[CR] Delhi last time, Leh first time (Part.1 Living in Delhi)

....หลังจากเรียนปี4มาได้ซักพัก ตัวผมก็เริ่ม"หมดใจ"กับการเรียนอันแสนหนัก ได้ข่าวว่าเพื่อนจะไปLehกันผมจึงขอไปด้วย เนื่องจากLehเป็นที่ที่ผมอยากจะไปตั้งแต่ปี2 ถ้าเทียบกับTorikoแล้ว Lehคงเป็น1ในFull Courseของผมละ ฮาาา เห็นรูปถ่ายของช่างภาพหลายๆคนในfacebookนานๆเข้า ผมก็หวั่นไหวได้เหมือนกันนะ....
     
   สรุปว่าได้วันไปคือ 26เมษายน-5พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงSpringของLeh อากาศน่าจะดีแต่คงสู้Summerไม่ได้

   เตรียมตัวขั้นแรกคือการขอVisa ผมไปขอตามลายแทงนี้ http://www.scratchdaworld.com/?p=1107 และขั้นต่อมาคือเตรียมตัวเรื่องแพลนทริป ปัญหาระดับชาติเลยของผมคือยาแก้ Acute Mountain Sickness ซึ่งคนทั่วไปจะกินDiamox(R) (Acetazolamide)กัน แต่ผมแพ้Sulfaซึ่งเป็นcontraindicationของยาตัวนี้ ผมจึงไปปรึกษาเพจ 'หมอๆตะลุยโลก' ได้ความว่าให้ลองกินดูเนื่องจากหมู่SulfaในยาDiamox(R)กับยาAntibioticนั้นต่างกัน กินได้ แต่อาจจะมีcross reactionแพ้ได้ ผมจึงลองกิน ปรากฏว่าไม่แพ้ครับ ต้องขอขอบคุณเพจ'หมอๆตะลุยโลก'มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ยิ้ม

   เสื้อกันหนาวที่จะเอาไว้ใช้ที่Lehนั้นผมใช้เสื้อกันหนาวที่ตัวหนาๆและถุงมือหนาๆเพื่อกันหนาว เนื่องจากผมกลัวหนาวมาก ผมเคยไปหนาวอยู่บนCameron highlandที่มาเลซียเพราะนึกว่ามาเลอากาศร้อนไม่ต้องใส่หรอก ตอนนี้เลยเข็ดละครับ ฮ่าๆๆ สุดท้ายอากาศที่Lehก็หนาวจริงครับ น่าจะติดลบ1องศา หนาวจนไม่ต้องอาบน้ำไปเกือบอาทิตย์เลย ฮาา
   ส่วนสภาพอากาษที่อินเดียนะครับ40องศาครับ ร้อนมากกว่าไทยอีก ใส่เสื้อกล้ามเดินยังร้อนเลย ฮาา

   พวกมาม่า โจ๊กกระป๋องก็เอาไปด้วยนะครับ เพราะอาหารที่Lehผมแทบกินไม่ได้เลย มีแต่แป้ง แป้ง แป้ง แป้ง ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ไว้ผมจะมาเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับLehในกระทู้ถัดไปนะครับ กระทู้นี้ขอเล่าเรื่องเมืองภาระตะ ก่อนนะครับ




Part2และPart3มาแล้วนะครับเพื่อนๆ เชิญเสพกันได้เล้ยยยยยยย

[CR] Delhi last time, Leh first time (Part.2 Leh 1st day)
http://pantip.com/topic/35258289

[CR] Delhi last time, Leh first time (Part.3 Leh 2nd day)
http://pantip.com/topic/35284792

หากท่านใดอยากชมรูปภาพสวยๆจากเมืองเลห์และที่อื่นๆของผม โปรดแวะเวียนไปเยี่ยมชมที่นี่เลยครับ
http://www.flickr.com/photos/tonbluesman

อัพเดตหน่อยครับตอนนี้ผมทำigรวมรูปท่องเที่ยวของผม เวะเวียนไปเยี่ยม ไปfollow กันได้นะครับ
ig : tonbluesman.photo  หรือเข้าทางนี้ก็ได้ครับ https://www.instagram.com/tonbluesman.photo/





