4 สหายตะลุยกรุงโรม ประกอบด้วย Lonely Planet เคลื่อนที่, Wikipedia พูดได้,
Google Map Offline พาหลง และเราผู้ไม่ทันเตรียมตัว
เราเดินทางข้ามประเทศมา ด้วยสัมภาระที่มี 4-5 kg คิดว่าพอมาถึงคงได้เข้าที่พักกินข้าวอาบน้ำนอนอะไรงี้
ที่ไหนได้ เพื่อน Google Map Offline ลากข้าเจ้าไปน้ำพุ Fontana di Trev ที่เค้าว่ากันว่าถ้าโยนเหรีญที่นี่แล้วจะได้กลับมาอีกครั้ง
ซึ่งก็คงจะจริง เพราะที่นี่มีอะไรให้ดูชมเยอะมาก มารอบเดียวคงไม่พอ แต่มาบ่อยเงินก็คงไม่พอเช่นกัน

แม่เจ้าคนเยอะมาก และไหล่ข้าก็เริ่มหนัก ส่วนอากาศนั้นเย็นสบายแม้ไม่มีเสื้อกันหนาวก็อยู่ได้ชิวๆ
พอโยนเหรียญไปละ คิดในใจคงได้กลับที่พักซะทีเนาะ
วืดอีกเช่นกัน เพราะ เพื่อน Lonely Planet บอกว่าเราต้องไปตามรอย ร้าน Gelato ในตำนาน

คือคนเยอะมาก 4-5 ทุ่มแล้วไม่กลับบ้านดูละครกันหรอ หรือถ้าจะชอบกินมากขนาดนี้
คงต้องซื้อเครื่องทำไอติมไว้ที่บ้านแทนเครื่องทำกาแฟแล้วแหละ
เช้าวันที่ 21.05.16 อากาศสดใส จนร้อน
ประเดิมเช้านี้ด้วยการทัวร์ นครรัฐวาติกัน และชมโบสถ์ St. Peter Basilica โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คนเข้าแถวเยอะมากๆ มากจริงๆ มากกว่าร้าน Gelato เมื่อวานอีก
แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะ Wiki เพื่อนเราได้หาข้อมูลพร้อมจองตั๋วเข้าชมโบสถ์และพิพิธภัณฑ์เรียบร้อย
แต่ก่อนจะเข้าพิพิธภัณฑ์ แม่เจ้า!!! โดนสกัดดาวรุ่ง
อินี่ไม่รู้แขกหรือชาติไหนดูเป็น พนง.ของพิพิธภัณฑ์ บอกเราว่าตั๋วที่มีสามารถเข้าชมได้ 2 โซน ไม่สามารถเข้าโบสถ์ได้
ถ้าจะเข้าโบสถ์คุณต้องจ่ายเพิ่มนะจ๊ะ (ราคาประมาณ 2 เท่า ของที่จ่ายไปแล้ว)
นอกจากนี้ยังไม่พอ อินี่ยังย้ำอีกนะจ๊ะว่าคุณจะมาวาติกันเพื่ออะไร ??? ถ้าคุณไม่ได้เข้าโบสถ์ อิฉันเสียใจด้วยจริงๆจ่ะ
พูดไปซะขนาดนั้น และเราก็มากันไกลขนาดนั้น จ่ายเพิ่มก็ได้ว้าาาาา
และนี่คือสิ่งที่ได้เห็น ภายในพิพิธภัณฑ์

นี่ไม่ใช่ภาพนูนต่ำ นูนสูงหรือแกะสลักแต่อย่างใด หากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเป็นภาพ 2 มิติ ที่เพิ่มแสงเงาเข้าไป
ยังไม่หมดเท่านี้

แหม่ๆๆ เห็นแล้วก็ทึ่ง วาดกันเข้าไปได้ เพดานก็สูงขนาดนั้น ขนาดแค่มองยังเมื่อยคอขนาดนี้
เห็นความยิ่งใหญ่ อลังการแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า สมัยนั้นจะเจริญแค่ไหน
แล้วต้องใช้คน ใช้งบประมาณแค่ไหนถึงจะได้ขนาดนี้ คนสมัยนั้นเขากินดีอยู่ดีกันใช่มั้ย หรือถูกบังคับให้มาก่อสร้างอาคารเล่านี้
เพื่อสนองความต้องการของใครรึเปล่า
นี่ก็อลังเข้าไปได้อีก

โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด ที่ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเมื่อตอนจะเข้านั้น
ตอนนี้ก็พบว่ามันไม่ได้แตกต่างกับที่เพื่อนได้จองมาแต่อย่างใด
สรุปง่าย ถูกหลอกเจ้าค่ะ
ได้พออ่านผ่านตามาบ้างว่ามาโรมให้ระวังขโมย นี่ก็ระวังทั้งกระเป๋า มือถือ กล้อง มองหน้ามองหลังยังรอดมาได้
แต่นี่โดนหลอกไปง่ายๆ ดื้อๆ แถมควักเงินให้ไปด้วยความเต็มใจอีกต่างหาก เอาตังกรุไปเลยจร้าาาา
ต่อไปคงระวังแค่ทรัพย์สินไม่พอแล้วหละ ต้องระวังคนอัธยาศัยดี และพกสติไปด้วยแล้วหล่ะ
เอ๊ะๆๆ !! หรือนี่จะเป็น พลังแห่งน้ำพุเทรวี่ ให้เรากลับมาซ่อมอีกทีเป็นแน่แท้
ต่อด้วย วิหาร Pantheon วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเหล่าเทพ
เขาบอกว่านี่เป็นวิหารยุคโรมันที่เก่าแก่ที่สุดและคงสภาพสมบูรณ์เกือบทั้งหมด

ที่นี่เข้าฟรี ไม่เสียเบี้ย ไม่เสียอารมรณ์

เดินทั้งวันหากหิวเราขอแนะนำร้านข้างๆวิหาร ขายอาหารแขก และเครื่องเทศ มีทั้งดิบและปรุงสุก
จัดไปอย่าให้ปากว่าง
รสชาติแบบหมูแดดเดียว เค็มๆ เปรี้ยวๆ มีกลิ่นติดมือเบาๆ ก็ไม่รู้ว่ามันสุกรึยัง ต้องกินน้ำร้อนตามมั้ย
บรรกาศโดยรอบ
สุดท้ายสำหรับวันนี้ จัดไปกับพิซซ่าในตำนานจาก Lonely Planet ร้านชื่ออะไรไม่รู้ส่วนทางจะไปนั้นจำไม่ได้เลย

คิดว่าอร่อยตั้งแต่เคยกินมาละ ส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบพิซซ่ามากเท่าไร
แต่ถาดนี้อร่อยจริง โดยเฉพาะหมูสับมันมีรสชาติอ่ะค่ะ คาดว่าคงผ่านกรรมวิธีหมักอะไรมาก่อน
แต่มองผ่านๆนึกว่ามาม่าเกาหลี เพราะมีไข่ดาววางอยู่
ยามค่ำคืน นี่ก็จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
วันที่ 22.05.16 อากาศสดใส๊ สดใส กว่าเมื่อวานอีก
วันนี้ไปตะลุยซากเมืองเก่ากัน
เห็นซากแล้วสุภาษิต Rome wasn't built in a day หรือ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ก็ลอยมา
กรุงโรมที่เห็นนี่ใช้เวลาสร้างกว่า 900 ปี ขนาดซากยังมากมายขนาดนี้
นึกภาพ 3 มิติ ตอนที่ยังสมบูรณ์ตามไม่ทันเลยว่าเมื่อ 2,000 ปี ที่แล้วจะขนาดไหน
สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ จุคนได้กว่า 50,000 คน แหม่ นึกถึงสนามกีฬาราชมังคลาฯ บ้านเราขึ้นมาทันที
วันที่ 22.05.16
บอกลากรุงโรมแล้วไปต่อกันที่ Bergamo
มาที่นี่เพื่อชมธรรมชาติล้วนๆ เพราะข้อมูลไม่ได้หามาเลย
อากาศดี คนไม่มากและขยะไม่เยอะเท่าโรม
เราจะขึ้นไปบนนั้นกัน

เวลาว่าง เด็กๆ วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงวัย พากันมาเดินเล่น สบายแฮ
ดีที่ว่ามี wifi ให้ใช้ แต่ก็แรงเป็นจุดๆ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว

เนื่องจากเมืองนี้อยู่ห่างมิลานไม่มากขอแย็บๆ ไปมิลานหน่อยละกัน
สถานีรถไฟ ต้องขนาดนี้กันเลยใช่มั้ย

แผนที่มีไว้อุ่นใจ เพราะ wifi ไม่มี (หรือมีแต่ไม่รู้กันแน่)

