รีวิวงานแต่งงาน ในสไตล์เรียบง่าย อบอุ่น แหวกแนวนิดๆ แต่ไม่ทิ้งประเพณีไทย ในราคาประหยัดสุดๆ

อมยิ้ม01อมยิ้ม01 สวัสดีค่ะ ชาวพันทิป จากที่แอบส่อง แอบเผือก แอบแว๊บเข้าห้องนู้นนี้มานาน ในที่สุดก็ได้เวลาแสดงตัวออกมาบ้างแล้ว

เริ่มรีวิวอันแรกก็งานแต่งงานเราเองเลย ขอออกตัวก่อนว่างานแต่งเราใช้งบน้อยมากค่ะ (>200,000฿) เนื่องจากเรา 2 คนทำงานหน่วยงานราชการเงินเดือนน้อยนิด การจัดงานจึงต้องเน้นความประหยัดเป็นอันดับต้นๆ แต่ทุกอย่างต้องครบและถูกต้องตามประเพณีค่ะ ทำยังไงน่ะหรอคะ? ก็ถ้าอันไหนทำเองได้ก็ลงมือทำกันเองเลยค่ะ เป็นการใช้เวลาร่วมกันดีด้วย น่ารักมุ้งมิ้ง 555+

งานเราผ่านมาได้ 2 เดือนแล้วค่ะ ได้ฤกษ์จัดไปเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิดเรา 1 วัน เพราะงั้นเราแต่งงานอายุ 28 ค่ะ แต่งปุ๊บวันรุ่งขึ้น 29 ทันทีเลย อมยิ้ม02อมยิ้ม07 ที่เลือกฤกษ์นี้ก็เพราะสาเหตุนี้ล่ะ เรากับสามีรู้จักกันมา 10 ปี (ตั้งแต่เราเป็นสาวน้อยอายุ 18 คบกันแบบรักๆเลิกๆน่ะค่ะ) แล้วเพิ่งตกลงปลงใจแต่งงานกัน ด้วยคำขอแต่งงานที่ว่า "นู๋โตรึยัง?" อมยิ้ม19อมยิ้ม20

เราขอฤกษ์กับพ่อของเพื่อนสามีค่ะ ท่านดูให้จากตำราพรมชาติ เมื่อได้ฤกษ์มาแล้วก็เหลือเวลาเตรียมงานประมาณ 3 เดือนค่ะ ถือว่าน้อยมากนะคะ เพราะเราทำงานคนละจังหวัด หยุดเสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์ จึงได้มาเจอหน้ากันและช่วยกันคิด ช่วยกันทำค่ะ โดยเราเป็นผู้วางแผน ส่วนสามีเป็นฝ่ายจัดหาและประสานงานค่ะ

หัวใจหัวใจ เริ่มต้นโดยอ่านรีวิวในพันทิปบ้าง เฟสบุ๊คบ้าง เว็บไซต์เวดดิ้งบ้าง แล้วมโนเอาไว้ค่ะว่าอยากได้งานแบบริมน้ำและต้องวินเทจด้วย Theem ของเราจบลงที่ ลูกไม้-ลายสก็อตค่ะ งงใช่มั้ยว่ามาได้ไง 555 เราก็งงค่ะ คิดแต่ว่าแปลกดี ไม่ค่อยเห็นใครจัดและตรงกับสถานที่ๆเราหามาได้ด้วย (จะกล่าวถึงใน step ต่อไปนะ) ต่อไปคือคิดของชำร่วยค่ะ สรุปกันได้ น้ำผึ้งค่ะ Theem กับของชำร่วยนี่คิดกันในรถระหว่างทางกลับจากขอฤกษ์เลยค่ะ

เราหา list ลำดับการเตรียมงานแล้วจดลงสมุดเล็กๆค่ะ สมุดนี้จดทุกรายละเอียดของการเตรียมงานเราเอาไว้ (รวมถึงบันทึกค่าซองตอนจบงานด้วย) จะได้ไม่พลาดทุกรายละเอียดอมยิ้ม03อมยิ้ม03

