ความซวยของลูกค้า หรือ ความสะเพร่าของพนักงาน Samsung ?

วันนี้จะขอเล่าประสบการณ์การใช้บริการที่ศูนย์ Samsung สาขาสแควร์วันคับ เป็นประสบการณ์ที่คงไม่ลืมง่ายๆแน่นอน

มันเริ่มจากวันเสาร์ที่ 21เดือนนี้ละคับ ตอนห้าโมงเย็น มือถือ Note4 ของผมชาร์จไฟไม่เข้าคับ เปอร์เซ็นต์ของแบตลดฮวบๆ เสียบชาร์จก็ไม่เข้า ผมเลยตรงดิ่งไปที่ศูนย์ Samsung ที่สแควร์วันเพื่อซื้อแบต1ก้อน รวมเวลาทั้งหมด 15นาทีกว่า ผมก็ได้แบตมาคับ ผมถามพนักงานว่าประกันกี่เดือนคับ พนักงานตอบ...”1เดือนคะ” ผมอึ้งเล็กๆ คือระยะเวลาประกันน้อยมากๆ ร้านประจำของผมที่MBKยังให้เวลาประกันแบตไอโฟนมาตั้ง3เดือน (คือผมใช้iPhone4sอีกเครื่องด้วยคับ ใช้มาไม่มีปัญหาจนอย่างเข้าปีที่3 แบตมันเริ่มเสื่อมและปีที่ 4 จอมันเริ่มไม่ดี ผมก็เอาไปเปลี่ยนกับร้านนี้ตลอด ประกันทุกอย่างต่ำ 3เดือนอัพ ที่เล่ามาไม่ใช่อะไรคับ อยากจะเปรียบเทียบให้ฟังถึงระยะเวลาประกัน) หลังจากที่ผมได้คำตอบ ผมก็พูดกับพนักงานไปว่า..”โอ้โห ร้านตู้ที่MBKยังประกันให้ตั้ง3เดือน หึหึ”

หลังจากที่ผมได้แบตไปผมก็เอาไปใช้งานที่ทำงานใกล้ๆสแควร์วันเลยคับ ก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหาผมก็เอามาเสียบกับสายชาร์จตอนที่มัน 35% ซึ่งผ่านไปแค่ครึ่งชม. จากที่เปิดมาใหม่ 52% พอเสียบสายชาร์จมันก็ขึ้นว่า fast charging ปกติ ไม่มีอะไร แต่ซักพัก แบตมันลดลง แทนที่จะขึ้น แสดงว่ามันชาร์จไฟไม่เข้า เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ในใจคิดเลยว่าซวยแล้ว แบตไม่ได้เสื่อมนิหว่า ไอ้ที่เสียคือที่ชาร์จ ตายๆๆๆ ผมเลยวิ่งกลับไปซื้อที่ชาร์จบวกสายชาร์จอีกรอบซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่ซื้อแบตไปได้ประมาน45นาทีเองมั่ง “โอเค ผมโง่เองไม่เชคให้ดีก่อน แต่ถือว่าไม่เป็นไร แบตก็6-7เดือนแล้วมั่ง เปลี่ยนไปก็ไม่เสียเนอะ” ผมคิดในใจ เบ็ดเสร็จ ค่าเสียหายวันนั้นประมาน 2,200บาท

กลับบ้านไปผมก็เลยล้างเครื่องเองคับ (เครื่องหมดประกันแล้วคับเมื่อเดือน1นี่เอง) ลงเฟิร์มแวร์ใหม่ผ่าน safe mode ก็ได้เครื่องที่เร็วกว่าเดิม แล้วก็ปรับ setting ใหม่ พยายามให้แบตลดน้อยที่สุดคับ

