ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องเล่าชีวิตจริงของชะนีน้อยนางนึงที่เรียนอิ้งในมหาลัยแห่งนึง
เริ่มมาจากชีวิตเด็กมอปลายเคว้งคว้างคนนึงที่ก็เหมือนกะหลายๆคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรดี คิดหนักมากกกก แม่อยากให้เป็นครู พ่อก็บอกว่าเภสัชดี พี่ชายอยากให้ต่อบริหาร หื้มมมมม เครียดเลยทีนี้ แต่ละคณะที่บอกมานิไม่ใช่แนวหญิงเลย สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าจะเรียนอิ้งเนี้ยแหละรู้แค่ว่าชอบอนาคตจะเป็นไงค่อยคิดล่ะกัน พอเลือกคณะได้แล้วที่นี้ก็เริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบอ่าน

มันแต่ภาษาอังกฤษเทวิชาอื่นที่ได้ร่ำเรียนมาจากสายวิทย์หมดเลยจ้า ถึงแม้ว่าที่บ้านจะไม่เห็นด้วยแต่ทุกคนก็ยังยอมรับในการตัดสินใจของนี่
พอเข้ามหาลัยได้นิตื่นเต้นมากกกก แต่ด้วยความที่เป็นเด็กที่อยู่หลายบ้านพ่อแม่เลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์เลยไม่ค่อยอะไรกะการที่ต้องมาอยู่คนเดียว สิ่งแรกที่เป็นเค้าเจอร์ช็อกคือการเรียนการสอนที่เป็นอิ้งหมด โดนอาจารย์รัวอิ้งไม่หยุดตอนฮาวทูลีฟนิถึงกะไปไม่เป็นเลย ช่วงนั้นท้อมากคิดแต่ว่าจะเอาได้ดีว่ะให้รอดไปได้เนี้ย พยายามปรับตัวหนักมากถามว่าตอนนี้ชินมั้ยตอบเลยว่าก็ไม่ชินนะ 555 แต่ก็ดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ
ตอนเรียนปีหนึ่งเทอมหนึ่งใสใสชิวๆสบายๆไม่มีไรมากยากสุดแค่อาเซียนที่ไม่ต้องไรมากก็ได้เอมาสวยๆ ตอนนั้นนิคิดเลยจบไปเกรดงดงามแน่ๆ แต่พอมาเทอมสองเท่านั้นล่ะค่ะ รู้เรื่อง!! ด้วยความที่เรียนไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วย บอกได้คำเดียวเลยว่า

หนักมาก กลางวันเรียนกลางคืนฝึกทำกิจกรรมเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือคะ บวกกับที่มาเจอหนึ่งในวิชาหินของสาขาอย่างฟาวสอง 6 หน่วยกิตเข้าไปก็พังไม่เป็นท่าเลยจ้างานนี้ วลีเด็ดจากขุ่นแม่คือ "สวัสดีซัมเมอร์" เป็นเอฟตัวแดงแรกที่ได้มาประดับทรานสคิปเลย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตมหาลัยเลยก็ว่าได้ พีคมากเลยค่ะโดนเอฟไปหกหน่วยกิตเหมือนคุณสอบตกไปสองวิชา เกรดนิลดลงฮวบฮาบ ช่วงที่เรียนซัมเมอร์เป็นช่วงที่เครียดและกดดันมากเพราะ ณ เวลานั้นเพื่อนในสาขาก็เริ่มจะออกรึไม่ก็ย้ายสาขาเพราะไม่ไหวจะเคลียร์กะฟาว
ต่อมาคือช่วงชีวิตปีสองเป็นช่วงชีวิตที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในมหาลัยแล้วทุกอย่างลงตัว การเรียนก็เริ่มปรับตัวได้ กิจกรรมก็เริ่มจะแบ่งเวลาเป็นเสียอย่างเดียวคือเรื่องเพื่อน ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงคือเพื่อนในกลุ่มย้ายมอไปหนึ่งย้ายสาขาไปอีกหนึ่ง เรียนไม่ทันแผนอีกหนึ่ง จากกลุ่มที่มีสี่คนกลายเป็นว่าห่างกันไปหมดเลยเหลืออิชั้นไปเผชิญโลกต่อคนเดียวค่าาา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี และขอปิดท้ายวลีเด็ดช่วงซัมเมอร์ของกะเทยพันทิป คือ กะเทยเปิดเซคแต่ไม่เรียนหนีไปทำงานเป็นกะที่ภูเก็ต ปล อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเปิดวิชาเรียนช่วงซัมเมอร์มันยากมากต้องทำเรื่องโน้นนี่กว่าจะเปิดได้ นี่เลยค่ากะเทยสตรองนางทำได้แต่สุดท้ายเกิดอินดี้กะทันหันเปลี่ยนใจอยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์หนีไปทำงานที่ภูเก็ตเฉย ส่วนเพื่อนนางอย่างอิชั้นก็ต้องก้มหน้าเรียนวิชาที่นางเปิดทิ้งให้ต่อไปค่ะ