รวมแก๊งค์นักเดินทางในครั้งนี้ครับ



   26 April 2016 วันแรกของการเดินทาง พวกเรามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอน6.30 AMเพื่อรอขึ้นเครื่องสายการบินAir indiaไปDelhi ตอนที่พวกเราจะขอboarding pass พนักงานบอกว่าต้องใช้รหัสบัตรเครดิตที่เพื่อนคนหนึ่งใช้จองเพื่อนยืนว่าจ่ายเงินค่าตั๋วแล้ว ทำให้ต้องรอเพื่อนคนนั้นมาถึงก่อนจึงจะขอตั๋วได้ แต่เพื่อนคนนั้นมาถึงก็จำรหัสไม่ได้ ตอนนั้นวุ่นวายมาก เพื่อนต้องโทรไปหาแม่เพื่อนขอหรัสบัตรเครดิตแต่แม่ไม่อยู่ บลาๆ ไปๆมาๆพนักงานที่ดูเรื่องตั๋วเราไปคุยกับเพื่อนเคาท์เตอร์ข้างๆ เพื่อนเขาบอกว่า”นี่พวกผมโอนเงินาตั้งเป็นหลายเดือนแล้วจะกลัวเรื่องตั๋วปลอมอะไรอีก” พนักงานคนนั้นก็ยอมให้boarding passมาแต่โดยดี ฮ่าๆ
   เครื่องบินสายการบินAir indiaกว้างมาก มีอาหารบริการอย่างดี มีหนังให้ดู แต่ขาไปผมไม่ได้ดูหนังเลย นั่งฟังเพลงที่เอาใส่โทรศัพท์มาตลอดทาง กระจกปรับระดับความสว่างได้ ซึ่งคุ้มกับค่าตั๋วมากแต่พอบินไปซักระยะทางสายการบินก็ปิดไฟในเครื่องบินและประบความสว่างกระจกให้มืดเกือบสุดเพื่อนให้ผู้โดยสารนอน ซึ่งผมไม่ได้อยากนอนนี่ อยากนั่งดูวิวระหว่างทางมากกว่า T_T
   
   

   


   เมื่อถึงDelhi พวกเราลงมาเจอกับอากาศที่ร้อน39องศาซึ่งร้อนกว่าไทยเสียอีก ขนาดว่าช่วงที่ผมไปอินเดียนั้นที่ไทยกำลังเผชิญวิกฤติภัยแล้วอ่ยังสู้อินเดียไม่ได้เลย ฮ่าาา พวกเรานัดเจอเพื่อนอีคนที่มาอีกสายการบินนึงและถึงก่อน ซึ่งสนามบินIndira Gandhiนั้นมีตุดนัดพบดีๆคือร้านกาแฟCostaซึ่งมีอยู่2จุด ตั้งอยู่คนละฝั่งของอาคารผู้โดยสารขาออก จากนั้นพวกเราก็หาTaxiไปโรงแรม หลังจากนี้ผมจะเริมเล่าให้เห็นกลโกงของชาวเมืองนะครับ
*กรุณาใช้วิจารณญานในการรับชม*



ด้านนอกของสนามบินอินทิราคานทีครับ ส่วนคนในรูปเพื่อนผมเอง ฮาา



แผนผังอาคารผู้โดยสารขาออกครับ


   หลังจากเดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก จะมีAgencyของหลายบริษัทTaxiให้เราไปติดต่อเพื่อให้เขาจัดหารถให้ ผมไปคุยกับบริษัทแรกคือ Mega cab taxi ซึ่งประมาณค่ารถให้ได้คันละ350รูปี ผมคิดว่าแพงไปจึงไปหาบริษัทอื่นได้มา400รูปี ผมจึงเดินไปหารถTaxiโดยตรงเพราะคิดว่าถ้าไม่ผ่านนายหน้าอาจจะถูกกว่า คนขับถามว่ามีตั๋วไหม(บริษัทAgencyจะออกให้) ผมบอกไปว่าไม่มี คนขับจึงบอกราคาว่า500รูปี สงสัยเขาคงคิดว่าเราไม่รู้ราคาแบบผ่านนายหน้า สุดท้ายก็กลับมาตายรังต้องเลือกรถของMega cab taxi ซึ่งเราแบ่งเป็น2คน คันละ3คน พวกเราขึ้นรถเรียบร้อย ส่วนสัมภาระน่ะหรอ คนขับเอาไว้บนหลังคาครับแถมไม่มีอะไรรัดด้วยนะ เพื่อนผมเริ่มกังวลว่ามันจะตกไหม พอรถกำลังจะออกก็มีหนุ่มอินเดียซึ่งเป็นคนยกสัมภาระผมขึ้นไปบนหลังคนก็บอกว่าขอTip อะไรกันเนี่ยเราก็นึกว่าเค้าเป็นเพื่อนกับคนขับรถแล้วมาช่วยเฉยๆ ผมก็ปิดหน้าต่างรถหนีแล้วล้อก็หมุน