ทีนี้ก็ใช้ไปเรื่องจนวันรุ่งขึ้นคือวันอาทิตย์ที่22 แบตมันก็จะหมดคับ ผมเข้าห้องน้ำอยู่ ตอนแบตมันลดไปถึง 15% ผมวิ่งออกไม่ทันเสียบชาร์จเลย ทั้งๆที่ไม่กี่ก้าวเองก็ถึงที่เสียชาร์จ ในใจก็คิดว่า...”มันคงเป็นแบตใหม่ ยังงงๆกับการใช้งานมั่ง” แล้วผมก็เสียชาร์จคับหลังจากที่เครื่องมันดับไปแล้วนะ ปรากฏว่ามันชาร์จไม่เข้า คือเสียบสายชาร์จแล้ว แต่ไฟไม่เข้า แถมแบตมันยังลดลงเป็นวินาที ย้ำ!!! เป็นวินาที คือ 15…14…13…12…11 จนไปที่…1 แล้วก็0 แล้วก็ดับ งงคับ มันขึ้น fast charging ด้วยนะเออออ งงดิคับ ผมก็เลยถอดแบตออก แล้วใส่แบตเสียบชาร์จใหม่
โดยไม่เปิดเครื่องคับมันถึงชาร์จเข้า ก็งงมากว่าทำไมเป็นแบบนั้น ซักพักผมก็เลยเดินไปที่ศูนย์ที่สแควร์วันอีกเป็นวันที่สอง ผมบอกอาการไปว่ามันชาร์จไฟไม่เข้า บลาๆ พนักงานเอาเข้าไปเชคคับ แต่ผลที่ได้คือ ฮาร์ดแวร์คือการจ่ายไฟไม่ได้ผิดปกติอะไร น่าจะมาจากซอฟต์แวร์
พนักงานเลยเสนอล้างเครื่องลงเฟิร์มแวร์ให้ใหม่ ผมก็....โอเคคับ ล้างก็ล้าง ก็เลยตกลงให้ลงเฟิร์มแวร์ใหม่ ไม่มีค่าบริการคับ รู้สึกดีมากกกกกกกกกกกกก กลับบ้านซิคับ รออะไรละ

วันจันทร์ที่ 23 Note4 มีอาการชาร์จไฟไม่เข้าอีกแล้ววววว อะไรกันนนน ผมงงๆๆๆ แล้วก็งงว่ามันจะอะไรอี๊กกกก ผมถึงขั้นเอาไอโฟนน้องถ่ายคลิปเลยว่ามันลดเป็นวินาทีจิงๆ แล้วก็กลับไปให้พนักงานดูอีกครั้ง แล้วก็เล่าปัญหาว่าชาร์จไม่เข้าอีกครั้ง เล่าใหม่เลย เหมือนครั้งที่แล้วเลย พร้อมให้ดูคลิปด้วยที่มันลดเปอร์เซนต์แบตอย่างไวนั่นละ พนักงานก็หายไปซักพัก แล้วเดินออกมาพร้อมบอกว่า....”น่าจะมาจากปัญหาที่ลูกค้าเปิด Bluetooth กับ location service ไว้อะคะ มันเลยกินแบต แบตหมดไว ตอนชาร์จควรเปิด flight mode บลาๆๆ....”

งงดิคับ “ผมใช้มาเป็นปี Bluetooth มัน connect กับ Moto360 มาเป็นปีๆ....นะ เกี่ยวอะไรกับ Bluetooh!? แล้ว location service เนี่ย เป็นฟีเจอร์นึงของเครื่อง มันกินแบตก็จิง ผมเปิดเป็น high accuracy มาตลอดตั้งแต่ใช้เครื่องมา ไม่เคยมีปัญหานะ นี่ชาร์จไฟไม่เข้า แบตลดเป็นวินาที ไม่น่าใช่ป่าว” ผมตอบพนักงานไปแบบนี้ แต่พนักงานพูดกลับมาอย่างละมุนละไมว่า...”มันไม่มีปัญหาที่เครื่องจิงๆนา” ผมฟังแบบนั้นก็โกธรไม่ลงคับ พนักงานดูเชื่อจิงๆว่ามันไม่ได้มีปัญหาจากเครื่อง ซึ่งทำให้ผมเชื่อ(ด้วยก็ได้)ไปด้วย กลับบ้านอย่างคอตกคับ งงกับโชคชะตา แบตหมดไว ชาร์จไม่เข้า  รอบนี้ใช้เวลารับบริการไปเกือบ1ชม.คับ คนเยอะ

