำหนักจากด้านในมาไว้ข้างๆตู้เช็คอินเพื่อให้ผู้โดยสารได้ทำการเช็คน้ำหนักกระเป๋าเดินทางว่าเกินกว่าที่กำหนดหรือจองไว้หรือเปล่า (ข้อดีคือได้รู้ว่ากระเป๋าที่เราจัดมาน้ำหนักเกินหรือเปล่าจะได้มีเวลาในการจัดกระเป๋าใหม่หากน้ำหนักเกิน)
เมื่อเช็คอินที่เครื่องเสร็จแล้วก็จะมีใบ Boarding Pass ตรงไปยังเคาเตอร์ที่ระบุบนตารางการบินว่าให้ไปตรวจกระเป๋าและโหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์ไหนก็ไปตามนั้น เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็จะได้ใบตม.ไทยมาเขียน(ใบขาวตัวอักษรสีฟ้าๆ)แล้วก็ตรงดิ่งไปยังช่องตม.อัตโนมัติ ผ่านพิธีการออกนอกประเทศ ตรวจสอบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (เช็คดีๆอย่าให้มีสิ่งของต้องห้ามหรือของเหลวที่เกินกำหนดจะได้ผ่านไปง่ายๆ)
จากนั้นก็มารอที่จุดรอขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้บินบ่ายถึงดึก ผู้โดยสารจึงเยอะเป็นปกติส่วนมากที่เห็นก็จะเป็นคนไทยที่จะไปเที่ยวแถวๆคันไซกับชาวญี่ปุ่นที่จะกลับบ้าน ตาม Boarding Pass เครื่องจะออกเวลา 15.20 น. แต่วันที่พวกเราไปค่อนข้างช้าหน่อยอาจเป็นเพราะการจราจรบนท้องฟ้าคับคั่ง เรียกขึ้นเครื่องประมาณ 15.30 น. Take-off ออกประมาณเกือบบ่ายสี่โมง แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะแพลนคืนแรกไปถึงสนามบินก็จะหาที่นอนที่สนามบินอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครวางแพลนที่จะต่อรถหรือรถไฟเข้าเมืองโอซาก้าเลยก็คงต้องรีบหน่อยเพราะไปถึงที่โน้นก็ราวๆห้าทุ่ม กว่าจะเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมืองก็ปาไปเกือบๆเที่ยงคืน แต่นับจากวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา สายการบิน Thai Air Asia X ได้ปรับเวลาเดินทางถึงที่หมายเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง จากสนามบินดอนเมือง ไปสนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า จะเปลี่ยนเวลาเดินทางใหม่เป็น ออกเดินทาง 14:45น. ถึงที่หมาย 21:40 จากเดิมที่ออกเดินทาง 15:20น. ถึงที่หมาย 22:40น. ทำให้มีเวลาในการเดินทางเพิ่มมากขึ้นสะดวกสบายสำหรับคนที่จะเดินทางต่อเข้าเมือง
การเดินทางบนน่านฟ้าผ่านอ่าวไทย ประเทศลาว เวียดนาม ผ่านเกาะไต้หวัน บรรยากาศยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เหมาะแก่ผู้ที่ชอบถ่ายภาพแนว Twilight ไม่ควรพลาดแสงสีส้มเหลืองพาดส่องตัดกับเมฆสีขาวเป็นบรรยากาศที่แสนวิเศษจริงๆ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเรียบร้อยความมืดก็เข้าครอบงำทั่วทั้งท้องฟ้า กลิ่นอาหารที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ก็บินลอยมาแต่ไกล พวกเราสั่งอาหารมาล่วงหน้าเพราะคิดว่าอยู่บนเครื่องนานไปหน่อยเลยอาหารมื้อเย็นไปแล้วก็เลยจัดเบาๆบนเครื่องก่อนที่จะลงไปจัดหนักที่สนามบินต่อไป อิอิ