รุ่นพี่หลายคนบอกว่าปีสามเป็นช่วงที่พีคที่สุดหินที่สุดของการเรียนอิ้งแล้ว ขอบอกเลยว่าโคตรจริง หื้มมมมม แต่ละวิชาที่ขุ่นพ่อขุ่นแม่ได้จัดมาให้นั้น โหดสัสรัสเซียมากทั้งเหล่าวิชาสายลิง สายลิส สายรีเสริช สายทราน อาชีพเลือกบลาๆ จัดมาให้ได้สัมผัสเต็มๆกว่าจะรอดมาได้นิบนกันไปหลายที่เลยทีเดียว และที่เด็ดกว่านั้นคือจะมีวิชานึงที่นี่เกิดบ้าอะไรไม่รู้ สติไม่ทำงานชั่วขณะเกิดอารมณ์เลทอิสโก เทไปคือวิชาAPW แล้วอะไรต่อหรอคะ เอฟสิจะอะไร ทำให้เป็นที่โจทย์จันว่าชะนีที่ไปเกาหลีที่กล้าเท เมนเทอร์เปีย 5555 ช่วงปิดเทอมปีสามเป็นช่วงที่เด็กอิ้งทั้งหลายต้องไปฝึกงาน ด้วยความที่เพื่อนสนิทไปเป็นแอร์กันหมด แอร์กี่อย่างดิชั้นดูท่าทางแล้วไม่น่ารุ่งเลยอินดี้หนีไปฝึกการท่องเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวลุยเดี่ยวสวยๆเลยจ้า และโชคดียิ่งกว่านั้นคือเจอเพื่อนและพี่ๆฝึกงานที่ดีและน่ารัก ยอมทนกะความเอ๋อของนี่ได้ตลอดสองเดือนกว่า นับว่าดีจริงไรจริงทำงานสบายเที่ยวสนุกนึกถึงการท่องเที่ยวสิคะ
ปีสุดท้ายปีสี่ที่รุ่นพี่บอกว่าสบ๊ายยย ซะที่ไหนเล่าด้วยความที่อิชั้นโชคดีรึโชคร้ายไม่รู้ได้เข้ามาพร้อมกะหลักสูตรที่ไม่เหมือนรุ่นพี่ ทำให้บางวิชาพี่ก็ไม่ได้เรียน ก็ต้องปากกัดตีนถีบมากะเพื่อนๆตลอดรวมไปถึงปีสี่นี่ด้วย ถ้าเป็นหลักสูตรพี่ๆเค้าเเทบจะได้เรียนแค่ตัวสองตัว แต่ดิชั้นค่าาา เจอจีนสุดที่รักและวิชาอื่นๆเข้าไปสิริรวมได้เจ็ดตัว ดี๊ดี และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือซีเนียร์โปรเจค การทำรีเสริชจบคนเดียวครั้งแรกของชะนีที่เกลียดการทำวิจัยมาก นี่เลือกสายโซซิโอลิง หรือ ภาษาศาสตร์กับสังคม และด้วยความโชคดีที่เจออาจารย์ที่ปรึกษาที่ดีมว๊ากกก นางปล่อยฟรีให้เราได้เลือกสิ่งที่เราสนใจจะศึกษาจริงแล้วพร้อมที่จะให้คำแนะนำตลอด(ที่ผ่านมาได้เพราะคอมเม้นเนี้ยแหละ) ถ้าถามว่านางชอบแหกเหมือนอาจารย์คนอื่นมั้ย บอกเลยว่าแน่นอนแต่เป็นการแหกที่มาพร้อมกะคำแนะนำที่ดีมาก ณ จุดนั้นคือยอมค่ะ แหกเลยค่าา ต้องขอบคุณความอดทนของตัวเองมากๆเป็นปีที่เรียนไม่หนักแต่ท้อง่ายมาก ทั้งซีเนียร์โปรเจค จีนสี่ (เป็นคนที่อ่อนแอภาษาจีนอย่างรุนแรง) APW รวมไปถึง Exit exam (การสอบจบที่ไม่ใช่การสอบไฟนอลนะ)
ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า"เรียนจบแล้วจ้า" เพราะต้องรอเกรดออกก่อนถ้าไม่มีเอฟนะ ฮ่าๆๆ