พอถึงบ้านผมคิดหนักเลยคับ เลยเริ่มหาข้อมูลจะซื้อ iPhone 6s plus ประชดชีวิต แพงก็ยอม แต่ต้องไม่เสีย หรือเอ๋อแบบ Samsung เครื่องนี้อีก ยอมรับว่าเสียดายฟีเจอร์ multi-tasking ของ Note4 มากๆ เพราะผมใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้เป็นหลัก เลยตัดสินใจไม่ซื้อ iPhone 5-5S ในตอนนั้น

พอวันรุ่งขึ้นคือวันอังคารที่ 23 ผมก็ไปศูนย์ AIS คับ ไปลองจับ iPhone กะว่าวันศุกร์คงต้องซื้อแล้วละ เพราะไว้ใจ Note4 ไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม ผมแวะเข้าไปในชอปของ Samsung ผมเดินตรงเข้าไปถามพนักงานคนนึงคับ ผมคาดว่าน่าจะเป็นซีซ่าร์นะ ผมเล่าอาการชาร์จไม่เข้าบลาๆๆๆให้พนักงานคนนั้นฟัง พนักงานคนนั้นบอกกับผมว่า “ขอโทดนะคับ ขอปิดเครื่องถอดแบตหน่อย” แล้วปรากฏว่า....แบตมันลดลงไปจากก่อนที่จะปิดเครื่องถอดแบต จาก 30กว่า% เหลือ 20%นิดๆ พนักงานบอกผมว่า “ผมเดาว่ามันน่าจะมาจากอาการเสื่อมของแบตนะ แบตไม่ปกติคับ” ผมนี่.... ตายยยยย นี่เกือบซื้อ iPhone ไปแล้ว ค่าเสียหาย 32,700 บาทเลยนะ!!!! กับการที่ซื้อแบตเสื่อมมาใช้ ลงเฟิร์มแวร์ไปอย่างต่ำสองครั้ง เดินเข้าศูนย์มา 3วัน!!!! ช่างที่ศูนย์สแควร์วันนี่ไหวพริบน้อยกว่าซีซ่าร์ของชอป Paragon อีก!!!!

ผมเลยตรงดิ่งไปศูนย์ที่สแควร์วันอีกรอบ แล้วเล่าอาการใหม่หมด อีกรอบ เหมือนเดิม เพราะพนักงานใหม่คับ ก็เล่าไปว่า “เนี่ยแบตน่าจะมีปัญหานะ ให้พนักงานที่ Samsung Paragon ดู เค้าถอดแบตแล้วลดลงไปเยอะ เค้าสันนิษฐานว่าแบตที่ซื้อมาไม่ได้ถูกกระตุ้นเซลล์ชาร์จนานจนมันอาจเสื่อม ซึ่งมันเกิดได้ แต่น้อย คุณแจคพอตบลาๆๆๆ.....” พนักงานหายไปซักพักคับ แต่มันมีเหตุการณ์นึงคือ...แบตของผมมันไม่ติด serial number อะไรซักอย่าง บวกกับวันนั้น internet มีปัญหา ไม่สามารถเข้าระบบได้ว่าผมซื้อไปจิงมั้ย ซื้อไปตอนไหน บลาๆ พนักงานเลยเสนอให้ผมมาใหม่วันพรุ่งนี้ พร้อมนำซองแบตกับใบเสร็จมาด้วย สรุปการเข้าศูนย์สแควร์วันในวันที่4 เบ็ดเสร็จรอไป 50นาทีคับ ผลคือเปลี่ยนแบตไม่ได้ เพราะไม่ได้พกใบเสร็จบวกกับซองแบตมาด้วย กลับบ้านซิคับ รออะไร คิดว่ายังไงก็โชคดีที่ไม่ต้องเสียตังสามหมื่นกว่าไปซื้อ iPhone ฮ่าๆๆ

