ปัญหาแบบนี้ กับแฟนใหม่ (ที่ความหวังดีของเราประสงค์ร้ายไง)

คือผมคบกับแฟนใหม่มาได้สักตอนนีก็เริ่มจะ 4 เดือนแล้ว ทีนี้ผมก็จะมีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าที่บ้านผม ยายผมเป็นอัลไซเมอร์ เบาหวาน แล้วก็ยืนเอง เดินเองไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอนบนเตียงคนไข้ที่ปรับหัวขาได้ มีที่นอนลมวางกันแผลกดทับ ให้อาหารแกทางสายอาหาร ส่วนระบบขับถ่ายของเสียก็ไม่ต้องพูดถึง ซึ่งหน้าที่นี้ก็จะมีแม่ที่ทำส่วนใหญ่เพราะอยู่บ้านกับยายตลอด (แฟนเก่าผมสอนแม่กับคนในบ้านเราก็พอจะทำกันได้) ผมส่วนใหญ๋ก็ช่วยยกอุ้มยายหรือทำแทนแม่เวลาไม่อยู่บ้าน น้อง ป้า น้า คอยช่วยบ้าง

ปัญหาหนักคือเวลาเปลี่ยนสายอาหารตามกำหนดแต่ละเดือน แฟนเก่าที่คบกันมา 7 ปี เค้าเป็นพยาบาลเค้าก็จะมาเปลี่ยนสายอาหารให้ยายแทบทุกเดือน นอกจากเดือนนั้นเค้าขึ้นวอร์ดเยอะจิงๆ (ที่บ้านพ่อแม่เรารู้จักกันเพราะคบกันมานาน) แต่ด้วยความเลวของผมเอง ที่ติดเพื่อนที่ทำงานจนบางครั้งก็ไม่ค่อยใส่ใจเทอเท่าไหร่ ทุกอย่างมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงจนเปลี่ยนสถานะเป็นแค่เพื่อนที่ยังคงหวังดีช่วยเหลือกันได้ แล้วผมก็คงทำให้เทอเกลียดผู้ชายจนไปชอบผู้หญิงห้าวๆแบบผู้ชาย

พอเวลาแฟนเก่าผมมาเปลี่ยนสายอาหารให้ยาย พ่อแม่ผมก็จะให้ผมคอยขี่รถมอไซไปรับส่งเทอที่ใต้หอพัก ซึ่งระยะ 2 ปีที่มีปัญหาก่อนที่ผมจะรับฟังคำตอบจากปากเทอว่าเทอคงไม่สามารถที่จะกลับมาหาผมได้ก็คือช่วงที่ผมเริ่มคุยกับแฟนใหม่ ผมก็แทบไม่ได้ขึ้นไปอยู่ข้างบนห้องพักเทออีกเลย มารับส่งก็อยู่แต่ใต้หอพักตลอดนั่งคร่อมมอไซต์ไว้รอเทอลงมาก็ขี่ซ้อนเทอพามาเปลี่ยนสายอาหารยายที่บ้าน ซึ่งที่บ้านผมเราก็อยู่ในสายตาพ่อแม่ผมตลอด เปลี่ยนเสร็จก็กินข้าวกันตามมารยาทที่พ่อแม่ผมซื้อของอร่อยมาให้กินเหมือนตอบแทนน้ำใจที่เค้ามีให้ (ผมจะบอกแฟนใหม่ผมตลอดเวลาเทอมาเปลี่ยนสายอาหาร ซึงแฟนใหม่ผมก็จะมีคำถามผมว่า ทำไมต้องรับ-ส่งแฟนเก่าผมด้วย ทำไมไม่ให้เค้านั่งรถไปกลับของเค้าเอง ซึ่งผมก็เคยอธิบายไปแล้วว่าพ่อแม่ผมคงไม่ยอมแน่ๆที่แฟนเก่าผมเค้าเต็มใจมาเปลี่ยนสายอาหารยายให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยน้ำใจ แล้วทำไมเราถึงต้องให้เค้าลำบากนั่งรถมาเอง) ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาอย่างนึงที่ผมคงยังไม่สามารถตอบ หรืออธิบายแฟนใหม่ผมยังไง เทอก็คงไม่เข้าใจ แล้วก็เป็นปัญหาทุกครั้งที่ผมขี่มอไซรับส่งแฟนเก่าผมมาเปลี่ยนสายอาหาร

