จับตา AIS รายเดียวบนเวทีประมูล

กระทู้ข่าว

27 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ รอบใหม่จำนวน 10 เมกะเฮิรตซ์ เวลา 9.00 น.บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ทเวอร์ค จำกัด(เอดับบลิวเอ็น) ในเครือ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เป็นเพียงบริษัทเดียวที่แสดงความจำนงเข้าประมูลในราคา 75,654 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่บริษัท แจสโมบาย บรอดแบนด์จำกัดเป็นผู้ชนะในครั้งก่อน แต่ไม่สามารถหาเงินงวดแรกมาชำระได้ทันระยะเวลาของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

ทั้งนี้ การประมูลที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้เอไอเอสเอง มีคลื่นความถี่เพิ่มเข้ามาอีก10 เมกะเฮิรตซ์ดังกล่าวทำให้คลื่นความถี่ที่เอไอเอสมีจะเท่ากับ 40 เมกะเฮิรตซ์ (MHz)  คือในย่าน2100 1800อย่างละจำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ 10 เมกะเฮิรตซ์ตามลำดับนอกจากนี้เอไอเอสยังรอการเซ็นสัญญาเพื่อให้บริการในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อีก 15 MHz ซึ่งหากรวมกันแล้วเอไอเอสจะมีคลื่นความถี่รวมกัน 55 MHz เป็นการทวงความได้เปรียบในแง่การถือครองความถี่ที่อยู่บนใบอนุญาตและสัญญากับทีโอทีไปได้อีก15 ปี

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ขณะนี้เอดับบลิวเอ็นได้แจ้งมายัง กสทช.แล้วว่าจะส่งผู้บริหารเข้าห้องเคาะราคาจำนวน 6 คนโดยกระบวนการก็ยังไม่เป็นไปตามเดิมคือเวลา8.00-8.50 น.ผู้แทนผู้เข้าร่วมประมูลลงทะเบียน จากนั้น 8.55 น.เชิญผู้แทนเข้าร่วมการประมูลเตรียมตัวที่จุดกำหนดการ จากนั้น 9.00น.มีพิธีเปิดการประมูลคลื่นความถี่บริเวณหน้าอาคารอำนวยการชั้น 1 และเวลา 9.30 น.เริ่มการประมูลที่ชั้น 3 ห้องธาราโดยคาดว่าการประมูลจะสิ้นสุดในรอบเดียวคือเวลา 9.50 น.ส่วนขั้นตอนต่อจากนั้นสำนักงานกสทช.จะเสนอผลการประชุมให้แก่คณะกรรมกิจการโทรคมนาคม(กทค.) เวลา 14.00 น.เพื่อรับรองผลการประมูลต่อไป

"การประมูลที่เกิดขึ้นแม้มีรายเดียวแต่ทุกอย่างก็โปร่งใสตามขั้นตอนและเป็นไปตามคำสั่งม.44 ของคสช. ส่วนประเด็นที่มีตัวแทนสหภาพแรงงานฯทีโอทีได้ยื่นหนังสือคัดค้านการประมูลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเพราะการประมูลก่อนหน้าเมื่อเดือนธ.ค. ทางสหภาพฯได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลปกครองกลางซึ่งศาลฯไม่ได้มีคำสั่งอะไรลงมา ดังนั้นไม่เข้าใจว่าสหภาพฯจะเอาเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนของศาลฯมาเรียกร้องอะไร"

นายชิต เหล่าวัฒนาคณะกรรมการ (บอร์ด) ทีโอที กล่าวว่าบอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัทรู้ดีว่าขณะนี้ที่ทีโอทียังไม่สามารถลงนามในบันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู) ร่วมเป็นพันธมิตรในการเช่าใช้คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์จำนวน 15 MHz กับ เอไอเอส  อายุสัญญา 10 ปีส่งผลทำให้รายได้ที่คาดว่าจะมีเข้ามาจากสัญญาดังกล่าวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปซึ่งไม่ส่งผลดีต่อองค์กรทั้งๆที่เอกชนเองมีความพร้อมจะดำเนินธุรกิจแล้วและบอร์ดเองก็รู้ว่าการพันธมิตรกับเอกชนในเรื่องการสร้างแผนธุรกิจนั้นจะทำให้ทีโอทีได้รับผลประโยชน์

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาเอไอเอสและทีโอทีมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) อย่างไม่เป็นทางการในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจคลื่น 2100 MHzแต่ยังไม่มีการทำสัญญาร่วมกันแต่อย่างใดซึ่งตามมติบอร์ดทีโอทีเดิม การเป็นพันธมิตรกับเอไอเอสจะสร้างรายได้ให้ทีโอทีเป็นจำนวนเงิน 10,000 ล้านบาทต่อปีรวมตลอดอายุสัญญาจะสร้างรายได้ให้แสนล้านบาทโดยการเป็นพันธมิตรครอบคลุมทั้งเรื่องคลื่น 2100 เสาส่งสัญญาณและคลื่นความถี่ 900 MHz