พอวันพุธที่ 24 ผมมาที่ศูนย์ตั้งแต่เช้าเลยคับ 10โมงเลย ก็รับคิวแล้วได้พนักงานอีกคนคับ พนักงานถามว่า...”อาการเป็นอะไรคะ”
....คือว่า...นี่เป็นวันที่ 5!!!! ที่ผมเข้ามาเพราะเรื่องแบตเสื่อมที่เสียตังซื้อมาจากศูนย์ Samsung ที่สแควร์วัน ผมต้องเล่ารายละเอียดให้ทุกครั้งที่ผมเข้ารับบริการ ซ้ำๆซากๆ ไม่มีการบันทึกปัญหาอะไรไว้เลย ทั้งๆที่จิงๆมันคือความสะเพร่าของฝ่าย Samsung นะ ผมเลยขึ้นเลยคับ อารมณ์เสียมากกกกกก พูดกับพนักงานอีกคนที่รับเรื่องผมเมื่อวานว่า “ไม่มีการบันทึกอะไรไว้เลยเหรอ? ต้องเล่าใหม่อีกแล้วใช่มั้ย? อะไรกัน? มาบอกเค้าทีว่ารับเรื่องไว้เมื่อวาน มันจะได้จบๆ โอยยยย เสียเวลาอีก” คือผมเสียเวลามา 5วันกับแบตเสื่อมก้อนนี้คับ คิดดูเถอะ ผมจะต้องเล่าวนไปวนมากี่รอบเนี่ย ตายๆๆๆ

พนักงานคนเมื่อวานเคลียร์ให้ผมด้วยละคับ ผมก็รอแบตใหม่ไป แต่ผมก็เล่าด้วยว่า ผมอยากให้เชคที่ชาร์จด้วย เพราะผมเข้าใจว่าที่ชาร์จเสียไง ในวันเสาร์ผมเลยมาซื้อที่ชาร์จไปด้วย ซึ่งจิงๆมันคือแบตที่เสียอะ พนักงานก็เอาเข้าไปเชคให้ ปรากฏว่า...ที่ชาร์จไฟแอมป์มันตกคับ ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันตกได้ยังไง ผมก็เชื่ออะนะ เพราะตอนนั้นอยากให้มันจบๆซักที ไม่อยากหัวเสียต่อแล้ว

ความพีคมันมาอยู่ตรงที่ ประมาณ 2-3นาทีต่อมา พนักงานที่เป็นคนรับเงินผมตอนวันเสาร์ เดินออกมาบอกว่าสรุปคือ “แบตมันไม่ใช่แบตที่ขายปกติ มันคือแบตของตัวเครื่องตอนที่ซื้อมาตอนแรกอะคะ แล้วมันก็ไม่ได้ติดสัญลักษณ์ มอก.มาด้วย” ผมงงเลย พูดแบบนี้จะให้ลูกค้าเค้ามาเชคตอนเค้าซื้อมั้ยว่ามันมีมอก.ติดหรือซีเรียลมันตรงกับซอง หรือเป็นรหัส FA SN อะไรของคุณ มันเป็นหน้าที่ของคนขายคือ”คุณ” ไม่ใช่เหรอที่ “สะเพร่า” ไม่เชคให้ลูกค้าก่อนจะส่งมาห้าถึงมือเค้า? แล้วพนักงานซ่อมอะ ทำไมสะเพร่ามาก ถึงขนาดที่แบตเสื่อมแค่เชคจากเปอร์เซนต์ที่ลดลงไปเป็น10หลังถอดแบต-ใส่แบต? แล้วทำไมช่างไม่รู้เหรอว่าแบตมันไม่ใช่รหัส FA SN อะไรที่คุณว่ามา?

ยังคับ ยัง ความพีคยังไม่หมด หลังจากที่ผมยื่นโมโหมือสั่นเริ่มขึ้นเสียใส่ว่าทำไมสะเพร่ากันขนาดนั้นและไม่ใช่ความผิดของลูกค้ามั้ย เมื่อเจอประโยค...”แต่วันนี้แบตหมดนะคะ ต้องรอก่อนคะ” เพิ่มเติมมาจากพนักงานคนนั้น มันทำให้ผมสุดจะบรรยายคับ กลั้นอารมณ์ไม่ถูกเลย โมโหมากกกกกกกกกกกกก วุ่นวายมา 5วัน รวมๆแล้วไม่น่าน้อยกว่า 3ชม.เลยเมื่อรวมกันทั้ง5วัน ผมต้องรอแบตอีก!!!!!!!!!!!! รอ!!!!!!!!!!!!! รออะไร!!!!!!!!!!! ผลจากความสะเพร่าของใคร ฝ่ายไหน โดนลบข้อมูลไปกี่ครั้ง เกือบต้องเสียตังหลายหมื่นซื้อมือถือใหม่ เพราะอะไร!!!!!????? พนักงานเสนอคืนเงินแบตแทนการรอคับ ผมนี่อึนมากกกก รอก็รอ...