ต่อไปเป็นขั้นตอนการคิดรูปแบบการจัดงานว่าจะจัดกี่วัน? เช้า-เที่ยง หรือ เช้า-เย็น จัดกันที่ไหน? แขกกี่คน? เพื่อนบ่าว-สาวกี่คน? บลาๆๆ เรื่องหลักๆต้องรีบสรุปค่ะเพื่อจะดำเนินการขั้นต่อไปได้ สรุปงานเราจัดเช้า-เที่ยง จำนวนแขกตอนแรกกะไว้ที่ 100 คนค่ะ กะงานจิ๋วๆน่ารักๆอบอุ่นและคนสนิทที่สุด แต่พอ list รายชื่อก็เกินค่ะ แขกเจ้าบ่าวก็เกือบ 100 เข้าไปแล้ว เลยขยายเป็น 200 คน

เราขอให้เพื่อนสนิทออกแบบโลโก้ และการ์ด ให้ค่ะ เราprove และปรับแก้เองนิดหน่อยก็ออกมาสำเร็จสวยงามตามที่เห็นค่ะ ค่าแรงจ่ายเป็นเบียร์ 2 ขวดเอง หุหุ

ต่อมาก็เตรียมของชำร่วย และของรับไหว้ค่ะ ในตอนแรกเราใช้น้ำผึ้งทั้งหมดค่ะ แต่ขนาดต่างกัน เราสั่งน้ำผึ้งมาจากราชบุรี ขวดแก้วซื้อเป็นลังจากสะพานขาว แล้วกรอกกันเอง แปะสลาก ติดโลโก้ ตัดผ้าห่อฝา ทำกันเองค่ะ (สติ๊กเกอร์โลโก้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีค่ะ)

ต่อด้วยตามหาสถานที่ค่ะ ตามที่มโนไว้ในช่วงแรก ริมน้ำก็ดี วินเทจก็ดี เรากับว่าที่สามีในตอนนั้นก็ขับรถตระเวนหาบริเวณรัศมีไม่เกิน 20 km.รอบบ้าน ด้วยโจทย์ ร้านอาหาร งานเที่ยง ริมน้ำ วินเทจ แขก200+- ส่วนมากจะเป็นร้านกลางคืน รับแขกได้ไม่เกิน 100 บรรยากาศดี แต่ไม่ตรงกับโจทย์ที่ตั้งไว้ จบไปพบ...ร้านสุดท้ายไม่ไกลจากบ้านมาก เป็นร้านที่ขับรถผ่านทุกวันแต่ไม่เคยคิดจะเข้าไป เพราะเป็นร้านระหว่างทางที่ทำงานกับบ้าน เห็นภายนอกร้านเฉยๆนะ แต่พอเข้าไปจอดเท่านั้นแหละ เห้ย!!! มีแกะด้วย แกะตัวเป็นๆเลยค่ะ มีฟาร์มย่อมๆ ให้เดินเล่นถ่ายรูป มีกิจกรรมให้นมแกะ แพะ มีม้าแคระให้ขี่ มีรถ ATV ให้ขับเล่น อุ้ย!? เพลินไปหน่อย เกือบลืมร้านอาหารไปเลย เดินไปในโซนร้านอาหาร หันไปเห็นห้องอาหารสีฟ้าแนววินเทจ ด้านหน้ามีโซน open air พร้อมสนามหญ้าสีเขียว มีธงสามเหลี่ยมพาดไปมา และเวทีย่อมๆ ที่สำคัญ มีบ่อน้ำด้วย เอร๊ยยย นี่มันที่มโนไว้ชัดๆ เมื่อได้เจอกับผู้ช่วยผู้จัดการ พาเดินดูร้าน ก็ยิ่งปลื้มมากขึ้น ในห้องสีฟ้าตกแต่งแนวรัสติค กำแพงอิฐสวยๆ คือใช่อ่ะ ที่นี่เลย แต่ทางร้านเชียร์อีกโซนค่ะ เป็นเรือนไทยส่วนตัวชั้นบนพื้นที่กว้างขวาง แต่เราเบื่อเรือนไทย (ที่ทำงานเก่าก็เป็นเรือนไทย) เราก็ยืนยันว่าจะเอาห้องสีฟ้านั่น