ส่วนปัญหาที่ 2 ทั้งแฟนเก่าผมและก็แฟนใหม่เทอต่างก็เป็นโรคกระดูกกดทับเส้นประสาทด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดด้วยความที่ผมหวังดีแต่ประสงค์ร้ายหรืออย่างไรกับแฟนใหม่ ที่ผมบอกแฟนใหม่ผมให้เทอรุ้ถึงปัจจัยที่ทำให้มีผลต่อโรค นั่นก็คือ น้ำหนักตัว เพราะเทอออกแนวรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งเทอก็ชอบไปลงวิ่งมาราธอน หรือช่วงเย็นเราก็จะไปวิ่งกันตามสวนสาธารณะ แต่ระยะหลังมานี้อาการเทอวิ่งได้ไม่ถึง 400 เมตร เทอก็ปวดและชาแล้วจนต้องเดินแทน (ส่วนสูงน่าจะเท่าแฟนเก่าผมแต่มีเนื้อเยอะอวบกว่า) ซึ่งผมเคยถามว่าเทอหนักเท่าไหร่ก็ไม่เคยบอก เพราะผมก็อยากให้เทอลด นน. (เพราะมันก็อาจจะช่วยได้บ้างแบบแฟนเก่าผมที่ นน. ลดลงอีกตอนมีปัญหากัน เทอก็ดีขึ้นมาก) พอเวลาที่แฟนใหม่เทอบอกผมว่าปวดไม่ไหว ผมว่างก็จะลาที่ทำงานแปบนึงขี่มอไซพาเทอไปตรวจที่ รพ. หรือถ้าไปส่งไม่ได้ผมก็ขี่ไปรับจาก รพ. มาส่งเทอที่บ้าน เพราะผมก็เป็นห่วงเทอจากอาการแล้วสีหน้าคำพูดที่เทอบอกผม  ขนาดแฟนเก่าผมเทอผอมมาก สูง 168 น้ำหนัก ตอนคบกันอยู่ราว 48-50 กก. เทอก็ยังมีผลเวลามาวิ่งกับผม หรือเวลาที่เทอยืนบนวอร์ดทำงานนานๆ  (แฟนใหม่ผมก็อาชีพยืนทำงานนานเหมือนกันซึ่งก็น่าจะมีผลเช่นเดียวกัน) ซึ่งเทอเคยเล่าให้ฟังว่าทั้งทำกายภาพ MRI หรือแม้แต่ฝังเข็มล่าสุด ก็ยังไม่อะไรที่ดีขึ้น

พอทีนี้จากความหวังดี เรื่อง ลด นน. ที่ผมบอกให้เทอลด เพื่อที่เผื่ออาการเทอจะดีขึ้นจากปัจจัย นน. ที่มีส่วนแปรผกผันกับอาการโรคดังกล่าว แฟนใหม้เทอก็จะบอกแต่ว่าผมก็คงคิดแบบ ผช คนอื่นๆที่อยากให้แฟนตัวเอง ผอม หุ่นดี เวลาเดินข้างๆกันจะได้ไม่อายคนอื่น ซึ่งผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมไม่เคยคิดอย่างนั้นอย่างผู้ชายคนอื่น แค่อยากให้เทอลด นน แล้วอาการปวด เจ็บ ชา สะโพก ขา ปลายเท้า เทอดีขึ้น ผมก็ดีใจแล้วถ้าเทอลด นน. แล้วมันดีขึ้นได้ จนเทอก็ไม่เชื่อผมสักครั้งยามที่ผมอธิบาย คิดแต่ว่าผมอยากให้เทอหุ่นดี แล้วผมเลยยกตัวอย่างแฟนเก่าผมที่ นน. ลดลง แล้วดีขึ้นมาอธิบายให้เทอฟัง ทีนี้กลายเป็นเรื่องเลย

ผมอยากจะขอคำปรึกษาหน่อยกับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าสิ่งที่ผมกับแฟนเก่าเรื่องที่มาช่วยเหลือยายผมหรือผมขี่รถไปรับส่งมันผิด หรือเราทั้ง 2 เห็นแก่ตัวกันหรืออย่างไร ทั้งๆที่ผมและแฟนเก่าต่างก็มีแฟนใหม่ด้วยกันทั้งคู่แล้ว
บางทีผมก็เซ็งนะ ว่าเพราะอะไร ทำไม เราไม่ได้ทำผิดนี่ บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้โกหก มีอะไรผมบอก อยากเช็คไลน์ โทสับผมยื่นให้เลย บางครั้งอย่างเมื่อคืน ผมรู้เลยว่า การที่ผมอยู่คนเดียว 2 ปี ช่วงที่มีปัญหากับแฟนเก่าหลัง 7 ปีที่คบกัน มันทำให้ผมรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวมันก็ดีนะ แต่ตอนนี้ผมคบแฟนใหม่ผมให้ใจอะไรเค้าได้ผมก็เต็มที่หมด ชีวิตผมไม่ได้ต้องการคนสวยๆที่จะคบหรือเดินเคียงข้าง แค่ต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ หรือไม่งั้นผมก็เคยแอบคิดเรื่องอยู่คนเดียว ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วก็คงบวชเข้าวัดศึกษาพระธรรมไปเลย (ซึ่งผมก็เคยบอกกับแฟนเก่าผมไปด้วยเหมือนกัน)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่