มารีวิวเบาๆ ตามสไตล์คนดูทั่วๆ ไปดูแล้วมาคุยนะคะ ไม่ใช่นักวิจารณ์นะ ^^'
หนังเสนอเรื่องราวของ "ฝุ่น" (อัษฎา พานิชกุล) กับ "ยุกต์" (ณัฐ ศักดาทร) คู่รักชาย-ชายที่คบหากันมาเป็นสิบปีก่อนจะแต่งงานกัน
ทั้งสองอยากมีลูกจึงได้รับเลี้ยงเด็กกำพร้า "บุตร" มาจากสถานรับเลี้ยงตั้งแต่เกิดได้ 3 เดือน
ทั้ง 3 คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (พูดยังกะถึงตอนท้ายเรื่องแล้ว ยังๆ) คือพ่อๆ ทั้งสองก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ ดช. บุตร
เลี้ยงดูอย่างดีจนบุตรโตขึ้นเข้าโรงเรียน และที่จุดนี้หละที่บุตรได้พบว่าการมีพ่อสองคนแต่ไม่มีแม่กลายเป็นเรื่องไม่ปกติ
ที่ถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน ในที่สุดบุตรก็มาบอกกับพ่อๆ ว่าอยากมี "แม่" บ้าง
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังมึนๆ การมาถึงของ "รัตติยา" (สินจัย เปล่งพานิช) จากสำนักคุ้มครองสิทธิเด็กก็ยิ่งทำให้
เรื่องดูยากที่จะจัดการมากขึ้นไปอีก พ่อๆ ทั้งสองต้องคิดหนักกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นและพวกเค้าก็ต้องตัดสินใจ
อย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อความสุขของบุตร โดยอาจจะต้องแลกกับความสุขของตัวเอง.
หนังไทยฟอร์มเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่
หนังเรื่องนี้ปล่อยภาพออกมาเป็นผู้ชายหน้าตาดี 2 คนลักษณะเป็นคู่รักกัน และเด็กชายเล็กๆ อีก 1 คน
หลายคนก็คงสงสัยและสับสนว่าหนังจะสื่อออกมาเป็นยังไง ภาพชายรักชายคือหนังเกย์หรือเปล่าและทำไมถึง
มีเด็กมาเกี่ยวข้อง เราเห็นภาพครั้งแรกยังคิดเลยค่ะว่าจะดีเหรอ!?
และตามที่ไปดูมาเมื่อรอบพรีเมียร์วันก่อน (ขอบคุณบัตรเข้าชมจากครอบครัวพี่อั๊ตนะคะ)
ก็ได้รับคำตอบให้ตัวเองละค่ะว่า Fathers เป็นหนังรัก..
แต่เป็นหนังรักที่พูดถึงความรักในครอบครัวที่ดูจากภายนอกเหมือนจะแปลกๆ (บางคนเรียกว่าไม่ปกติ)
ความรู้สึกของผู้ชาย 2 คนที่มีให้กันและความรักที่มีต่อลูกของพวกเค้าแม้ว่าจะไม่ได้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด
แต่ด้วยการเลี้ยงดูเอาใจใส่จากใจทำให้มีความผูกพันที่ลึกซึ้ง
เรื่องหลักที่เราว่าเราได้เห็นจากเรื่องนี้คือเป็นหนังที่ให้เราได้สัมผัสถึงความรักความอบอุ่นในครอบครัวว่า
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนหรือเป็นใคร ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มีการกำหนดจากเพศหรอก