ต่อไปคือเรื่องอาหารค่ะ เรายังไม่บอกชื่อร้านเลย ร้านที่เราเลือกคือ คันทรีเพลส คลอง 7 ธัญบุรี หรือคนส่วนมากจะรู้จักกันในในชื่อ ฟาร์มแกะคันทรีเพลส ค่ะ ร้านนี้เค้ามีชื่อเสียงเรื่องอาหารอยู่แล้ว เพราะงั้นเราไม่ห่วงเรื่องรสชาติ และปริมาณเลยค่ะ มีมากพอสำหรับแขกทุกคนและแน่นอน ส่วนราคาก็มีให้เลือกหลาย set ค่ะ ราคาตั้งแต่ 2,000-3,500฿ ส่วนค่าน้ำ มีทั้งเหมาจ่ายรายหัวหรือคิดตามจริง (ของเราเลือกตามจริงค่ะ) ในส่วนของแอลกอฮอล์ ไม่คิดค่านำเข้าค่ะยกเว้นเบียร์ เพราะร้านเค้าขายเบียร์นั่นเอง แต่งานเราไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ (พ่อเราขอไว้ไม่ให้มี) เพื่อความสงบเรียบร้อยของงานค่ะ

ในระหว่างนั้นก็ผลิตการ์ดไปพลางๆค่ะ กำหนดแจกการ์ดคือ 1 เดือนก่อนงาน กันแขกลืมค่ะ บอกปากเปล่ากันไปนิดหน่อย จากที่เพื่อนออกแบบการ์ดมาให้เรียบร้อยพร้อม print แต่ๆๆๆเข้าร้านพิมพ์การ์ด ไม่มีร้านไหนรับ print เลยค่ะ (หรือเพราะร้านรับทำเฉพาะแบบเค้าก็ไม่รู้) แล้วๆๆๆ...ก็มีผู้ใหญ่ใจดีให้ยืมเครื่อง printer ค่ะ เราก็แค่ซื้อกระดาษพิมพ์การ์ด เราเลือกกระดาษเลียนแบบ 100 ปอนด์ที่ใช้วาดรูปน่ะค่ะ 1 แผ่น ปริ้นการ์ดได้ 2 ใบ คัตเตอร์กรีด ประกอบร่างกับซองสีน้ำตาลที่สั่งซื้อในเว็บ ห่อด้วยกระดาษรองเค้กสีขาวลายลูกไม้ ผูกด้วยโบว์สีขาว เป็นอันเสร็จพิธี (hand made กันสุดๆ) ได้แรงบันดารใจมาจากโลกอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะค่ะ

ขั้นตอนต่อไป คือ หาออแกไนซ์งานพิธีเช้าค่ะ เราหาร้านจากใน facebook แล้วก็ search ใน google ล้วนๆเลยค่ะ ถือว่าดวงสุดๆเลยนะคะ ถามไป 2 ร้านแรก คิวเต็มหมดค่ะ ได้ร้านที่ 3 ดูผลงานจากหน้าเว็บ www.bantonkun.com ก็ปิ๊งอีกแล้วค่ะ แต่งานนี้ให้ว่าที่สามีประสานก่อนค่ะ ติดต่อกันทาง line พี่ปุ๋ยใจดีมาก คุยง่าย ตามใจลูกค้า ตกลงนัดแนะมัดจำ นัดวัน ดูสถานที่ คุยรายละเอียดของงาน เป็นพี่กอล์ฟ ส่วนวันจัดสถานที่ก็มีทีมมืออาชีพมากๆ เราสบายเลยค่ะ ที่บ้านก็พอใจกันมาก วันงานแขกก็ชมกันป๋อเลยว่างานสวย อบอุ่น เป็นกันเอง แถมราคาสบายกระเป๋ามาก หลัก 2x,xxx.- แล้วแต่ package (นี่ไม่ใช่หน้าม้านะคะ ของเค้าดีจริงค่ะ เลยอยากแบ่งปัน) ราคานี้รวมแม่งาน ช่างถ่ายภาพในงานพร้อมไฟด้วยนะคะ คือดีงามเห็นมะ

ได้ออแกไนซ์สบายใจไป 8 อย่าง 555+ ต่อไปก็พรีเวด ค่ะ! เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดจะแต่งงานครั้งเดียว อยากมีรูปพรีเวดสวยๆ (ถึงรู้ว่าจบงานก็แปะฝาห้องไหนสักห้องหรือไม่ก็จบที่ห้องเก็บของก็เถอะ) แต่ผู้หญิงอะนะ เราคุยกันกับสามีไว้ว่าไม่เน้นรูปถ่ายพรีเวดโน๊ะ สิ้นเปลือง แต่ๆๆๆ จะขอให้น้องที่สนิทกันถ่ายให้ น้องพอมีฝีมือถ่ายภาพ portrait ที่เห็นจาก facebook ก็ติดต่อเลยค่ะ น้องบอกขอคิดราคานิดหน่อยเป็นค่าอัดรูป เราก็โอเค นัดวันและสถานที่ถ่ายภาพกัน อีก 3 สัปดาห์ที่ เขาใหญ่ (มีเวลาเตรียม prob เย้) จัดทริปซิคะ รออะไรดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