นายชิต ยืนยันว่าบอร์ดชุดนี้ไม่ใช่บอร์ดการเมืองไม่ได้เข้าบริหารทีโอทีเพื่อหวังผลประโยชน์แต่ทุกคนรู้ดีว่าหากทำอะไรผลีผลามจะไม่ส่งผลดีต่อองค์กรเพราะมีหลายฝ่ายจับตามองเรื่องการเซ็นเอ็มโอยูครั้งนี้ซึ่งก็มีการกล่าวหาทีโอทีเอื้อประโยชน์ต่อเอไอเอสแต่จริงๆไม่เป็นอย่างนั้นเลยเพราะการเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่ผ่านมาทีโอทีได้ว่าจ้างที่ปรึกษาคือบริษัท ดีลอยท์มาทำการประเมินและวางยุทธศาสตร์ให้แก่ทีโอทีเพื่อที่จะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจทีโอทีให้เลี้ยงตัวได้สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ซึ่งมีบริษัทเอกชนจำนวน5 รายเสนอตัวมาขอเป็นพันธมิตรกับทีโอทีและในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และกลุ่มธุรกิจเสาโทรคมนาคม และอุปกรณ์ไอทีก็มีเพียงเอไอเอสที่ยื่นข้อเสนอให้ดีที่สุดทำให้ทีโอทีได้รับผลประโยชน์สูงสุดบอร์ดจึงมีมติเลือกเอไอเอสเป็นพันธมิตร

อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่ยังไม่ได้มีการลงนามเซ็นเอ็มโอยูกันนั้นแม้ว่าบอร์ดจะมีมติไปแล้วดังกล่าว เนื่องจากว่าเพื่อสร้างความชอบธรรมและแสดงถึงความโปร่งใสในเอ็มโอยูให้แก่ทีโอทีและเอไอเอสเองบอร์ดจึงได้ส่วรายละเอียดของเอ็มโอยูไปยังสำนักงานคณะกรรมการอัยการสูงเป็นผู้ตรวจสอบรายละเอียดว่าการเซ็นเอ็มโอยูกับเอไอเอสนั้นทีโอทีไม่ได้เสียผลประโยชน์เลยในทางกลับกันในระยะยาวกลับจะมีการการันตีรายได้ที่มั่นคงเข้ามาตลอดอายุสัญญา 10 ปีสร้างรายได้ในระยะยาวได้

"ในส่วนของบอร์ดเองพูดได้เลยว่าเราอยากให้มีการเซ็นเอ็มโอยูกับเอกชนโดยเร็วเพราะทุกๆวันที่ผ่านไปก็เท่ากับรายได้ของทีโอทีก็ลดลงซึ่งเราเร่งในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราได้แต่ในส่วนของอัยการที่เราส่งสัญญาไปตรวจสอบกว่า 1 เดือนแล้วทางอัยการยังไม่ส่งสัญญากลับมาให้ลงนามกับเอไอเอสซึ่งตรงนี้ก็เป็นห่วงเหมือนกัน"

ด้านแหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทีโอทีกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าสหภาพฯทีโอทีได้ทำหนังสือไปสอบถามความคืบหน้าในเรื่องแผนธุรกิจของทีโอทีที่จะพลิกฟื้นองค์กรว่าเป็นอย่างไรเพราะตั้งแต่ที่บอร์ดได้ลงมติว่าเลือกเอไอเอสเป็นพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่างๆตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) นั้นขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าว่าทิศทางการทำธุรกิจของทีโอทีจะไปทางใดซึ่งสหภาพฯอยากเรียกร้องให้มีความชัดเจน

"ทีโอทีจะเป็นพันธมิตรกับเอไอเอสหรือกับใครเรายินดีเพราะบอร์ดก็พูดเองว่าการบริหารทำเพื่อองค์กรแต่ตอนนี้ก็เห็นว่ามันล่าช้ามากถ้าในบอร์ดฝ่ายหนึ่งบอกว่ามูลค่าของโครงการเกิน1,000ล้านบาทต้องเข้าสู่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องทำซึ่งตรงนี้ก็ต้องรอเพื่อให้กระบวนการทุกอย่างถูกต้องแต่หากไม่ต้องเข้าครม.ทำไมเรื่องนี้ถึงเงียบและใช้เวลาขนาดนี้"

ที่มา : http://www.naewna.com/business/217731
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่