คนที่นี่ก็ดูจะเอนจอยกะแสงแดดยิ่งนัก

วิหารหินอ่อนสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเป็นรองก็แต่มหาวิหารที่กรุงโรม
มีรถไฟใต้ดินสาย M1 กับ M3 ผ่าน ถ้ามาจากต่างเมืองลงที่ Milano Centrale ก็ต่อสายสีเหลืองมาโลด
สุดท้ายนี้ก่อนลงใต้ดินจากกันไป ถ้าอยากลอง Gelato ด้านหลังวิหารมีขายนะ
[CR] When In Rome Do As The Romans Do
Google Map Offline พาหลง และเราผู้ไม่ทันเตรียมตัว
เราเดินทางข้ามประเทศมา ด้วยสัมภาระที่มี 4-5 kg คิดว่าพอมาถึงคงได้เข้าที่พักกินข้าวอาบน้ำนอนอะไรงี้
ที่ไหนได้ เพื่อน Google Map Offline ลากข้าเจ้าไปน้ำพุ Fontana di Trev ที่เค้าว่ากันว่าถ้าโยนเหรีญที่นี่แล้วจะได้กลับมาอีกครั้ง
ซึ่งก็คงจะจริง เพราะที่นี่มีอะไรให้ดูชมเยอะมาก มารอบเดียวคงไม่พอ แต่มาบ่อยเงินก็คงไม่พอเช่นกัน
แม่เจ้าคนเยอะมาก และไหล่ข้าก็เริ่มหนัก ส่วนอากาศนั้นเย็นสบายแม้ไม่มีเสื้อกันหนาวก็อยู่ได้ชิวๆ
พอโยนเหรียญไปละ คิดในใจคงได้กลับที่พักซะทีเนาะ
วืดอีกเช่นกัน เพราะ เพื่อน Lonely Planet บอกว่าเราต้องไปตามรอย ร้าน Gelato ในตำนาน
คือคนเยอะมาก 4-5 ทุ่มแล้วไม่กลับบ้านดูละครกันหรอ หรือถ้าจะชอบกินมากขนาดนี้
คงต้องซื้อเครื่องทำไอติมไว้ที่บ้านแทนเครื่องทำกาแฟแล้วแหละ
เช้าวันที่ 21.05.16 อากาศสดใส จนร้อน
ประเดิมเช้านี้ด้วยการทัวร์ นครรัฐวาติกัน และชมโบสถ์ St. Peter Basilica โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คนเข้าแถวเยอะมากๆ มากจริงๆ มากกว่าร้าน Gelato เมื่อวานอีก
แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะ Wiki เพื่อนเราได้หาข้อมูลพร้อมจองตั๋วเข้าชมโบสถ์และพิพิธภัณฑ์เรียบร้อย
แต่ก่อนจะเข้าพิพิธภัณฑ์ แม่เจ้า!!! โดนสกัดดาวรุ่ง
อินี่ไม่รู้แขกหรือชาติไหนดูเป็น พนง.ของพิพิธภัณฑ์ บอกเราว่าตั๋วที่มีสามารถเข้าชมได้ 2 โซน ไม่สามารถเข้าโบสถ์ได้
ถ้าจะเข้าโบสถ์คุณต้องจ่ายเพิ่มนะจ๊ะ (ราคาประมาณ 2 เท่า ของที่จ่ายไปแล้ว)
นอกจากนี้ยังไม่พอ อินี่ยังย้ำอีกนะจ๊ะว่าคุณจะมาวาติกันเพื่ออะไร ??? ถ้าคุณไม่ได้เข้าโบสถ์ อิฉันเสียใจด้วยจริงๆจ่ะ
พูดไปซะขนาดนั้น และเราก็มากันไกลขนาดนั้น จ่ายเพิ่มก็ได้ว้าาาาา
และนี่คือสิ่งที่ได้เห็น ภายในพิพิธภัณฑ์
นี่ไม่ใช่ภาพนูนต่ำ นูนสูงหรือแกะสลักแต่อย่างใด หากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเป็นภาพ 2 มิติ ที่เพิ่มแสงเงาเข้าไป
ยังไม่หมดเท่านี้
แหม่ๆๆ เห็นแล้วก็ทึ่ง วาดกันเข้าไปได้ เพดานก็สูงขนาดนั้น ขนาดแค่มองยังเมื่อยคอขนาดนี้
เห็นความยิ่งใหญ่ อลังการแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า สมัยนั้นจะเจริญแค่ไหน
แล้วต้องใช้คน ใช้งบประมาณแค่ไหนถึงจะได้ขนาดนี้ คนสมัยนั้นเขากินดีอยู่ดีกันใช่มั้ย หรือถูกบังคับให้มาก่อสร้างอาคารเล่านี้
เพื่อสนองความต้องการของใครรึเปล่า
นี่ก็อลังเข้าไปได้อีก
โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด ที่ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเมื่อตอนจะเข้านั้น
ตอนนี้ก็พบว่ามันไม่ได้แตกต่างกับที่เพื่อนได้จองมาแต่อย่างใด