ปล เรื่องกิจกรรมที่นี่เมนชั่นถึงในหลายรอบตอนเล่าคือกิจกรรมรับน้อง ที่ทำให้ได้ประสบการณ์มาเยอะมาก อย่างแรกคือเพื่อน พี่น้อง ที่บอกได้เลยว่าชั้นมีคนรู้จักครบทุกสาขาวิชาในมอล่ะเดินไปไหนกะเพื่อนๆชอบบ่นว่าเป็น สส รึไงเนี้ยยย อย่างที่ต่อมาคือเพื่อนรุ่นเดียวกันในชมรมที่สนิทมากเพราะผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากทั้งทะเลาะกัน (ประจำ) เรื่องผี ปัญหาต่างๆ ทั้งโดนลงด้วยกันอยู่กินด้วยกัน มันทำให้เป็นมากกว่าแค่รู้จัก อยากบอกว่ารักพวกนะเว้ยยย เจอกันรับวันปริญญานะถึงอาจจะไม่มีซุ้มแต่เดี๋ยวค่อยผลัดกันบูมให้กันเองก้ได้เนอะ กุไม่ซีเรียส 555
สุดท้ายนี่อยากจะขอบคุณตัวเองที่ พยายามใช้ชีวิตให้คุ้มและสุดในแบบของตัวเอง เป็นสี่ปีที่มีหลายๆอย่างผ่านเข้ามาและออกไปในชีวิต เป็นสี่ปีที่ถือว่าน่าจดจำที่สุด และอยากจะขอบคุณทุกคนรอบข้าง เพราะเราจะคิดเสมอว่าทุกคนที่ยังยืนอยู่ข้างเราคือคนที่ดีมาก ทั้งตอนที่เราทำตัวน่ารำคาญนิสัยแย่หรือที่เราเริ่มเป็นผู้เป็นคนมาบ้าง(ซึ่งไม่ค่อยมี) ถ้านี่ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนได้นิไม่ใช่ เราตัวจริงๆ 5555 ปล นึกถึงคำพูดเด็ดของกะเทยยีราฟได้เลยว่า "มาเจอกุนิโชคดีมากนะ เพราะเวลาไปเจอคนข้างนอกอะเค้าจะดีกะมาก เพราะกุเนี้ย

สุดแล้วจะได้มีภูมิคุ้มกัน" เดี๋ยวนะ!!กุควรจะดีใจใช่มั้ย
ปล 2 เรา รัก ทุกคนนะก้ะ ขอบคุณที่อดทนกะคนที่หาประโยชน์ไม่ได้อย่างกุและจงอดทนต่อไป
ปล 3 เราขอโทษกับทุกๆความผิดที่เราได้ทำไปทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ (แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้) กับทุกคนด้วยนะทั้งคนยังอยู่ในชีวิตและคนที่ไม่อยู่
การเรียนมหาวิทยาลัยสอนให้เรารู้ว่าแค่ชอบในสิ่งที่คุณเรียนมันยังไม่พอคุณต้องโคตรรักมันเลยเพราะแม้แต่ในสิ่งที่คุณชอบมันก็มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่เหมือนกันในที่เราเรียนจริงๆมันโคตรยากแทบลากเลือดกว่าจะผ่านมาได้แต่ละก้าวเลยเคยอยู่ในจุดที่สูงและเคยทั้งอยู่ในจุดที่ต่ำสุด(ติดเอฟหกหน่วยกิจ) เคยท้อจนเท เคยคิดว่าคงไปต่อไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้แล้วพอลองมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกโคตรจะภูมิใจเลยเพราะเราไม่ใช่คนเก่งเลยเหมือนที่มีคนเคยพูดว่าสักวันเราจะสามารถหัวเราะให้กับเรื่องที่เราเคยร้องไห้ได้ อยากจะบอกเราในอดีตว่าชั้นทำได้แล้วนะชั้นกำลังจะก้าวออกไปสู่โลกภายนอกแล้วและ อยากจะบอกเราในปัจจุบันว่าเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะยิ้มเข้าไว้สุดท้ายอยากจะบอกเราในอนาคตว่าชั้นกำลังทำทุกอย่างเพื่อเธออยู่อยากจะขอบคุณทุกคนที่เรารักและรักเราที่คอยเป็นกำลังใจไม่เคยซ้ำเติมกันตอนท้อรู้สึกโชคดีมากที่รอบตัวมีแต่คนดีๆและเข้าใจเราเสมอถึงเกรดจะไม่ได้สวยหรูเหมือนคนอื่นแต่เราก็ภูมิใจกับมันมากสำหรับเด็กโง่ๆที่ทั้งเรียนทั้งทำกิจกรรมตลอดพอมาวันนี้เข้าใจเลยความหมายของคำว่าจะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน
จบค่ะ เริ่มต้นบทใหม่ในหน้าชีวิตวัยทำงานได้ หนึ่ง สอง สาม เริ่ม !!
