วันนี้ได้ดูข่าวเกี่ยวกับการรวมตัวของศิษย์หลวงพ่อธัมไชโยเดินขบวนเพื่อปกป้องท่าน ที่เขาปกป้องเพราะศรัทธาในตัวท่าน และมีอีกหลายๆๆความเห็นในเฟสบุคที่มีลูกศิษย์พยายามปกป้องท่านตลอดมา นับตั้งแต่มีคดีต่างๆ
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้รักศิษย์ของท่าน. เพราะท่านไม่ได้สอนหลักธรรมที่แท้จริง. ที่ทำให้ลูกศิษย์เข้าถึงธรรมและหลุดพ้นจากความทุกข์
การที่จะทำให้กลุดพ้นจากความทุกข์ ก็คือ พิจารณาในความทุกข์นั่นๆว่ามันเป็นมายังไง. (เกิดขึ้นมาได้อย่างไร. อยู่ตรงไหนของร่างกาย. อยู่ได้นานแค่ไหน ดับไปได้อย่างไร). ถ้าท่านสอนให้ศิษย์เห็นทุกข์นั้น. จะทำให้เห็นและเข้าใจว่า. กายไม่ใช่ของเรา. ไม่ควรไปยึดติดในกาย เพราะมันจะทำให้เกิดทุกข์
การที่ลูกศิษย์ของท่านออกมาเดินขบวนแสดงว่า. ลูกศิษย์ของท่านมีการยึดติดว่ากายเป็นของเรา ซึ่งไม่ใช่ธรรมที่ควรสอน. เพราะมันจะเป็นบ่เกิดของกิเลสต่างๆ ทำให้เกิดทุกข์.
กิเลสนั้นมีมากมายเลยนะ. จะขอยกตัวอย่างเช่น. โลภโกรธ หลง. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ. เพราะธรรมชาติของกิเลส จะชอบกดสติ. ถ้ามีมากก็กดสติมาก ถ้ามีน้อยก็กดสติน้อย
กระผมขอยกตัวอย่างกิเลสหนึ่งตัวนะครับ. นั่นคือ. ความหลง.
ความหลงคืออะไร?
ความหลงคือสภาวะทางอารมณ์สภาวะหนึ่ง. เป็นสภาวะขั้นสุดท้ายของอารมณ์ที่เป็นความรัก. ความศรัทธา. จุดเริ่มต้นของกิเลสคล้ายกันหมดเลย. เริ่มต้องจากการที่ รับรู้ของอยาตนะทั้ง6 ( ตา หู จมูก. ลิ้น. กาย. ใจ). ก่อให้เกิดการปรุ่งแต่งต่างๆ ทำให้เกิด ความอยากได้ ยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี. ไม่อยากเป็น. เช่น ตาไปรับรู้ว่าเห็นคนอื่นมีคู่. ก็เลยปรุงแต่งต่างๆ. ทำให้อยากมีบ้าง. ไม่อยากอยู่คนเดียวบ้าง. อยากเป็นคนพิเศษของใครสักคนบ้าง. พอเจอคนมาคุยด้วย. มาทำความรู้จัก ก็เกิดความรู้สึกเล็กๆ. ที่เรียกกันว่ารู้สึกดี พอเวลานานๆก็เพิ่มมากขึ้นๆ เป็นชอบ. รัก/ศรัทธา. แล้วก็กลายเป็นหลง. ตอนแรกๆๆรู้สึกดีก็สติมาก ก็ไม่มีไรมากหรอก (ถ้าไม่พิจารณาอารมณ์มันก็เพิ่มมากขึ้น). พอนานๆๆ. สติก็ลดน้อยลง. คนอื่นพูดไม่ฟังหรอก. แถมยังรู้สึกไม่ดีใส่เขาอีก คนที่มีความหลงมากมักจะเป็นคนที่เชื่อในความข้างเดียว กิเลสตัวนี้จะทำให้จิตเราปฏิเสธอะไรๆที่มันขัดแย้งกับความต้องการของมัน. มันจะรับฟังหรือรับรู้ในสิ่งที่มันต้องการ. ยิ่งอวยมัน หรือสนันสนุนมัน มันยิ่งชอบ ใครอวยคนที่มีกิเลส 100% มันคล้อยตามหมดครับ. มันชอบมาก เพราะมันจะได้กดสติของเจ้าของร่างกายได้มากขึ้น. (และสติลดน้อยลง). รู้ตัวอีกที. สูญเสียทุกอย่าง. น่ากลัวไหมครับ? แต่ธรรมชาติของกิเลสจะไม่อยู่กับเรานานนะครับ มันจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปตามกฎของไตรลักษณ์ และเปลี่ยนให้กิเลสตัวอื่นเล่นงานต่อ.