ผมต้องกลับมือเปล่าเพราะไม่มีแบต แล้วแบตเก่าก็เสื่อม โอยยยยย มันช้ำแบบบอกไม่ถูก ใครไม่โดนไม่รู้หรอกคับ ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอ ผมถามไปว่าแบตมากตอนไหน พนักงานตอบว่าบ่ายๆ วันนี้คือวันพุธนี่ละ เด่วโทรแจ้งอะไรแบบนั้น ผมก็รอที่สยามอะคับ รอถึงบ่ายโมงครึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปขอเงินคืน ยอมแพ้คับ ไปซื้อที่อื่นก็ได้ ไม่ไหวแล้ว แต่มันทำให้ผมรู้นะว่าผมต้องเชคหมายเลขซีเรียลกับตรามอก.ก่อนรับของมา ตลกจิงๆ

ผมเล่ามายาวมากกกกกกกกกกกก อยากแชร์ประสบการณ์เฮงซวยนี้จิงๆ คือมันสุดจะทน ผมต้องรอให้มันผ่านไปสองวันก่อน เพราะไม่งั้นผมจะเล่าด้วยความอคติสุดๆ

แต่อย่างไรก็ตามผมคงไม่ใช้ Samsung อีกแล้วละด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งฮาร์ดแวร์ (ผมเปลี่ยนตัวกล้องมาสองรอบ ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ใช้ ลักษณะอาการมันคือครั้งแรกโพกัสไม่ได้หลังจากซื้อมาประมาน 4เดือน แล้วก็ต้องเปลี่ยนอีกครั้งตอนเดือน10 กับอาการภาพที่โชว์ตอนถ่ายเป็นเหมือนน้ำๆทั้งจอเลย แล้วก็เป็นเส้นดำๆขีดๆ และเปลี่ยนแบตมาตอนใช้ไปได้ 7เดือนเพราะแบตเริ่มเสื่อม ถอดเข้าออกแล้วแบตลดเยอะ แล้วมันก็เสื่อมอีกก้อนตอนเดือน11 แต่พนักงานบอกว่ามันปกติๆๆๆ ซึ่งผมก็เชื่อคับ เพราะทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเชื่อนั่นละ ทั้งๆที่แบตมันไม่ปกติแน่ๆเหมือนรอบแรกนั่นละ)

ส่วนเรื่องพนักงานที่ไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องเครื่องเท่าไหร่ เอะอะอะไรก็จะให้ล้างเครื่อง ลงเฟิร์มแวร์ใหม่ตลอด (มีครั้งนึงเจ้านาฬิกา Moto360 มันมีระบบปลดล๊อกหน้าจอด้วยนาฬิกานั่นละคับ แล้วมันกลายเป็นการปลดล๊อกที่ต้องปลดสองชั้น ผมไปถามเจ้าหน้าที่ไม่มีใครตอบได้ซักคนว่าทำไมผมต้องปลดล๊อกสองครั้ง แก้ยังไงให้มันปลดล๊อกแค่ทีเดียว ...แน่นอนว่าพนักงานเสนอให้ลงเฟิร์มแวร์ใหม่เช่นเคย ผมซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องและนาฬิกาก็ต้องไปหาความรู้เอาเองคับจึงรู้ว่ามันเอาฟีเจอร์ในมือถือนี้ออกได้) รวมถึงเรื่องสะเพร่าครั้งนี้ ดูๆแล้วไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร แต่ลองนึกดูนะคับ ถ้าผมไม่เดินเข้าไปถามซีซ่าร์ที่ชอป Paragon วันพุธ ผมจะรู้มั้ยว่าปัญหามันเกิดจากแบต ซึ่งเป็นความสะเพร่าของพนักงาน ช่าง หรืออาจะเป็นจาก QC ของ Samsung เอง? ผมอาจต้องเสียเงินสามหมื่นบวกๆกับความสะเพร่าแบบนี้ เป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจไม่ใช้ Samsung หลังจากนี้อีกแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่