รูปจากในรถTaxi


   โรงแรมที่เราไปพักชื่อHotel Airport City ซึ่งราคาไม่แพงและอยู่ใกล้สนามบินเพราะพวกเราต้องบินต่อไปLehตอน6โมงเช้า ผมเปิดแผนที่ให้คนขับTaxiดู คนขับก็พาไปอีกทางหนึ่งซึ่งพวกเราก็เริ่มระแคะระคายจึงบอกให้เค้าขับตามที่ผมสั่ง แต่แค่นี้ยังไม่พีคหรอกนะ ที่พีคคือเมื่อรถขับด้วยความเร็วและเข้าโค้ง การพิสูจน์สูตรฟิสิกส์ก็ได้เริ่มขึ้น ตามสูตรF=mv2/r, และF=f’ กระเป๋าของพวกเราที่อยู่บนหลังคารถก็ร่วงสิครับ พุ่งไปไกลด้วย จะตลกก็คงตลกไม่ออกละทีนี้ เจ้าคนขับเจ้ากรรมก็ถอยรถไปหยิบกระเป๋าให้ คราวนี้พวกเราไม่ไว้ใจมันละเอากระเป็าเข้าในรถซะเลยยอมเบียดหน่อย เอ่อจะบอกอย่างนึกนะครับว่าที่อินเดียไม่มีกฎจราจรนะครับใครจะขับยังไงก็ขับ รถของผมขึงถอยหลังกลางถนนใหญ่ไปเก็บกระเป๋าได้ ฮ่าๆ หลังจากที่มาถึงโรงแรมแล้วก็ได้เวลาจ่ายเงินโดยจ่ายตามในเสร็จที่ปริ้นออกมาจากมิเตอร์ ค่าเสียหายครั้งนี้หมดไป350รูปีพอดีเลย จากนั้นพวกผมก็ไปรวมกับเพื่อนที่มาอีกคนซึ่งถึงก่อน คุยกันได้ความว่าโดนขับอ้อมเหมือนกันและเสียค่ารถไป490รูปี ผมก็งงว่าอะไรกันมันมาถึงก่อนทำไเสียค่ารถแพงกว่า ถามไปถามมาก็รู้ว่าเพื่อนผมไม่ได้ขอดูบิลจากมิเตอร์็สัณณิษฐานได้ว่าโดนโกงนาจาาา

   พวกเราขึ้นห้องชั้น3ไปเก็บของ พนักงานบริการยกของให้โอเคอยู่ สภาพโรงแรมใช้ได้ ห้องสวยไม่น่าเกลียด ห้องน้ำสะอาด มีwifiใช้ แต่ต้องใช้ของชั้น2 ชั้น3ใช้ไม่ได้ ้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ถ่ายสภาพห้องพักเอาไว้ เนื่องจากตอนนั้นรีบมากจริงๆ เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกตะลุยเมืองภาระตะกันเลย