ครอบครัวต้องฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกันและความรักนี่แหละที่จะนำทางไป (ได้อารมณ์เพลงเบาๆ)
Fathers ไม่ใช่หนังเกย์ที่เสนอฉากเรื่องความสัมพันธ์ชายรักชายอย่างโจ่งแจ้งตามที่คนดูอาจจะจินตนาการไว้
แต่สิ่งที่จะได้เห็นคือแล้วหลังจากที่รักกันแล้วแต่งงานกันแล้วชีวิตครอบครัวของพวกเค้ามีทั้งสุขเสียงหัวเราะครื้นเครงในบ้าน
และหยดน้ำตาเสียงสะอื้นยามทุกข์ และต้องฝ่าฟันอะไร ต้องช่วยกันแก้ปัญหายังไง (โอย อยากเล่า แต่อยากให้ไปดูเองมากกว่าค่ะ)
การดำเนินเรื่องของ Fathers เรียบง่ายและดูไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับหนังดราม่าเรื่องอื่นๆ ฉากไม่มาก นักแสดงมีไม่เยอะ
แต่ก็แสดงได้อารมณ์และถึงคาแรคเตอร์ทุกคนนะ แคสติ้งนักแสดงมาเข้ากับบทมากๆ อ่ะแม้แต่นักแสดงสมทบยังเป๊ะเลย
หนังให้ข้อคิดที่ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นมองดูเห็นสัมผัสได้ วางโครงเรื่องได้น่าสนใจและเดินเรื่องไปอย่างมีเหตุมีผล ดูจบรู้สึกอิ่มเอม
แต่บางคนอาจจะมองว่าหนังเดาง่ายไปหน่อยก็เป็นได้ค่ะ เราก็เดาได้ 555 แต่เราไม่ซีเรียสเท่าไหร่
ที่สำคัญคือเราชอบบท เราว่าเค้าเข้าใจหาประเด็นที่แปลกใหม่ดีอ่ะ บทดีมีชัยไปกว่าครึ่งละนะ หนังเสนอประเด็นให้เราติดตามไปด้วยว่า
พวกเค้าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนแต่ละคน ทั้งพ่อๆ ทั้งตัวบุตรเอง และสังคมรอบข้าง
ส่วนตัวเป็นคนเบื่อง่ายแต่ดูแล้วรู้สึกว่า Fathers เป็นหนังที่ไม่น่าเบื่อ (ไม่หลับหรอกค่ะอย่าห่วงเลย)
หลายฉากดูจะนิ่งๆ ไปซักหน่อยและบางฉากก็รู้สึกเหมือนไม่ต้องมีก็ได้ มีทำไมตัดออกก็ได้ มีเหมือนกันนะลองดูแล้ว
มาคุยกันนะว่าคุณว่าฉากไหนยาวไป เรียบไป มีๆ
บทสรุปตอนท้ายของหนังก็เด่นนะที่เป็นเสียงของคุณสินจัยมันลงตัวดีค่ะ ลืมเขียนไปเราชอบโทนสีของหนังเป็นพิเศษ
ชอบภาพสวยนุ่มนวลสบายตาดี และแอบชอบเป็นพิเศษก็วิวทิวทัศน์ของธรรมชาติในเมืองไทยทั้งภูเขา ทะเล มาเต็มๆ
การแสดงของนักแสดง (ขออนุญาตยกคุณสินจัยเอาไว้เพราะมือระดับต้นๆ อยู่แล้ว) เป็นหนังเรื่องแรกของนักแสดงหลัก
อย่างอั๊ต อัษฎาและณัฐ ศักดาทร ส่วนตัวให้สอบผ่านได้สบายๆ ไม่ขัดตา ทั้งคู่รักษาคาแรคเตอร์แสดงนิสัยที่แตกต่าง
กันออกมาให้เห็นตลอดเรื่อง ซีนอารมณ์ดราม่าทำได้โอเคเลยหละสามารถสื่อให้คนดูรู้สึกสะเทือนใจและ
เศร้าตามไปด้วยได้ หลายคนรอบข้างถึงกับมีน้ำตา ไม่มีก็ต้องมีอึ้งๆ บ้างหละ
ลองไปดูจะรู้ว่าคุณจะกลั้นน้ำตายากมากเมื่อถึงฉากสำคัญของเรื่อง