นี่แหละชีวิตในมหาลัยของเด็กอิ้ง
เริ่มมาจากชีวิตเด็กมอปลายเคว้งคว้างคนนึงที่ก็เหมือนกะหลายๆคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรดี คิดหนักมากกกก แม่อยากให้เป็นครู พ่อก็บอกว่าเภสัชดี พี่ชายอยากให้ต่อบริหาร หื้มมมมม เครียดเลยทีนี้ แต่ละคณะที่บอกมานิไม่ใช่แนวหญิงเลย สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าจะเรียนอิ้งเนี้ยแหละรู้แค่ว่าชอบอนาคตจะเป็นไงค่อยคิดล่ะกัน พอเลือกคณะได้แล้วที่นี้ก็เริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบอ่าน
พอเข้ามหาลัยได้นิตื่นเต้นมากกกก แต่ด้วยความที่เป็นเด็กที่อยู่หลายบ้านพ่อแม่เลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์เลยไม่ค่อยอะไรกะการที่ต้องมาอยู่คนเดียว สิ่งแรกที่เป็นเค้าเจอร์ช็อกคือการเรียนการสอนที่เป็นอิ้งหมด โดนอาจารย์รัวอิ้งไม่หยุดตอนฮาวทูลีฟนิถึงกะไปไม่เป็นเลย ช่วงนั้นท้อมากคิดแต่ว่าจะเอาได้ดีว่ะให้รอดไปได้เนี้ย พยายามปรับตัวหนักมากถามว่าตอนนี้ชินมั้ยตอบเลยว่าก็ไม่ชินนะ 555 แต่ก็ดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ
ตอนเรียนปีหนึ่งเทอมหนึ่งใสใสชิวๆสบายๆไม่มีไรมากยากสุดแค่อาเซียนที่ไม่ต้องไรมากก็ได้เอมาสวยๆ ตอนนั้นนิคิดเลยจบไปเกรดงดงามแน่ๆ แต่พอมาเทอมสองเท่านั้นล่ะค่ะ รู้เรื่อง!! ด้วยความที่เรียนไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วย บอกได้คำเดียวเลยว่า
ต่อมาคือช่วงชีวิตปีสองเป็นช่วงชีวิตที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในมหาลัยแล้วทุกอย่างลงตัว การเรียนก็เริ่มปรับตัวได้ กิจกรรมก็เริ่มจะแบ่งเวลาเป็นเสียอย่างเดียวคือเรื่องเพื่อน ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงคือเพื่อนในกลุ่มย้ายมอไปหนึ่งย้ายสาขาไปอีกหนึ่ง เรียนไม่ทันแผนอีกหนึ่ง จากกลุ่มที่มีสี่คนกลายเป็นว่าห่างกันไปหมดเลยเหลืออิชั้นไปเผชิญโลกต่อคนเดียวค่าาา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี และขอปิดท้ายวลีเด็ดช่วงซัมเมอร์ของกะเทยพันทิป คือ กะเทยเปิดเซคแต่ไม่เรียนหนีไปทำงานเป็นกะที่ภูเก็ต ปล อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเปิดวิชาเรียนช่วงซัมเมอร์มันยากมากต้องทำเรื่องโน้นนี่กว่าจะเปิดได้ นี่เลยค่ากะเทยสตรองนางทำได้แต่สุดท้ายเกิดอินดี้กะทันหันเปลี่ยนใจอยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์หนีไปทำงานที่ภูเก็ตเฉย ส่วนเพื่อนนางอย่างอิชั้นก็ต้องก้มหน้าเรียนวิชาที่นางเปิดทิ้งให้ต่อไปค่ะ