คนที่มีกิเลสมากมักไม่รู้ตัวหรอกครับ ดูตัวเองไม่ออก เพราะคนที่มีกิเลสจะคิดว่าตันเองมีสติ. อย่างเช่นคนเมาเหล้าอะ ดูง่ายๆๆ. คนเมามักจะบอกคนอื่นว่าไหวๆๆ. มีสติอยู่. สบายมาก. แต่แท้ที่จริงแล้วจะให้เดินตรงยังไม่ได้เลย. เพราะสติไม่มี. คนที่ดูออกว่าคนนั้นมีกิเลสอะไร. คือคนอื่น เคยเห็นคนบ้าไหม? คนบ้ามักจะไม่รู้ว่าตัวเองบ้า ใครมาบอกว่าบ้า. มันไม่ยอมรับหรอกครับ. ถ้าคนบ้ามาเจอกัน มันก็เห็นว่าพวกเดียวกันเป็นคนปกติ
ที่กระผมพูดมานี้ ก็อยากจะบอกว่า การเป็นผู้ที่เดินตามรอยพระพุทธเจ้า. คือควรสอนให้ละกิเลส. และไม่ยึดติดในตัวตน. ไม่ยึดติดในพระภิกษุ ให้ยึดติดในพระธรรม. เห็นพระธรรมเป็นสรณะ. เพราะพระภิกษุคือผู้ที่ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และนำหลักของพระพุทธเจ้าเผยแผ่ให้พุทธบริษัทได้รู้และปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้เกิดทุกข์.
น่าเสียดายนะครับ.......
ปล.ถ้าพิจารณาดีๆๆ เข้าใจในธรรม จะเห็นว่ากระผมพูดมานี้ ผมกล่าวอ้างโดยใช้อริยสัจ4 ในบทความนี้
หลวงพ่อธัมชัยโยโชคดีนะ. ที่มีศิษย์รักท่านมาก
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้รักศิษย์ของท่าน. เพราะท่านไม่ได้สอนหลักธรรมที่แท้จริง. ที่ทำให้ลูกศิษย์เข้าถึงธรรมและหลุดพ้นจากความทุกข์
การที่จะทำให้กลุดพ้นจากความทุกข์ ก็คือ พิจารณาในความทุกข์นั่นๆว่ามันเป็นมายังไง. (เกิดขึ้นมาได้อย่างไร. อยู่ตรงไหนของร่างกาย. อยู่ได้นานแค่ไหน ดับไปได้อย่างไร). ถ้าท่านสอนให้ศิษย์เห็นทุกข์นั้น. จะทำให้เห็นและเข้าใจว่า. กายไม่ใช่ของเรา. ไม่ควรไปยึดติดในกาย เพราะมันจะทำให้เกิดทุกข์
การที่ลูกศิษย์ของท่านออกมาเดินขบวนแสดงว่า. ลูกศิษย์ของท่านมีการยึดติดว่ากายเป็นของเรา ซึ่งไม่ใช่ธรรมที่ควรสอน. เพราะมันจะเป็นบ่เกิดของกิเลสต่างๆ ทำให้เกิดทุกข์.
กิเลสนั้นมีมากมายเลยนะ. จะขอยกตัวอย่างเช่น. โลภโกรธ หลง. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ. เพราะธรรมชาติของกิเลส จะชอบกดสติ. ถ้ามีมากก็กดสติมาก ถ้ามีน้อยก็กดสติน้อย
กระผมขอยกตัวอย่างกิเลสหนึ่งตัวนะครับ. นั่นคือ. ความหลง.
ความหลงคืออะไร?