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ เวลาที่ถึงก็ไม่ late นะครับ (อาจเป็นเพราะกัปตันคงทำเวลาช่วงที่อยู่บนน่านฟ้า) เลยทำให้เราถึงที่หมายตามกำหนดการเดิมคือประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ
ป้ายแสดงบริเวณสนามบินที่เราไปถึงบ่งบอกว่าถึงคันไซเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต้องนั่งรถไฟฟ้าของสนามบินต่อไปยังอาคารผู้โดยสารอีกหลังหนึ่งเพื่อทำการผ่านตม.และรับกระเป๋า ไม่ยากครับเดินตามๆกันไปหรือสังเกตที่ป้ายบอกทางว่าไป Immigration
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะรีบออกจากตม.เพื่อไปจองห้องพักของสนามบิน KIX AIRPORT Lounge ที่เคยดูรีวิวไว้และจะไปค้างคืนที่นั้น แต่ปรากฎว่าออกมาแล้วหลงพอสมควรหาทางขึ้นไม่เจอ ต้องขึ้นไปชั้นบนสังเกตร้านแมคโดนัลตามรีวิวแล้วเข้าไปดู แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าไปดูก็มีป้ายติดไว้ด้านหน้าทางเข้าว่า “not available” ห้องไม่ว่าง เต็มหมดเลยเหลือเพียงแค่เคาเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ตกับที่นั่งส่วนกลางแค่นั้น แต่พวกเราก็ทำใจมาระดับหนึ่งแล้วว่าคงไม่ได้พักที่นี่แน่
แผนสองของเราคือไปดูที่พักผู้โดยสารที่ Aero Plaza Zone ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฝั่งสนามบิน สามารถเดินตรงไปตามทางเชื่อมอาคารได้เลย
บรรยากาศระหว่างทางเดินตรงทางเชื่อมลมแรงมาก อากาศสุดขั้วเลยครับ ต้องรีบเดิน เย็นยะเยือก ต้องหาที่หลบแล้วหละ พอเดินเข้ามาจะมีป้ายชี้ทางบอกเป็นที่พักของผู้โดยสาร และห้องอาบน้ำ เดินตรงเข้าไปจะสังเกตเห็น Lawson และ Burger King อยู่ทางด้านขวามือ ส่วนด้านตรงข้ามก็จะเป็นที่พักผ่อนผู้โดยสารซึ่งตอนที่เราไปก็เต็มอีกครับ ที่นี้เอาไงดีละชั้นล่างเต็ม ก็เลยลองขึ้นบันไดเลื่อนไปดูชั้นบน เงียบสงบมากครับ ดูเหมือนเป็นทางเข้าไปยังโรงแรมแต่ด้านหน้าก็จะมีเก้าอี้ยาวสำหรับนั่ง ก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนมาจับจองที่นอนบ้างส่วน
ทันใดนั้นสายตาเหลือบไปเห็นร้านราเมงเปิด 24 ชั่วโมงอยู่ทางด้านขวามือ สายตาทุกคู่มองตรงกัน ฝากท้องไว้ร้านนี้เถอะคืนนี้
เข้าไปตามสไตล์ญี่ปุ่นครับ กดสั่งอาหาร จ่ายเงินที่ตู้กดอัตโนมัติ มีเมนูภาษาอังกฤษและรูปภาพประกอบเข้าใจง่าย กดปุ๊บ จ่ายตังค์ปั๊บ จะได้ตั๋วมา นำตั๋วที่ได้ส่งให้พ่อครัวเพื่อทำอาหารนั่งรอสักครู่ อาหารที่สั่งก็พร้อมเสิร์ฟแล้วววว
หลังจากกินอาหารเย็น(มื้อดึกมาก) ไปแล้ว ก็ต้องไปหาพื้นที่จับจองพักผ่อนสำหรับคืนนี้ ดูเหมือนทุกทีจะเต็มหมด จะเหลือก็ตรงระเบียบที่มีร่มกางอยู่ด้านขวามือ(ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสอง) ติดประตูเล็กๆทางเข้าออกของพนักงานโรงแรมเลย เป็นที่ว่างมีโต๊ะมีเก้าอี้พร้อม ยังไม่มีใครมาจับจองเลยสักที่
