...ยุทธศาสตร์ 20 ปี กับ การขอบคุณ "คุณสมคิด" ที่ออกมาแถลงยอมรับความเป็นจริง..?

.
ยอมรับความเป็นจริงว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโต แต่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ขัดกับที่โพลซุปเปอร์โจ๊ก หรือ บรรดายอดมนุษย์ทั้งหลายแถลงตอบโต้ หรือกรอกหูประชาชนเป็นรายวัน

ก่อนอื่นโดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นที่ทราบว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น ก็ประกอบด้วย สี่ส่วนหลักคือ

การลงทุนภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน การท่องเที่ยว และการส่งออก

ส่วนที่บอกว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวได้ 3.2% นั้นก็เพราะมีแรงขับเคลื่อนมาจากในประเทศเป็นหลัก จากนโยบายกระตุ้นและเร่งรัดการลงทุนของภาครัฐบาล รวมทั้งการท่องเที่ยว ส่วนการส่งออกนั้นไม่ต้องพูดถึงมีแต่ทรุด กับทรุดติดลบไป แล้วอย่างหนักกว่า 8 % สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการโดนกีดกันลงโทษจากนานาประเทศ

สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ การลงทุนจากภาคเอกชนเท่านั้นแหละครับที่ยังพอเป็นความหวังของรัฐบาล เหมือนที่คุณสมคิดพูดน่ะถูกแล้วล่ะครับที่ว่า “การที่เอกชนไทยไม่ลงทุนแต่ให้รัฐบาลทำอย่างเร็ว วิ่งอยู่คนเดียว จะให้เศรษฐกิจไทยสามารถยืนอยู่ได้ต่อ ในภาวะที่การส่งออกชะลอตัว ต่อไปจะไหวหรือ”

คำตอบง่ายๆคือ " เจ๊ง " ซิครับทั่น..

ดังนั้นผมจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า.. อะไร ทำไม ..เป็นสาเหตุให้นักธุรกิจ หรือภาคเอกชนชะลอการลงทุนกันล่ะครับ..?

เอาเป็นว่าเปรียบเทียบกันง่ายๆ ว่าด้วยการจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าประชาชนทั่วไปอย่างผม หรือนักธุรกิจพันล้านก็คงคิดเหมือนกันอยูเรื่องนึงคือ

ถ้ามันจำเป็นต้องลงทุน ขอย้ำคำว่า "ถ้าจำเป็น" เช่นต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรใหม่มาแทนของเก่าที่เสีย หรือที่มันใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแล้ว อันนี้ก็ต้องยอมควักตังค์ควักกระเป๋ากันละครับ..นั่นคือความจำเป็น...

แต่ถ้ามันเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต เช่นการขยายกิจการ การขยายสายการผลิต การเก็งกำไร ฯลฯ อันนี้ " ความเชื่อมั่น " นั้นสำคัญครับ

แล้วถ้าสมมติฐานข้างต้นเป็นจริง ก็แสดงว่าภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ประชาชนทั่วไป หรือจะเป็นนักลงทุน ย่อมไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นจริงเหมือนเหล่ายอดมนุษย์ว่าไว้สิครับ เขาจึงไม่ควักกระเป๋า  ไม่กล้าลงทุน

บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่ดีไม่มีใครเถียงน่ะครับ เพราะก่อนจะเถียงต้องนับหนึ่งถึงร้อยก่อนว่าเถียงได้หรือไม่ ขัดกับประกาศใดๆตามคำสั่งของ ผู้มีอำนาจหรือเปล่า

แล ถ้าสงบแบบที่ว่า มันนำพาไปให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นั่นน่ะ มันหมายถึงเราเห็น..ความหวัง..

แต่ในทางตรงกันข้าม ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อไม่มีความเชื่อมั่น กันซะแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่า ความหวังก็เริ่มริบหรี่..