รุ่นพี่หลายคนบอกว่าปีสามเป็นช่วงที่พีคที่สุดหินที่สุดของการเรียนอิ้งแล้ว ขอบอกเลยว่าโคตรจริง หื้มมมมม แต่ละวิชาที่ขุ่นพ่อขุ่นแม่ได้จัดมาให้นั้น โหดสัสรัสเซียมากทั้งเหล่าวิชาสายลิง สายลิส สายรีเสริช สายทราน อาชีพเลือกบลาๆ จัดมาให้ได้สัมผัสเต็มๆกว่าจะรอดมาได้นิบนกันไปหลายที่เลยทีเดียว และที่เด็ดกว่านั้นคือจะมีวิชานึงที่นี่เกิดบ้าอะไรไม่รู้ สติไม่ทำงานชั่วขณะเกิดอารมณ์เลทอิสโก เทไปคือวิชาAPW แล้วอะไรต่อหรอคะ เอฟสิจะอะไร ทำให้เป็นที่โจทย์จันว่าชะนีที่ไปเกาหลีที่กล้าเท เมนเทอร์เปีย 5555 ช่วงปิดเทอมปีสามเป็นช่วงที่เด็กอิ้งทั้งหลายต้องไปฝึกงาน ด้วยความที่เพื่อนสนิทไปเป็นแอร์กันหมด แอร์กี่อย่างดิชั้นดูท่าทางแล้วไม่น่ารุ่งเลยอินดี้หนีไปฝึกการท่องเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวลุยเดี่ยวสวยๆเลยจ้า และโชคดียิ่งกว่านั้นคือเจอเพื่อนและพี่ๆฝึกงานที่ดีและน่ารัก ยอมทนกะความเอ๋อของนี่ได้ตลอดสองเดือนกว่า นับว่าดีจริงไรจริงทำงานสบายเที่ยวสนุกนึกถึงการท่องเที่ยวสิคะ
ปีสุดท้ายปีสี่ที่รุ่นพี่บอกว่าสบ๊ายยย ซะที่ไหนเล่าด้วยความที่อิชั้นโชคดีรึโชคร้ายไม่รู้ได้เข้ามาพร้อมกะหลักสูตรที่ไม่เหมือนรุ่นพี่ ทำให้บางวิชาพี่ก็ไม่ได้เรียน ก็ต้องปากกัดตีนถีบมากะเพื่อนๆตลอดรวมไปถึงปีสี่นี่ด้วย ถ้าเป็นหลักสูตรพี่ๆเค้าเเทบจะได้เรียนแค่ตัวสองตัว แต่ดิชั้นค่าาา เจอจีนสุดที่รักและวิชาอื่นๆเข้าไปสิริรวมได้เจ็ดตัว ดี๊ดี และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือซีเนียร์โปรเจค การทำรีเสริชจบคนเดียวครั้งแรกของชะนีที่เกลียดการทำวิจัยมาก นี่เลือกสายโซซิโอลิง หรือ ภาษาศาสตร์กับสังคม และด้วยความโชคดีที่เจออาจารย์ที่ปรึกษาที่ดีมว๊ากกก นางปล่อยฟรีให้เราได้เลือกสิ่งที่เราสนใจจะศึกษาจริงแล้วพร้อมที่จะให้คำแนะนำตลอด(ที่ผ่านมาได้เพราะคอมเม้นเนี้ยแหละ) ถ้าถามว่านางชอบแหกเหมือนอาจารย์คนอื่นมั้ย บอกเลยว่าแน่นอนแต่เป็นการแหกที่มาพร้อมกะคำแนะนำที่ดีมาก ณ จุดนั้นคือยอมค่ะ แหกเลยค่าา ต้องขอบคุณความอดทนของตัวเองมากๆเป็นปีที่เรียนไม่หนักแต่ท้อง่ายมาก ทั้งซีเนียร์โปรเจค จีนสี่ (เป็นคนที่อ่อนแอภาษาจีนอย่างรุนแรง) APW รวมไปถึง Exit exam (การสอบจบที่ไม่ใช่การสอบไฟนอลนะ)
ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า"เรียนจบแล้วจ้า" เพราะต้องรอเกรดออกก่อนถ้าไม่มีเอฟนะ ฮ่าๆๆ
ปล เรื่องกิจกรรมที่นี่เมนชั่นถึงในหลายรอบตอนเล่าคือกิจกรรมรับน้อง ที่ทำให้ได้ประสบการณ์มาเยอะมาก อย่างแรกคือเพื่อน พี่น้อง ที่บอกได้เลยว่าชั้นมีคนรู้จักครบทุกสาขาวิชาในมอล่ะเดินไปไหนกะเพื่อนๆชอบบ่นว่าเป็น สส รึไงเนี้ยยย อย่างที่ต่อมาคือเพื่อนรุ่นเดียวกันในชมรมที่สนิทมากเพราะผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากทั้งทะเลาะกัน (ประจำ) เรื่องผี ปัญหาต่างๆ ทั้งโดนลงด้วยกันอยู่กินด้วยกัน มันทำให้เป็นมากกว่าแค่รู้จัก อยากบอกว่ารักพวกนะเว้ยยย เจอกันรับวันปริญญานะถึงอาจจะไม่มีซุ้มแต่เดี๋ยวค่อยผลัดกันบูมให้กันเองก้ได้เนอะ กุไม่ซีเรียส 555
