กก.ทีโอทีกลุ้มสัญญาเอไอเอสไม่คืบ หวั่นสูญรายได้อื้อหากไม่รีบลงนาม
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
นายชิต เหล่าวัฒนา กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการทำสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทาง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ว่า บอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัททราบดีว่าขณะนี้ที่ทีโอทียังไม่สามารถลงนามในบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ร่วมเป็นพันธมิตรในการเช่าใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์ กับเอไอเอส ที่มีอายุสัญญา 10 ปีได้ ส่งผลให้รายได้ที่คาดว่าจะเข้ามาจากสัญญาดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อองค์กร ทั้งๆ ที่เอกชนเองมีความพร้อมจะดำเนินธุรกิจแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุที่ยังไม่สามารถลงนามในเอ็มโอยูได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการดำเนินกระบวนการต่างๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมและแสดงถึงความโปร่งใส ซึ่งได้ส่งรายละเอียดของเอ็มโอยูไปยังสำนักงานคณะกรรมการอัยการสูง เพื่อให้ตรวจสอบรายละเอียด
"คณะกรรมการบอร์ดก็อยากให้มีการเซ็นเอ็มโอยูกับเอกชนโดยเร็ว เพราะทุกๆ วันที่ผ่านไป ก็เท่ากับรายได้ของทีโอทีก็ลดลง อย่างไรก็ตาม ร่างเอ็มโอยูดังกล่าวทาง บอร์ดได้ส่งให้อัยการแล้วกว่า 1 เดือน แต่จนถึงขณะนี้ทางอัยการก็ยังไม่ส่งเรื่องกลับมา ก็รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน" นายชิตกล่าว และว่า แม้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เอไอเอสและทีโอทีได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) อย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการทำสัญญาร่วมกันแต่อย่างใด ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับ เอไอเอสจะสร้างรายได้ให้ทีโอทีเป็นเงิน 10,000 ล้านบาทต่อปี รวมตลอดอายุสัญญาจะสร้างรายได้แสนล้านบาท
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 6)
'TOT' กลุ้มสัญญา 'AIS' ไม่คืบ หวั่นสูญรายได้อื้อหากไม่รีบลงนาม
กก.ทีโอทีกลุ้มสัญญาเอไอเอสไม่คืบ หวั่นสูญรายได้อื้อหากไม่รีบลงนาม
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
นายชิต เหล่าวัฒนา กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการทำสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทาง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ว่า บอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัททราบดีว่าขณะนี้ที่ทีโอทียังไม่สามารถลงนามในบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ร่วมเป็นพันธมิตรในการเช่าใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์ กับเอไอเอส ที่มีอายุสัญญา 10 ปีได้ ส่งผลให้รายได้ที่คาดว่าจะเข้ามาจากสัญญาดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อองค์กร ทั้งๆ ที่เอกชนเองมีความพร้อมจะดำเนินธุรกิจแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุที่ยังไม่สามารถลงนามในเอ็มโอยูได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการดำเนินกระบวนการต่างๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมและแสดงถึงความโปร่งใส ซึ่งได้ส่งรายละเอียดของเอ็มโอยูไปยังสำนักงานคณะกรรมการอัยการสูง เพื่อให้ตรวจสอบรายละเอียด
"คณะกรรมการบอร์ดก็อยากให้มีการเซ็นเอ็มโอยูกับเอกชนโดยเร็ว เพราะทุกๆ วันที่ผ่านไป ก็เท่ากับรายได้ของทีโอทีก็ลดลง อย่างไรก็ตาม ร่างเอ็มโอยูดังกล่าวทาง บอร์ดได้ส่งให้อัยการแล้วกว่า 1 เดือน แต่จนถึงขณะนี้ทางอัยการก็ยังไม่ส่งเรื่องกลับมา ก็รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน" นายชิตกล่าว และว่า แม้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เอไอเอสและทีโอทีได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) อย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการทำสัญญาร่วมกันแต่อย่างใด ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับ เอไอเอสจะสร้างรายได้ให้ทีโอทีเป็นเงิน 10,000 ล้านบาทต่อปี รวมตลอดอายุสัญญาจะสร้างรายได้แสนล้านบาท
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 6)