ที่สำคัญ ในสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้ ก็ยังมีคนออกมา ชง มาวาง “ กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี " ที่ต้องถือปฏิบัติห้ามออกนอกลู่นอกทาง เข้าไปให้อีก..!!!!!!

ได้ฟังได้รับทราบ ก็ได้แต่วังเวง หวังเหวิดล่ะครับ  เพราะแค่เดินตาม  2 ปีเท่านั้น “ ความเชื่อมั่น ”  ทางเศรษฐกิจหดหายไปไม่รู้เท่าไหร่ ...GDP ในกระเป๋าผมก็พลอยทรุดลงอย่างต่อเนื่อง

และ ถ้าขืนห้ามเดินนอกกรอบที่ทั่นวางไว้ 20 ปี...ราวกับว่าให้เป็นลูกเป็ด เดินตามแม่เป็ดแล้วล่ะก้อ..

มนุษย์สยามอย่างพวกกระผม ก็คงได้กลายเป็นมนุษย์เป็ดอาศัยมุดถ้ำกันอยู่แล้วล่ะครับพี่น้อง...

สวัสดี ประเทศไทย...



ลาทีปากน้ำ : นพดฬ ชาวไร่เงิน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เอกชนไม่มีวันจะลงทุน หากไม่มีความเชื่อมั่น
ความเชื่อมั่น เกิดจากสภาพแวดล้อมและโอกาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจและการสร้างผลกำไร

สมคิดควรอย่างยิ่ง ที่จะไปศึกษาเอากรณีตัวอย่าง พม่า เกาหลีเหนือ และประเทศในแถบแอฟริกา

ยิ่งมาจากนักวิชาการ ยิ่งเหมือนเส้นผมบังภูเขา

หัดมองแบบนักธุรกิจข้ามชาติ แล้วจะเห็นว่าไอ้สิ่งที่ทำๆอยู่นะ วางแผน วางยุทธศาสตร์ทั้งหลายนะ มันมั่วไม่ตรงจุด
ต่อให้แผนการมันดีเลิศขนาดไหน แต่ระบบมันไม่ให้ มันก็ไม่มีวันก้าวหน้าได้

คุณจะส่งออกได้ยังไง ถ้าคุณไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศคู่ค้าหลักอย่างเมกา หรือยุโรป
คุณจะไม่มีการลงทุนอุตสากหรรมการผลิต เพราะว่าส่งออกไม่ได้ ถึงได้ก็เสี่ยงต่อการโดนกีดกันสารพัด

จีนคือคู่แข่งคุณ ทำทุกสิ่งที่คุณผลิตได้ ขายแข่งกับคุณ และเอามาขายคุณด้วย และเป็นไปได้ยากที่จีนจะใช้คุณเป็นฐานการผลิตเพราะประเทศเค้าพร้อมมากกว่าทุกอย่าง

กฎหมายที่มีปัญหา กฎหมายที่ขึ้นกับการตีความ เอาแน่เอานอนไม่ได้ คุณว่าเอื้ออำนวยต่อการลงเงินมากๆไหม
อย่างรถไฟความเร็วสูง ก็เห็นชัด เตรียมการกันดิบดี ล้มด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง สัปทานต่างๆ เยอะแยะ ตัวอย่างเพียบ

ส่วนเรื่องกรอบ 20 ปี ถ้า เป็นเอกชน เค้าไม่ได้มองเรื่องกรอบหรอก แต่เค้าก็ต้องคิดว่าไม่ว่าจะมีรัฐบาลไหนมา
คนที่กำหนดทุกอย่างก็คือคนพวกเดิมไปอีก 20 ปี แล้วใครมันจะมาละคับ
ถ้า สมคิดแพลน มันไม่ได้เรื่องละ ซึ่งสองปีที่ผ่านมาก็เห็นผลอยู่ แต่ก็ต้องใช้สมคิดแพลนไปอย่างน้อย 20 ปีรึ  เอาฮาไหมคับเนี่ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่