โดยเฉพาะจากการแสดงของอั๊ต อัษฎา เล่นดีมากกกกกก คือจะบอกว่าเล่นดีมากตลอดเรื่องเลยก็จะหาว่าอวยเว่อร์ 555
เอางี้ละกันสั้นๆ นะ ขอปรบมือให้เป็นพิเศษเลย (ไม่ใช่ว่ารักเค้าส่วนตัวแล้วลำเอียงนะ 555)
ณัฐ ดูรู้ว่าตั้งใจแสดงมาก สีหน้าแววตาอารมณ์มาเต็ม (แรงทุกอารมณ์ อิอิ) แต่ซีนที่เราชอบที่สุดของณัฐคือชอตที่ณัฐไป
โรงเรียนของบุตรในช่วงแรกๆ ของหนังที่เป็นการไปคนเดียว เรายังจำการแสดงซีนนั้นได้จนตอนนี้
ส่วนน้องฮิมที่แสดงเป็นบุตร ตรงนี้แปลกใจเหลือเกินค่ะที่ทีมงานช่างไปสรรหานักแสดงมาได้หน้าตาเหมือนกับ
เอาพ่อสองคนมารวมๆ กันแล้วออกมากลายเป็นเด็กชายตัวน้อยได้อย่างเหลือเชื่อ น้องน่ารักมากๆ
เชื่อว่าทุกคนต้องเอาใจช่วยบุตรและเหมือนได้เลี้ยงบุตรโตไปด้วยกันตลอดเรื่อง
จบแล้วววว ใครสนใจก็ไปดูกันค่ะไม่ผิดหวังหรอก มาลองดูมุมมองใหม่ๆ ของหนังชายรักชายดูบ้างก็น่าสนใจดีนะ
เข้าฉายแค่ไม่กี่โรงนะจากที่อ่านข่าวมาใน กทม มี 3 โรงคือเมเจอร์รัชโยธิน เอสพลานาดรัชดา และเซนจูรี่ปากซอยรางน้ำค่ะ
Edit *อัพเดทเพิ่มโรงฉาย #FathersTheMovie ตั้งแต่ 28 พค. จะฉาย 7 โรงใน กทม >
เอสพลานาดรัชดา
เอสพลานาด แคราย
เมเจอรฺ์รัชโยธิน
เมเจอร์รังสิต
เมเจอร์บางกะปิ
เมกาบางนา
เซนจูรี่ อนุสาวรีย์
Fathers | คู่รักชาย-ชายที่อยากมีลูก และ "บุตร" เด็กชายที่มีพ่อสองคน.. (ไม่สปอยล์)
หนังเสนอเรื่องราวของ "ฝุ่น" (อัษฎา พานิชกุล) กับ "ยุกต์" (ณัฐ ศักดาทร) คู่รักชาย-ชายที่คบหากันมาเป็นสิบปีก่อนจะแต่งงานกัน
ทั้งสองอยากมีลูกจึงได้รับเลี้ยงเด็กกำพร้า "บุตร" มาจากสถานรับเลี้ยงตั้งแต่เกิดได้ 3 เดือน
ทั้ง 3 คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (พูดยังกะถึงตอนท้ายเรื่องแล้ว ยังๆ) คือพ่อๆ ทั้งสองก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ ดช. บุตร
เลี้ยงดูอย่างดีจนบุตรโตขึ้นเข้าโรงเรียน และที่จุดนี้หละที่บุตรได้พบว่าการมีพ่อสองคนแต่ไม่มีแม่กลายเป็นเรื่องไม่ปกติ
ที่ถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน ในที่สุดบุตรก็มาบอกกับพ่อๆ ว่าอยากมี "แม่" บ้าง
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังมึนๆ การมาถึงของ "รัตติยา" (สินจัย เปล่งพานิช) จากสำนักคุ้มครองสิทธิเด็กก็ยิ่งทำให้
เรื่องดูยากที่จะจัดการมากขึ้นไปอีก พ่อๆ ทั้งสองต้องคิดหนักกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นและพวกเค้าก็ต้องตัดสินใจ
อย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อความสุขของบุตร โดยอาจจะต้องแลกกับความสุขของตัวเอง.