ตอนแรกก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่ง แต่พอหาที่ไหนไม่เจอก็เลยประเดิมเป็นกลุ่มแรกจับจองที่นั่งพร้อมโต๊ะ เราจะใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นสำหรับคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้เช้ามืดเราก็จะออกเดินทางกัน
[CR] บุกตะลุยแถบคันไซ กินเที่ยวไปตามประสานักเดินทาง [Nara Kyoto Osaka Hyogo(Kobe) Wakayama] 8 วัน
บุกตะลุยแถบคันไซ กินเที่ยวไปตามประสานักเดินทาง [Nara Kyoto Osaka Hyogo(Kobe) Wakayama] 8 วัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปครั้งที่สองที่ผมมาญี่ปุ่นกับเพื่อนอีกสองคน คราวที่แล้วพวกเราได้ไปตะลุยแถบคันโต เมืองหลวงโตเกียวและโดยรอบ (สามารถดูรีวิวได้ที่ http://pantip.com/topic/34477529 )
คราวนี้ก็เป็นแพลนที่พวกเราตั้งใจไว้ว่าต้องไปให้ได้นั่นคือแถบคันไซที่มีเมืองสำคัญและน่าท่องเที่ยวมากมาย เช่น โอซาก้า นารา เกียวโต โกเบ วาคายะมา อยากแรกที่พวกเรานึกออกมาได้เมื่อต้องไปเยือนคันไซ ก็คือ ต้องไปเยือน USJ หรือ Universal Studio Japan แน่นอน เป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวทุกคนที่เยือน ปราสาทโอซาก้าก็น่าสนใจ เนื้อโกเบนุ่มๆก็อยากลิ้มลอง ฟิลลิ้งให้อาหารกวางน้อยที่นาราก็มา ชมวิวริมทะเลที่วาคายามะก็สวยไปอีกแบบ นึกแล้วก็เริ่มดำเนินการหาตั๋วกันเลย เรามีเวลาเตรียมการในการหาตั๋ว จองโรงแรม วางแพลนก็ราวๆ 7 เดือน เพราะเราจองตั๋วตอนโปรออกมาเมื่อเดือน มิ.ย.58
ช่วงที่จองได้โปรที่นำคะแนน Big Point ไปแลกบวกกับเงินอีกนิดหน่อย จำได้ว่าใช้แต้ม 500 คะแนนบวกเงิน 22,127.82 บาท (ราคา 3 คน) เมื่อหารเฉลี่ยแล้วตกค่าเครื่องบินไป-กลับคนละ 7,375.94 บาท เป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาโปรไม่รวมค่าโหลดกระเป๋าและค่าอาหารบนเครื่องที่ซื้อแยกเพิ่มเติมทีหลัง แต่ถ้าใครมีแพลนว่าต้องโหลดกระเป๋าซื้ออาหารชัวร์ก็ให้จองไปพร้อมกันเลยจะถูกกว่ามาซื้อทีหลัง
เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยก็เป็นอันการันตีว่าเราได้ไปคันไซแน่นอน หลังจากนั้นเราก็เริ่มวางแพลนกันมาเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนหลายครั้งให้เข้ากับการเดินทาง จัดตารางให้ไม่ดูแน่นเกินไป สบายๆแต่เก็บได้ครบทุกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม การวางแพลนอีกอย่างที่สำคัญคือ การใช้พาสต่างๆในการเดินทางเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางมากเพราะสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก หากมีเวลาให้ลองศึกษาเส้นทางที่จะไปอย่างละเอียดว่ามีพาสอะไรบ้างที่เหมาะกับการเดินทางของเรา