หาชุด...มีถ่ายพรี ก็ต้องมีชุดแต่งงาน (งานเพ้อก็มา) ว่าที่สามีพาหาร้านเช่าชุดค่ะ เราก็เสี้ยนนะ อยากไปแถบๆลำสาลีโน้นแน่ะ พี่ท่านก็ใจดีพาไปค่ะ วนดูร้านนู้นนี้ ก็ไปเจอร้านนึงหน้าร้านโชว์ชุดแต่งงานหลายแบบหลายสไตล์ ก็จูงมือเข้าไปสิคะจะรออะไร และแล้ว.....เรื่องบางอย่างก็เกิดขึ้น เราเข้าร้านด้วยจุดประสงค์เช่าชุดค่ะ แต่ๆๆ โดนโอบล้อมด้วย package ถ่ายภาพ มีการเอารูปสวยๆของลูกค้าคนอื่นมาเดินโฉบไปมา (ร้านคิดว่าต้องมีสักรูปที่เข้าตาบ้างล่ะ) ด้วยการให้บริการที่ดี แนะนำว่าหุ่นอย่างเราใส่ชุดแบบไหนแล้วรอด ให้ลองชุดนู้นนี่ ยาวบ้างสั้นบ้าง เมอเมดบ้าง วินเทจบ้าง กระโปรงฟูฟ่องบ้าง แต่ห้ามถ่ายรูปเลยนะคะ ยัยว่าที่เจ้าสาวนี่ใจสั่น ชอบหมด เหมือนรู้ใจ เจอหว่านล้อมเข้าไป แถมนู้นนี่นั่น จาก package เล็กๆก็ดูเหมือนจะใหญ่โต สุดท้ายร้านนี้จบด้วยค่ามัดจำ 25% (ที่จริงต้องมัด 50%แต่ว่าที่สามีไม่ยอม) และที่ขาดไม่ได้ของสถานการณ์นี้คือ แทบทะเลาะกันไงคะ 555+ (ผ่านมาแล้วหัวเราะได้ ตอนนั้นเถียงกันแทบร้องไห้)
เราเถียงกันอ้างเหตุผลกันตลอดทางกลับบ้านด้วยความอยากถ่ายพรีเวดแบบมืออาชีพ ไม่ได้ว่าน้องไม่มืออาชีพนะ แต่ร้านใช้คำพูดที่ว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่อยากมีรูปสวยๆไว้ดูหรอคะ ให้เราดูแลนะคะ" บึ้งตึงกันไป 1 วันเต็ม นอนคิดคืนนึง ตอนเช้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด พันทิป นี่ล่ะ เจอค่ะ!!!!!! วัฏจักรสุดฉาวของเหล่า wedding studio ที่หากินกับการแต่งงานครั้งเดียวในชีวิต (ไม่ได้ว่าทุกร้านนะคะแต่มีหลายร้านที่เป็นแบบนี้จริงๆ เราไม่เล่านะคะว่าถ้าได้ถ่ายรูปแล้วจะเป็นยังไงต่อไป เพราะน่าจะพอหาอ่านรีวิวกันได้) แล้วเราก็เริ่มโทรหาเพื่อนที่มีประสบการณ์แต่งงานค่ะ อูย ความคิดเปลี่ยนเลยค่ะ โทรไปเล่าให้ว่าที่สามีฟังและปรึกษากันถึงเงินมัดจำ25%ก้อนนั้น สรุป...ทิ้งค่ะ เราเลือกทิ้งเงินมัดจำเพราะใจไม่กล้าพอที่จะไปต่อรองกับร้านค่ะ กลัวปฏิเสธไม่ออกอีกค่ะ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงอมยิ้ม08

..................เดี๋ยวมาต่อนะคะอมยิ้ม17อมยิ้ม17
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่