รูปเตียงนอนในห้องพัก เป็นเตียงking sizeครับ



ร้านน้ำปั่นหน้าโรงแรม ใครละจะกล้ากิน ฮาาา



ซอยในโรงแรมที่เราต้องเดินออกถนนใหญ่



เลาะถนนไปสถานนีMetro



เที่ยวแบบไม่รู้ทางก็ดีนะ ได้พูดคุยถามทางกับชาวอินเดีย



ร้านค้าระหว่างทาง


   ป้าหมายแรกของเราคือหาร้านอาหารกลางวันให้เพื่อนๆกินข้าวเที่ยงกัน พวกเราเริ่มเดินออกจากซอยไปหารถไฟฟ้าMetroขึ้น พวกเราไม่รู้ทางจึงถามทางคนแถวนั้น ตอนถามก็กลัวว่าจะโดนหลอกอีกไหมด้วย พอได้ความว่าให้เดินไปตรงไหนพวกเราก็เดินไปเลย ลุย! พอเรามาถึงสถานีรถMetroก็ไม่ใช่ว่าจะแค่เดินผ่าเครื่องตรวจโลหะแล้วขึ้นรถเลย ต้องมีการตรวจค้นแบบมหากาพย์กันเสียก่อน ซึ่งกว่าจะขึ้นได้โคตรรลำบากเลย ต้องมีทหารคอยตรวจกระเป๋า แสกนกระเป๋า ตรวจตัวว่าพกอะไรมา ยิ่งกว่าการตรวจที่สนามบินบ้านเราอีก ค่ารถไฟฟ้าที่นี่ไม่แพงเลยและพวกเราไม่ได้ขึ้นหลายเที่ยวจึงไม่ได้ซื้อตั๋วแบบเที่ยวกัน


ชานชลาMetro คล้ายๆกับMRTของไทยเลยนะ


   พวกเราไปลงสถานี New Delhi เพื่อจะเดินไปRed fort พวกเราแวะร้านอาหารแถวนั้นกินกันก่อน อาหารรสชาติดี เป็นพวกแป้งกับแกงกระหรี่ ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเค้าเรียกอะไรกันบ้าง ตอนนั้นหิว ขอกินลูกเดียว ฮาๆๆ พวกเราประทับใจกับอาหารมื้อแรกมาก พนังงานก็บริการดีโดยผู้จัดการร้านที่ผูดอังกฤษได้จะออกมารับออเดอร์เราและคอยอธิบายว่าอาหารนี้คืออะไรๆ


ผู้จัดการร้านที่คอยอธิบายเทนูอาหารพวกเรา



เครื่องดื่มในตู้โชว์ของร้าน



อาหารของเรามื้อนี้ ได้มาปุ๊ปก็ถ่ายรูปอาหารปั๊ป



อาหารแบบชัดๆ


   หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ พวกเรก็เดินผ่านโซนตลาดเข้าไปเจอJama masjid แต่เนื่องจากค่าเข้าแพงตั้ง300รูปีและต้องถอเรองเท้าด้วย(พวกเรากลัวรองเท้าหายมาก) พวกเราจึงไม่เข้า   จากนั้นพวกเราเดินต่อไปยังRed fortเป้าหมายหลักของพวกเรา ระหว่างทางก็ผ่านข้ายขายน้ำมะนาวกลางทางนับร้อยร้าน แต่พวกเราไม่ซื้อกินหรอกะกลัวท้องเสีย ฮาาา


มันยิด JAMA


   ณ ป้อมปราการแดงหรือRed fort พวกเรานึกว่าค่าเข้าแค่60รูปีตามป้าย ที่ไหนได้500รูปี แถมยังเอาน้ำกับขาตั้งกล้องเข้าไปไม่ได้ด้วย เค้าจะให้ไปฝากสิ่งต้องห้ามเหล่านี้ที่cloak room ซึ่งค่าฝาก2รูปี เราไม่มีเศษจ่ายเค้าเลยเก็บ10รูปี แล้วก็ยืนขำกัน งามไส้ไหมละ หึหึ ถ้าแอบเอาข้าก็อย่าหวังเพราะมีscanร่างกายก่อนเข้าสถานที่(พอดีเรากับเพื่อนเดินไปซื้อน้ำดื่มมาหลายขวด เลยต้องรีบกินให้หมดก่อนเข้า) เพื่อนผมเอาcookieเข้าไปแต่เครื่องดันแสกนเจอ ทหารที่คุมเครื่องเลยบอกว่าอย่าเอาออกมาแล้วกัน ภายในก็ไม่ค่อยมีอะไร เดินไปเดินมา มีอาคารเก่าทรงอินเดียให้เดินชม มีสนามหญ้าเหมือนสวนสารธารณะให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ....แล้วมันคุ้ม500รูปีไหมเนี่ย


หลังจากผ่านด่านตรวจมาแลวจะเจอประตูทางเข้าใหญ่ๆแบบนี้



เดินไปซักพักจะเจอทางเข้าอีกรอบ



มีอาคารทรงภาระตะอยู่ด้านใน เลี้ยวซ้ายออกไปจะไปเจอสวนสาธารณะ


[img]http://f.ptcdn.info/083/043/000
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่