หนังไทยฟอร์มเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่
หนังเรื่องนี้ปล่อยภาพออกมาเป็นผู้ชายหน้าตาดี 2 คนลักษณะเป็นคู่รักกัน และเด็กชายเล็กๆ อีก 1 คน
หลายคนก็คงสงสัยและสับสนว่าหนังจะสื่อออกมาเป็นยังไง ภาพชายรักชายคือหนังเกย์หรือเปล่าและทำไมถึง
มีเด็กมาเกี่ยวข้อง เราเห็นภาพครั้งแรกยังคิดเลยค่ะว่าจะดีเหรอ!?
และตามที่ไปดูมาเมื่อรอบพรีเมียร์วันก่อน (ขอบคุณบัตรเข้าชมจากครอบครัวพี่อั๊ตนะคะ)
ก็ได้รับคำตอบให้ตัวเองละค่ะว่า Fathers เป็นหนังรัก..
แต่เป็นหนังรักที่พูดถึงความรักในครอบครัวที่ดูจากภายนอกเหมือนจะแปลกๆ (บางคนเรียกว่าไม่ปกติ)
ความรู้สึกของผู้ชาย 2 คนที่มีให้กันและความรักที่มีต่อลูกของพวกเค้าแม้ว่าจะไม่ได้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด
แต่ด้วยการเลี้ยงดูเอาใจใส่จากใจทำให้มีความผูกพันที่ลึกซึ้ง
เรื่องหลักที่เราว่าเราได้เห็นจากเรื่องนี้คือเป็นหนังที่ให้เราได้สัมผัสถึงความรักความอบอุ่นในครอบครัวว่า
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนหรือเป็นใคร ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มีการกำหนดจากเพศหรอก
ครอบครัวต้องฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกันและความรักนี่แหละที่จะนำทางไป (ได้อารมณ์เพลงเบาๆ)
Fathers ไม่ใช่หนังเกย์ที่เสนอฉากเรื่องความสัมพันธ์ชายรักชายอย่างโจ่งแจ้งตามที่คนดูอาจจะจินตนาการไว้
แต่สิ่งที่จะได้เห็นคือแล้วหลังจากที่รักกันแล้วแต่งงานกันแล้วชีวิตครอบครัวของพวกเค้ามีทั้งสุขเสียงหัวเราะครื้นเครงในบ้าน
และหยดน้ำตาเสียงสะอื้นยามทุกข์ และต้องฝ่าฟันอะไร ต้องช่วยกันแก้ปัญหายังไง (โอย อยากเล่า แต่อยากให้ไปดูเองมากกว่าค่ะ)
การดำเนินเรื่องของ Fathers เรียบง่ายและดูไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับหนังดราม่าเรื่องอื่นๆ ฉากไม่มาก นักแสดงมีไม่เยอะ
แต่ก็แสดงได้อารมณ์และถึงคาแรคเตอร์ทุกคนนะ แคสติ้งนักแสดงมาเข้ากับบทมากๆ อ่ะแม้แต่นักแสดงสมทบยังเป๊ะเลย
หนังให้ข้อคิดที่ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นมองดูเห็นสัมผัสได้ วางโครงเรื่องได้น่าสนใจและเดินเรื่องไปอย่างมีเหตุมีผล ดูจบรู้สึกอิ่มเอม
แต่บางคนอาจจะมองว่าหนังเดาง่ายไปหน่อยก็เป็นได้ค่ะ เราก็เดาได้ 555 แต่เราไม่ซีเรียสเท่าไหร่
ที่สำคัญคือเราชอบบท เราว่าเค้าเข้าใจหาประเด็นที่แปลกใหม่ดีอ่ะ บทดีมีชัยไปกว่าครึ่งละนะ หนังเสนอประเด็นให้เราติดตามไปด้วยว่า