ความหลงคือสภาวะทางอารมณ์สภาวะหนึ่ง. เป็นสภาวะขั้นสุดท้ายของอารมณ์ที่เป็นความรัก. ความศรัทธา. จุดเริ่มต้นของกิเลสคล้ายกันหมดเลย. เริ่มต้องจากการที่ รับรู้ของอยาตนะทั้ง6 ( ตา หู จมูก. ลิ้น. กาย. ใจ). ก่อให้เกิดการปรุ่งแต่งต่างๆ ทำให้เกิด ความอยากได้ ยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี. ไม่อยากเป็น. เช่น ตาไปรับรู้ว่าเห็นคนอื่นมีคู่. ก็เลยปรุงแต่งต่างๆ. ทำให้อยากมีบ้าง. ไม่อยากอยู่คนเดียวบ้าง. อยากเป็นคนพิเศษของใครสักคนบ้าง. พอเจอคนมาคุยด้วย. มาทำความรู้จัก ก็เกิดความรู้สึกเล็กๆ. ที่เรียกกันว่ารู้สึกดี พอเวลานานๆก็เพิ่มมากขึ้นๆ เป็นชอบ. รัก/ศรัทธา. แล้วก็กลายเป็นหลง. ตอนแรกๆๆรู้สึกดีก็สติมาก ก็ไม่มีไรมากหรอก (ถ้าไม่พิจารณาอารมณ์มันก็เพิ่มมากขึ้น). พอนานๆๆ. สติก็ลดน้อยลง. คนอื่นพูดไม่ฟังหรอก. แถมยังรู้สึกไม่ดีใส่เขาอีก คนที่มีความหลงมากมักจะเป็นคนที่เชื่อในความข้างเดียว กิเลสตัวนี้จะทำให้จิตเราปฏิเสธอะไรๆที่มันขัดแย้งกับความต้องการของมัน. มันจะรับฟังหรือรับรู้ในสิ่งที่มันต้องการ. ยิ่งอวยมัน หรือสนันสนุนมัน มันยิ่งชอบ ใครอวยคนที่มีกิเลส 100% มันคล้อยตามหมดครับ. มันชอบมาก เพราะมันจะได้กดสติของเจ้าของร่างกายได้มากขึ้น. (และสติลดน้อยลง). รู้ตัวอีกที. สูญเสียทุกอย่าง. น่ากลัวไหมครับ? แต่ธรรมชาติของกิเลสจะไม่อยู่กับเรานานนะครับ มันจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปตามกฎของไตรลักษณ์ และเปลี่ยนให้กิเลสตัวอื่นเล่นงานต่อ.
คนที่มีกิเลสมากมักไม่รู้ตัวหรอกครับ ดูตัวเองไม่ออก เพราะคนที่มีกิเลสจะคิดว่าตันเองมีสติ. อย่างเช่นคนเมาเหล้าอะ ดูง่ายๆๆ. คนเมามักจะบอกคนอื่นว่าไหวๆๆ. มีสติอยู่. สบายมาก. แต่แท้ที่จริงแล้วจะให้เดินตรงยังไม่ได้เลย. เพราะสติไม่มี. คนที่ดูออกว่าคนนั้นมีกิเลสอะไร. คือคนอื่น เคยเห็นคนบ้าไหม? คนบ้ามักจะไม่รู้ว่าตัวเองบ้า ใครมาบอกว่าบ้า. มันไม่ยอมรับหรอกครับ. ถ้าคนบ้ามาเจอกัน มันก็เห็นว่าพวกเดียวกันเป็นคนปกติ
ที่กระผมพูดมานี้ ก็อยากจะบอกว่า การเป็นผู้ที่เดินตามรอยพระพุทธเจ้า. คือควรสอนให้ละกิเลส. และไม่ยึดติดในตัวตน. ไม่ยึดติดในพระภิกษุ ให้ยึดติดในพระธรรม. เห็นพระธรรมเป็นสรณะ. เพราะพระภิกษุคือผู้ที่ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และนำหลักของพระพุทธเจ้าเผยแผ่ให้พุทธบริษัทได้รู้และปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้เกิดทุกข์.
น่าเสียดายนะครับ.......
ปล.ถ้าพิจารณาดีๆๆ เข้าใจในธรรม จะเห็นว่ากระผมพูดมานี้ ผมกล่าวอ้างโดยใช้อริยสัจ4 ในบทความนี้