ปกติผมเป็นคนไม่ชอบดูหนัง
จำได้ว่า หนังสามเรื่องสุดท้ายที่ผมดูในโรง คือ jurassic park, black hawk down และ มือปืน/โลก/พระ/จัน
นอกนั้นก็ดูผ่าน ๆ ในเน็ตบ้าง แต่ก็ไม่เคยดูจนจบเรื่องสักที ดูได้ห้านาทีบ้าง สิบนาทีบ้าง หรืออย่างมากสุดก็ครึ่งชั่วโมง
และเกือบร้อยทั้งร้อย หากตั้งใจจะดูหนังในเน็ต ผมก็จะดูแต่เรื่อง godfather ทั้งสามภาค
เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้มาก (เฉพาะสองภาคแรก ภาคสามไม่ชอบแต่ก็ต้องดู ได้เห็นวิถีมาเฟีย ธุรกิจ การเมือง)
วันนี้ ถือว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่ง คลิกเน็ตเล่น ๆ ก็ได้ดูหนังที่ผมว่าดีมาก
แรก ๆ ก็คิดดูไปงั้น แต่ดูไปดูมา ซัดซะจบไปสองเรื่อง
สองเรื่องที่ดูแล้วประทับใจมาก
เรื่องแรกที่ดู คือ war of the buttons
ยิ่งดูยิ่งคิด ทั้งนึกถึงวันเด็กที่เคยเป็นแบบในหนัง คิดถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลง คิดถึงวัฒนธรรมที่ปรับเปลี่ยน
อีกเรื่องที่ดู หนังญี่ปุ่น always : sunset on third street
ดูไปขำไป ซึ้งไป แล้วก็คิดถึงตัวเอง ที่วัยช่วงหนึ่งคิดอยากเป็นนักเขียน
แต่ก็เลิกคิด เพราะขี้เกียจ การเป็นนักเขียนต้องทำงานหนักมาก ไม่ใช่มีแค่พรสวรรค์หรือความสามารถเท่านั้น
หนังทั้งสองเรื่อง ทำให้ผมนึกถึงความอบอุ่น เป็นสุข ที่บ้านนี้เมืองนี้เคยมี
แต่ช่วงสิบปีมานี้ เหมือนอดีตก็เลือนหาย อนาคตก็มองไม่เห็น ปัจจุบันก็คลอนแคลน
เป็นความรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ครับ
ความรู้สึกขาดความมั่นคง ไม่ใช่ความรู้สึกมั่นคงของตัวเอง
แต่คือความรู้สึกมั่นคงของแผ่นดินถิ่นเกิด
หวังว่าอีกสามปีห้าปีคงดีขึ้น
แต่ดูจากสภาพการณ์ สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เหมือนจะลากยาวทุกข์เข็ญไปอีกนับสิบปีเป็นอย่างน้อย
ก็อยู่ได้ปกติสุขอยู่หรอกครับ ในชีวิตส่วนตัวนั้น ปกติสุข
war of the buttons ทำให้นึกถึงคนรุ่นต่อไป
always แม้จะประทับใจ แต่ก็รู้สึกห่อเหี่ยว เหมือนประเทศเราอยู่ในยุคของหนังจริง ๆ แต่ไม่มีทางที่จะพัฒนาได้อย่างเขา
เมื่อชีวิตปกติสุข แล้วรำพึงรำพันทำไม
ก็คงเพราะความหน้าตาดีนั่นแหละครับ ทำให้ต้องคิด ต้องรำพึงรำพัน กังวลในบางเรื่อง ห่วงใยอนาคตบ้านเมือง
จบล่ะครับ จบดื้อ ๆ
เพราะเมื่อยนิ้ว
เอามะพร้าวมาขายสวน
จำได้ว่า หนังสามเรื่องสุดท้ายที่ผมดูในโรง คือ jurassic park, black hawk down และ มือปืน/โลก/พระ/จัน
นอกนั้นก็ดูผ่าน ๆ ในเน็ตบ้าง แต่ก็ไม่เคยดูจนจบเรื่องสักที ดูได้ห้านาทีบ้าง สิบนาทีบ้าง หรืออย่างมากสุดก็ครึ่งชั่วโมง
และเกือบร้อยทั้งร้อย หากตั้งใจจะดูหนังในเน็ต ผมก็จะดูแต่เรื่อง godfather ทั้งสามภาค
เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้มาก (เฉพาะสองภาคแรก ภาคสามไม่ชอบแต่ก็ต้องดู ได้เห็นวิถีมาเฟีย ธุรกิจ การเมือง)
วันนี้ ถือว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่ง คลิกเน็ตเล่น ๆ ก็ได้ดูหนังที่ผมว่าดีมาก
แรก ๆ ก็คิดดูไปงั้น แต่ดูไปดูมา ซัดซะจบไปสองเรื่อง
สองเรื่องที่ดูแล้วประทับใจมาก
เรื่องแรกที่ดู คือ war of the buttons
ยิ่งดูยิ่งคิด ทั้งนึกถึงวันเด็กที่เคยเป็นแบบในหนัง คิดถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลง คิดถึงวัฒนธรรมที่ปรับเปลี่ยน
อีกเรื่องที่ดู หนังญี่ปุ่น always : sunset on third street
ดูไปขำไป ซึ้งไป แล้วก็คิดถึงตัวเอง ที่วัยช่วงหนึ่งคิดอยากเป็นนักเขียน
แต่ก็เลิกคิด เพราะขี้เกียจ การเป็นนักเขียนต้องทำงานหนักมาก ไม่ใช่มีแค่พรสวรรค์หรือความสามารถเท่านั้น
หนังทั้งสองเรื่อง ทำให้ผมนึกถึงความอบอุ่น เป็นสุข ที่บ้านนี้เมืองนี้เคยมี
แต่ช่วงสิบปีมานี้ เหมือนอดีตก็เลือนหาย อนาคตก็มองไม่เห็น ปัจจุบันก็คลอนแคลน
เป็นความรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ครับ
ความรู้สึกขาดความมั่นคง ไม่ใช่ความรู้สึกมั่นคงของตัวเอง
แต่คือความรู้สึกมั่นคงของแผ่นดินถิ่นเกิด
หวังว่าอีกสามปีห้าปีคงดีขึ้น
แต่ดูจากสภาพการณ์ สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เหมือนจะลากยาวทุกข์เข็ญไปอีกนับสิบปีเป็นอย่างน้อย
ก็อยู่ได้ปกติสุขอยู่หรอกครับ ในชีวิตส่วนตัวนั้น ปกติสุข
war of the buttons ทำให้นึกถึงคนรุ่นต่อไป
always แม้จะประทับใจ แต่ก็รู้สึกห่อเหี่ยว เหมือนประเทศเราอยู่ในยุคของหนังจริง ๆ แต่ไม่มีทางที่จะพัฒนาได้อย่างเขา
เมื่อชีวิตปกติสุข แล้วรำพึงรำพันทำไม
ก็คงเพราะความหน้าตาดีนั่นแหละครับ ทำให้ต้องคิด ต้องรำพึงรำพัน กังวลในบางเรื่อง ห่วงใยอนาคตบ้านเมือง
จบล่ะครับ จบดื้อ ๆ
เพราะเมื่อยนิ้ว