ก่อนออกเดินทางเราก็ไปตามงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก งานเที่ยวญี่ปุ่น และงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ก็ไปสำรวจราคาตั๋ว ค่าเข้าต่างๆ จนได้ตั๋วเดินทางเกือบหมดทุกอย่างไม่ต้องไปซื้อที่ญี่ปุ่นเลย
มีเพียงตั๋ว JR ที่ต้องไปแลกตั๋วจริงที่สนามบินเท่านั้น สรุปตั๋วที่เราซื้อก่อนออกเดินทาง
-ตั๋วรถไฟ JR West (Kansai) Rail Pass 1 Day ราคา 2,200 เยน (616 บาท)
-ตั๋ว Osaka Amazing Pass (OAP) 1 Day Pass ราคา 2,300 เยน (680 บาท)
-ตั๋ว Kansai Thru Pass 3 Days ราคา 5,200 เยน (1,450 บาท)
-ตั๋ว Universal Studios Japan (USJ) ราคา 7,400 เยน (2,000 บาท)
-ซิมการ์ด Net 7 Days 390 บาท (เครือข่าย Docomo)
แพลนคร่าวๆที่วางไว้ตลอด 8 คืนของพวกเรา
วันที่ 1 นอนพักที่สนามบินคันไซ
วันที่ 2 ไปเมืองนาระ เมืองเกียวโต วัดน้ำใส พักค้างคืนที่เกียวโต 1 คืน
วันที่ 3 ช่วงเช้าอยู่เกียวโต ไปอาราชิยาม่า ป่าไผ่ วัดเท็นริวจิ ซูชิร้อยเยน วัดทอง ปราสาทนิโจ เย็นกลับโอซาก้า โดยรถไฟชินคันเซน พักที่โอซาก้า
วันที่ 4 ไปเมืองเฮียวโกะ (โกเบ) นั่งรถรางชมทัศนียภาพบนยอดเขาร็อกโก ทานเนื้อโกเบ ชมหมู่บ้านคิตาโนะ เดินเล่นตลาด ชมวิวอ่าวโกเบ
วันที่ 5 เที่ยวในโอซาก้า ปราสาทโอซาก้า ล่องเรือ สวนสัตว์เท็นโนจิ หอคอยซึเทนกะกุ ชิงช้าเท็มโปซาน ล่องเรือโดทงโบริ แช่ออนเซ็น
วันที่ 6 Universal Studio Japan
วันที่ 7 ไปเมืองวากายาม่า ปราสาทวากายาม่า ชิมส้ม ริงกุ พรีเมี่ยม เอาท์เลท
วันที่ 8 ฟาร์มสตอเบอรี่ ตลากคุโรมอน เด็น เด็น ทาวน์
เมื่อการวางแพลนค่อนข้างจะสมบูรณ์ก็ใกล้เวลาที่เราจะออกเดินทางอีกครั้ง หวังว่าทริปนี้จะนำประสบการณ์ครั้งก่อนมาเป็นบทเรียนและทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ไปตะลุยคันไซกับพวกเรากันเลยครับ
DAY 1: PART 1 DMK to KIX
พวกเราออกเดินทางจากจุดนัดหมายมายังสนามบินดอนเมืองประมาณเที่ยงกว่าๆถึงสนามบินดอนเมืองก็เกือบๆจะบ่ายโมง มาที่ Terminal 1 ประตู 9 ด้านหน้าประตูจะมีตู้ Check-in อัตโนมัติให้ผู้โดยสารที่เดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียใช้สำหรับเช็คอินอัตโนมัติ รวมทั้งยังย้ายที่ชั่งน้ำหนักจากด้านในมาไว้ข้างๆตู้เช็คอินเพื่อให้ผู้โดยสารได้ทำการเช็คน้ำหนักกระเป๋าเดินทางว่าเกินกว่าที่กำหนดหรือจองไว้หรือเปล่า (ข้อดีคือได้รู้ว่ากระเป๋าที่เราจัดมาน้ำหนักเกินหรือเปล่าจะได้มีเวลาในการจัดกระเป๋าใหม่หากน้ำหนักเกิน)