พวกเค้าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนแต่ละคน ทั้งพ่อๆ ทั้งตัวบุตรเอง และสังคมรอบข้าง
ส่วนตัวเป็นคนเบื่อง่ายแต่ดูแล้วรู้สึกว่า Fathers เป็นหนังที่ไม่น่าเบื่อ (ไม่หลับหรอกค่ะอย่าห่วงเลย)
หลายฉากดูจะนิ่งๆ ไปซักหน่อยและบางฉากก็รู้สึกเหมือนไม่ต้องมีก็ได้ มีทำไมตัดออกก็ได้ มีเหมือนกันนะลองดูแล้ว
มาคุยกันนะว่าคุณว่าฉากไหนยาวไป เรียบไป มีๆ
บทสรุปตอนท้ายของหนังก็เด่นนะที่เป็นเสียงของคุณสินจัยมันลงตัวดีค่ะ ลืมเขียนไปเราชอบโทนสีของหนังเป็นพิเศษ
ชอบภาพสวยนุ่มนวลสบายตาดี และแอบชอบเป็นพิเศษก็วิวทิวทัศน์ของธรรมชาติในเมืองไทยทั้งภูเขา ทะเล มาเต็มๆ
การแสดงของนักแสดง (ขออนุญาตยกคุณสินจัยเอาไว้เพราะมือระดับต้นๆ อยู่แล้ว) เป็นหนังเรื่องแรกของนักแสดงหลัก
อย่างอั๊ต อัษฎาและณัฐ ศักดาทร ส่วนตัวให้สอบผ่านได้สบายๆ ไม่ขัดตา ทั้งคู่รักษาคาแรคเตอร์แสดงนิสัยที่แตกต่าง
กันออกมาให้เห็นตลอดเรื่อง ซีนอารมณ์ดราม่าทำได้โอเคเลยหละสามารถสื่อให้คนดูรู้สึกสะเทือนใจและ
เศร้าตามไปด้วยได้ หลายคนรอบข้างถึงกับมีน้ำตา ไม่มีก็ต้องมีอึ้งๆ บ้างหละ
ลองไปดูจะรู้ว่าคุณจะกลั้นน้ำตายากมากเมื่อถึงฉากสำคัญของเรื่อง
โดยเฉพาะจากการแสดงของอั๊ต อัษฎา เล่นดีมากกกกกก คือจะบอกว่าเล่นดีมากตลอดเรื่องเลยก็จะหาว่าอวยเว่อร์ 555
เอางี้ละกันสั้นๆ นะ ขอปรบมือให้เป็นพิเศษเลย (ไม่ใช่ว่ารักเค้าส่วนตัวแล้วลำเอียงนะ 555)
ณัฐ ดูรู้ว่าตั้งใจแสดงมาก สีหน้าแววตาอารมณ์มาเต็ม (แรงทุกอารมณ์ อิอิ) แต่ซีนที่เราชอบที่สุดของณัฐคือชอตที่ณัฐไป
โรงเรียนของบุตรในช่วงแรกๆ ของหนังที่เป็นการไปคนเดียว เรายังจำการแสดงซีนนั้นได้จนตอนนี้
ส่วนน้องฮิมที่แสดงเป็นบุตร ตรงนี้แปลกใจเหลือเกินค่ะที่ทีมงานช่างไปสรรหานักแสดงมาได้หน้าตาเหมือนกับ
เอาพ่อสองคนมารวมๆ กันแล้วออกมากลายเป็นเด็กชายตัวน้อยได้อย่างเหลือเชื่อ น้องน่ารักมากๆ
เชื่อว่าทุกคนต้องเอาใจช่วยบุตรและเหมือนได้เลี้ยงบุตรโตไปด้วยกันตลอดเรื่อง
จบแล้วววว ใครสนใจก็ไปดูกันค่ะไม่ผิดหวังหรอก มาลองดูมุมมองใหม่ๆ ของหนังชายรักชายดูบ้างก็น่าสนใจดีนะ
เข้าฉายแค่ไม่กี่โรงนะจากที่อ่านข่าวมาใน กทม มี 3 โรงคือเมเจอร์รัชโยธิน เอสพลานาดรัชดา และเซนจูรี่ปากซอยรางน้ำค่ะ
Edit *อัพเดทเพิ่มโรงฉาย #FathersTheMovie ตั้งแต่ 28 พค. จะฉาย 7 โรงใน กทม >
เอสพลานาดรัชดา
เอสพลานาด แคราย
เมเจอรฺ์รัชโยธิน
เมเจอร์รังสิต
เมเจอร์บางกะปิ
เมกาบางนา
เซนจูรี่ อนุสาวรีย์