สรุปง่าย ถูกหลอกเจ้าค่ะ
ได้พออ่านผ่านตามาบ้างว่ามาโรมให้ระวังขโมย นี่ก็ระวังทั้งกระเป๋า มือถือ กล้อง มองหน้ามองหลังยังรอดมาได้
แต่นี่โดนหลอกไปง่ายๆ ดื้อๆ แถมควักเงินให้ไปด้วยความเต็มใจอีกต่างหาก เอาตังกรุไปเลยจร้าาาา
ต่อไปคงระวังแค่ทรัพย์สินไม่พอแล้วหละ ต้องระวังคนอัธยาศัยดี และพกสติไปด้วยแล้วหล่ะ
เอ๊ะๆๆ !! หรือนี่จะเป็น พลังแห่งน้ำพุเทรวี่ ให้เรากลับมาซ่อมอีกทีเป็นแน่แท้
ต่อด้วย วิหาร Pantheon วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเหล่าเทพ
เขาบอกว่านี่เป็นวิหารยุคโรมันที่เก่าแก่ที่สุดและคงสภาพสมบูรณ์เกือบทั้งหมด
ที่นี่เข้าฟรี ไม่เสียเบี้ย ไม่เสียอารมรณ์
เดินทั้งวันหากหิวเราขอแนะนำร้านข้างๆวิหาร ขายอาหารแขก และเครื่องเทศ มีทั้งดิบและปรุงสุก
จัดไปอย่าให้ปากว่าง
รสชาติแบบหมูแดดเดียว เค็มๆ เปรี้ยวๆ มีกลิ่นติดมือเบาๆ ก็ไม่รู้ว่ามันสุกรึยัง ต้องกินน้ำร้อนตามมั้ย
บรรกาศโดยรอบ
สุดท้ายสำหรับวันนี้ จัดไปกับพิซซ่าในตำนานจาก Lonely Planet ร้านชื่ออะไรไม่รู้ส่วนทางจะไปนั้นจำไม่ได้เลย
คิดว่าอร่อยตั้งแต่เคยกินมาละ ส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบพิซซ่ามากเท่าไร
แต่ถาดนี้อร่อยจริง โดยเฉพาะหมูสับมันมีรสชาติอ่ะค่ะ คาดว่าคงผ่านกรรมวิธีหมักอะไรมาก่อน
แต่มองผ่านๆนึกว่ามาม่าเกาหลี เพราะมีไข่ดาววางอยู่
ยามค่ำคืน นี่ก็จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
วันที่ 22.05.16 อากาศสดใส๊ สดใส กว่าเมื่อวานอีก
วันนี้ไปตะลุยซากเมืองเก่ากัน
เห็นซากแล้วสุภาษิต Rome wasn't built in a day หรือ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ก็ลอยมา
กรุงโรมที่เห็นนี่ใช้เวลาสร้างกว่า 900 ปี ขนาดซากยังมากมายขนาดนี้
นึกภาพ 3 มิติ ตอนที่ยังสมบูรณ์ตามไม่ทันเลยว่าเมื่อ 2,000 ปี ที่แล้วจะขนาดไหน
สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ จุคนได้กว่า 50,000 คน แหม่ นึกถึงสนามกีฬาราชมังคลาฯ บ้านเราขึ้นมาทันที
วันที่ 22.05.16
บอกลากรุงโรมแล้วไปต่อกันที่ Bergamo
มาที่นี่เพื่อชมธรรมชาติล้วนๆ เพราะข้อมูลไม่ได้หามาเลย
อากาศดี คนไม่มากและขยะไม่เยอะเท่าโรม
เราจะขึ้นไปบนนั้นกัน
เวลาว่าง เด็กๆ วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงวัย พากันมาเดินเล่น สบายแฮ
ดีที่ว่ามี wifi ให้ใช้ แต่ก็แรงเป็นจุดๆ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว
เนื่องจากเมืองนี้อยู่ห่างมิลานไม่มากขอแย็บๆ ไปมิลานหน่อยละกัน
สถานีรถไฟ ต้องขนาดนี้กันเลยใช่มั้ย
แผนที่มีไว้อุ่นใจ เพราะ wifi ไม่มี (หรือมีแต่ไม่รู้กันแน่)
คนที่นี่ก็ดูจะเอนจอยกะแสงแดดยิ่งนัก
วิหารหินอ่อนสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเป็นรองก็แต่มหาวิหารที่กรุงโรม
มีรถไฟใต้ดินสาย M1 กับ M3 ผ่าน ถ้ามาจากต่างเมืองลงที่ Milano Centrale ก็ต่อสายสีเหลืองมาโลด
สุดท้ายนี้ก่อนลงใต้ดินจากกันไป ถ้าอยากลอง Gelato ด้านหลังวิหารมีขายนะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น