เมื่อเช็คอินที่เครื่องเสร็จแล้วก็จะมีใบ Boarding Pass ตรงไปยังเคาเตอร์ที่ระบุบนตารางการบินว่าให้ไปตรวจกระเป๋าและโหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์ไหนก็ไปตามนั้น เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็จะได้ใบตม.ไทยมาเขียน(ใบขาวตัวอักษรสีฟ้าๆ)แล้วก็ตรงดิ่งไปยังช่องตม.อัตโนมัติ ผ่านพิธีการออกนอกประเทศ ตรวจสอบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (เช็คดีๆอย่าให้มีสิ่งของต้องห้ามหรือของเหลวที่เกินกำหนดจะได้ผ่านไปง่ายๆ)
จากนั้นก็มารอที่จุดรอขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้บินบ่ายถึงดึก ผู้โดยสารจึงเยอะเป็นปกติส่วนมากที่เห็นก็จะเป็นคนไทยที่จะไปเที่ยวแถวๆคันไซกับชาวญี่ปุ่นที่จะกลับบ้าน ตาม Boarding Pass เครื่องจะออกเวลา 15.20 น. แต่วันที่พวกเราไปค่อนข้างช้าหน่อยอาจเป็นเพราะการจราจรบนท้องฟ้าคับคั่ง เรียกขึ้นเครื่องประมาณ 15.30 น. Take-off ออกประมาณเกือบบ่ายสี่โมง แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะแพลนคืนแรกไปถึงสนามบินก็จะหาที่นอนที่สนามบินอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครวางแพลนที่จะต่อรถหรือรถไฟเข้าเมืองโอซาก้าเลยก็คงต้องรีบหน่อยเพราะไปถึงที่โน้นก็ราวๆห้าทุ่ม กว่าจะเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมืองก็ปาไปเกือบๆเที่ยงคืน แต่นับจากวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา สายการบิน Thai Air Asia X ได้ปรับเวลาเดินทางถึงที่หมายเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง จากสนามบินดอนเมือง ไปสนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า จะเปลี่ยนเวลาเดินทางใหม่เป็น ออกเดินทาง 14:45น. ถึงที่หมาย 21:40 จากเดิมที่ออกเดินทาง 15:20น. ถึงที่หมาย 22:40น. ทำให้มีเวลาในการเดินทางเพิ่มมากขึ้นสะดวกสบายสำหรับคนที่จะเดินทางต่อเข้าเมือง
การเดินทางบนน่านฟ้าผ่านอ่าวไทย ประเทศลาว เวียดนาม ผ่านเกาะไต้หวัน บรรยากาศยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เหมาะแก่ผู้ที่ชอบถ่ายภาพแนว Twilight ไม่ควรพลาดแสงสีส้มเหลืองพาดส่องตัดกับเมฆสีขาวเป็นบรรยากาศที่แสนวิเศษจริงๆ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเรียบร้อยความมืดก็เข้าครอบงำทั่วทั้งท้องฟ้า กลิ่นอาหารที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ก็บินลอยมาแต่ไกล พวกเราสั่งอาหารมาล่วงหน้าเพราะคิดว่าอยู่บนเครื่องนานไปหน่อยเลยอาหารมื้อเย็นไปแล้วก็เลยจัดเบาๆบนเครื่องก่อนที่จะลงไปจัดหนักที่สนามบินต่อไป อิอิ
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ เวลาที่ถึงก็ไม่ late นะครับ (อาจเป็นเพราะกัปตันคงทำเวลาช่วงที่อยู่บนน่านฟ้า) เลยทำให้เราถึงที่หมายตามกำหนดการเดิมคือประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ
ป้ายแสดงบริเวณสนามบินที่เราไปถึงบ่งบอกว่าถึงคันไซเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต้องนั่งรถไฟฟ้าของสนามบินต่อไปยังอาคารผู้โดยสารอีกหลังหนึ่งเพื่อทำการผ่านตม.และรับกระเป๋า ไม่ยากครับเดินตามๆกันไปหรือสังเกตที่ป้ายบอกทางว่าไป Immigration
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะรีบออกจากตม.เพื่อไปจองห้องพักของสนามบิน KIX AIRPORT Lounge ที่เคยดูรีวิวไว้และจะไปค้างคืนที่นั้น แต่ปรากฎว่าออกมาแล้วหลงพอสมควรหาทางขึ้นไม่เจอ ต้องขึ้นไปชั้นบนสังเกตร้านแมคโดนัลตามรีวิวแล้วเข้าไปดู แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าไปดูก็มีป้ายติดไว้ด้านหน้าทางเข้าว่า “not available” ห้องไม่ว่าง เต็มหมดเลยเหลือเพียงแค่เคาเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ตกับที่นั่งส่วนกลางแค่นั้น แต่พวกเราก็ทำใจมาระดับหนึ่งแล้วว่าคงไม่ได้พักที่นี่แน่
แผนสองของเราคือไปดูที่พักผู้โดยสารที่ Aero Plaza Zone ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฝั่งสนามบิน สามารถเดินตรงไปตามทางเชื่อมอาคารได้เลย
บรรยากาศระหว่างทางเดินตรงทางเชื่อมลมแรงมาก อากาศสุดขั้วเลยครับ ต้องรีบเดิน เย็นยะเยือก ต้องหาที่หลบแล้วหละ พอเดินเข้ามาจะมีป้ายชี้ทางบอกเป็นที่พักของผู้โดยสาร และห้องอาบน้ำ เดินตรงเข้าไปจะสังเกตเห็น Lawson และ Burger King อยู่ทางด้านขวามือ ส่วนด้านตรงข้ามก็จะเป็นที่พักผ่อนผู้โดยสารซึ่งตอนที่เราไปก็เต็มอีกครับ ที่นี้เอาไงดีละชั้นล่างเต็ม ก็เลยลองขึ้นบันไดเลื่อนไปดูชั้นบน เงียบสงบมากครับ ดูเหมือนเป็นทางเข้าไปยังโรงแรมแต่ด้านหน้าก็จะมีเก้าอี้ยาวสำหรับนั่ง ก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนมาจับจองที่นอนบ้างส่วน
ทันใดนั้นสายตาเหลือบไปเห็นร้านราเมงเปิด 24 ชั่วโมงอยู่ทางด้านขวามือ สายตาทุกคู่มองตรงกัน ฝากท้องไว้ร้านนี้เถอะคืนนี้
เข้าไปตามสไตล์ญี่ปุ่นครับ กดสั่งอาหาร จ่ายเงินที่ตู้กดอัตโนมัติ มีเมนูภาษาอังกฤษและรูปภาพประกอบเข้าใจง่าย กดปุ๊บ จ่ายตังค์ปั๊บ จะได้ตั๋วมา นำตั๋วที่ได้ส่งให้พ่อครัวเพื่อทำอาหารนั่งรอสักครู่ อาหารที่สั่งก็พร้อมเสิร์ฟแล้วววว
หลังจากกินอาหารเย็น(มื้อดึกมาก) ไปแล้ว ก็ต้องไปหาพื้นที่จับจองพักผ่อนสำหรับคืนนี้ ดูเหมือนทุกทีจะเต็มหมด จะเหลือก็ตรงระเบียบที่มีร่มกางอยู่ด้านขวามือ(ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสอง) ติดประตูเล็กๆทางเข้าออกของพนักงานโรงแรมเลย เป็นที่ว่างมีโต๊ะมีเก้าอี้พร้อม ยังไม่มีใครมาจับจองเลยสักที่
ตอนแรกก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่ง แต่พอหาที่ไหนไม่เจอก็เลยประเดิมเป็นกลุ่มแรกจับจองที่นั่งพร้อมโต๊ะ เราจะใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นสำหรับคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้เช้ามืดเราก็จะออกเดินทางกัน