" ความเครียด " เป็นโรคติดต่อมั้ย ???

เราทำงานกับคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นโรคเครียด  สิ่งที่เราเห็นคือ เพื่อนที่เราทำงานด้วยใกล้ชิดที่สุดเครียด   ความสามารถในการทำงานของเค้าแย่ลง  แต่เค้าไม่รู้ตัว  

สิ่งที่เราเจอคือ เราหงุดหงิดกับการที่เค้าทำงานไม่เป็นระบบ  บางครั้งเค้าลนในการทำงาน  ก็จะไปรบกวนการทำงานของคนอื่นให้ยุ่งไปด้วย  ทำให้เพื่อนคนอื่นไม่มีสมาธิในการทำงานไปด้วย
บางครั้งไปลงรายละเอียดยิบย่อยในการทำงานเยอะเกิน  ทำให้งานยิ่งซับซ้อน
ยุ่งตลอดเวลา   ทั้งที่งานเดิมก็กดดันจากผู้รับบริการเรื่องรอนานอยู่แล้ว

เราอยู่ในสภาวะแบบนี้  หงุดหงิด ไม่เข้าใจการทำงานของเพื่อนคนนี้เป็นแบบนี้ทุกวัน  อีกทั้งหน่วยงานที่เราติดต่อประสานงานด้วย  หลายครั้งการประสานงานไม่ราบรื่นเลย  เราก็นอยด์  สุดท้ายเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคนที่โทรคุยด้วยเค้ารับประทานยาจิตเวชอยู่   อย่างน้อย 3 คนที่เรารู้ ซึ่งแต่ละคนกระจายอยู่คนละแผนกที่เราติดต่อประสานงานด้วย ทานยากลุ่มจิตเวช  เคยมีครั้งหนึ่งขาดยา มีอาการในที่ทำงาน

เรากลัวมากว่าเราจะเป็นแบบเค้า  เคยมีคนบอกว่าเราเป็นคนจัดการอารมณ์ได้ดี

ด้วยตวามกลัวก็จะพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากสภาวะเครียด ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย   พยายามใช้เวลาอยู่กับหลานๆ  ไปหาของอร่อยทาน    นอนเล่นอยู่กับบ้าน ขับรถเล่น  ไปเที่ยว   วันหยุดจะพยายามชาร์ทแบตไปเต็มที่  

แต่พอเรากลับมาทำงานที่เดิม เจอเพื่อนร่วมงานคนนี้ที่เราจะต้องทำงานคู่เค้า   เจอสิ่งแวดล้อมแบบเดิมๆ   เราก็กลับมาเครียดได้อีก

เรื่องเปลี่ยนงาน เคยคิดค่ะแต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำได้

ถ้าเพื่อนเป็นเราจะทำยังไงบ้างคะ  คิดมั้ยคะว่าโรคเครียดมันติดต่อกันได้

อยากรู้มั้ยคะ งานที่ไหนถึงเครียดแบบนี้       หลายท่านอาจไม่ทราบว่า คนทำงานที่นี่จะเป็นโรคเครียดกันเยอะ
มันคืองานในโรงพยาบาลค่ะ   โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์  หลายคนเครียดเพราะงานหนัก  ต้องทำงานนอกเวลาเวรบ่าย เวรดึก  
งานที่เกี่ยวกับชีวิตคน   งานที่ทำงานภายใต้ความคาดหวัง  ความกดดันการให้บริการที่รวดเร็ว   การที่ต้องอัพเดทความรู้วิชาการที่ไม่นิ่ง  และรายได้ที่ไม่ได้สูง

การเปรียบเทียบการให้บริการแต่ละที่  ทั้งที่ทรัพยากรเครื่องมือ เทคโนโลยี และฐานะการเงินของโรงพยาบาลเทียบกันไม่ได้   แต่ญาติเรียกร้อง /วีน   ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ทำงานอยู่งกๆๆ ไม่ได้หยุด    

ยิ่งสมัยนี้มีมนุษย์กล้องทำดียังไง ก็อาจจะมีผิดพลาดได้ซักวัน   วันนั้นล่ะที่พ่อแม่ญาติพี่น้องและตัวเราต้องอับอาย  ทั้งที่เราตั้งใจทำงาน ทำดีมาตลอด ผิดครั้งหนึ่งคือเสียอนาคต ( นึกถึงอดีต เราลูกชาวนา ชาวสวน   พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกลำบากส่งเสียจนเรียนจบ  เราตั้งใจเรียนตั้งแต่เด็ก  สอบได้อันดับต้นๆ   จบออกมามีงานการที่ดี   แต่มาทำงานเจอคนไข้ด่าทั้งๆที่เราพยายามทำงานงกๆๆๆ เราบริการด้วยท่าทางสำรวม   คนไข้ยืนเท้าสะเอวรอรับบริการ  และความภาคภูมิใจในตัวเองของเราค่อยๆ ลดลงทุกวัน  )

นี่ล่ะคะแพคเกจเสริม มันมาทั้งความเครียดและความท้อในวิชาชีพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่