สุดท้ายนี่อยากจะขอบคุณตัวเองที่ พยายามใช้ชีวิตให้คุ้มและสุดในแบบของตัวเอง เป็นสี่ปีที่มีหลายๆอย่างผ่านเข้ามาและออกไปในชีวิต เป็นสี่ปีที่ถือว่าน่าจดจำที่สุด และอยากจะขอบคุณทุกคนรอบข้าง เพราะเราจะคิดเสมอว่าทุกคนที่ยังยืนอยู่ข้างเราคือคนที่ดีมาก ทั้งตอนที่เราทำตัวน่ารำคาญนิสัยแย่หรือที่เราเริ่มเป็นผู้เป็นคนมาบ้าง(ซึ่งไม่ค่อยมี) ถ้านี่ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนได้นิไม่ใช่ เราตัวจริงๆ 5555 ปล นึกถึงคำพูดเด็ดของกะเทยยีราฟได้เลยว่า "มาเจอกุนิโชคดีมากนะ เพราะเวลาไปเจอคนข้างนอกอะเค้าจะดีกะมาก เพราะกุเนี้ย
ปล 2 เรา รัก ทุกคนนะก้ะ ขอบคุณที่อดทนกะคนที่หาประโยชน์ไม่ได้อย่างกุและจงอดทนต่อไป
ปล 3 เราขอโทษกับทุกๆความผิดที่เราได้ทำไปทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ (แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้) กับทุกคนด้วยนะทั้งคนยังอยู่ในชีวิตและคนที่ไม่อยู่
การเรียนมหาวิทยาลัยสอนให้เรารู้ว่าแค่ชอบในสิ่งที่คุณเรียนมันยังไม่พอคุณต้องโคตรรักมันเลยเพราะแม้แต่ในสิ่งที่คุณชอบมันก็มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่เหมือนกันในที่เราเรียนจริงๆมันโคตรยากแทบลากเลือดกว่าจะผ่านมาได้แต่ละก้าวเลยเคยอยู่ในจุดที่สูงและเคยทั้งอยู่ในจุดที่ต่ำสุด(ติดเอฟหกหน่วยกิจ) เคยท้อจนเท เคยคิดว่าคงไปต่อไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้แล้วพอลองมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกโคตรจะภูมิใจเลยเพราะเราไม่ใช่คนเก่งเลยเหมือนที่มีคนเคยพูดว่าสักวันเราจะสามารถหัวเราะให้กับเรื่องที่เราเคยร้องไห้ได้ อยากจะบอกเราในอดีตว่าชั้นทำได้แล้วนะชั้นกำลังจะก้าวออกไปสู่โลกภายนอกแล้วและ อยากจะบอกเราในปัจจุบันว่าเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะยิ้มเข้าไว้สุดท้ายอยากจะบอกเราในอนาคตว่าชั้นกำลังทำทุกอย่างเพื่อเธออยู่อยากจะขอบคุณทุกคนที่เรารักและรักเราที่คอยเป็นกำลังใจไม่เคยซ้ำเติมกันตอนท้อรู้สึกโชคดีมากที่รอบตัวมีแต่คนดีๆและเข้าใจเราเสมอถึงเกรดจะไม่ได้สวยหรูเหมือนคนอื่นแต่เราก็ภูมิใจกับมันมากสำหรับเด็กโง่ๆที่ทั้งเรียนทั้งทำกิจกรรมตลอดพอมาวันนี้เข้าใจเลยความหมายของคำว่าจะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน
จบค่ะ เริ่มต้นบทใหม่ในหน้าชีวิตวัยทำงานได้ หนึ่ง สอง สาม เริ่ม !!