สวัสดีครับ ตัว จขกท. ไม่ได้เป็นคนประสบเหตุการณ์นี้เอง แต่เป็นเพื่อนสนิท ผญ คนนึง ให้ชื่อว่า A กับเพื่อน ผช ของนางชื่อ B แล้วกันนะครับ และตัวร้ายของเรื่องนี้ก็คือ นาย M นามสมมติ อีกเช่นกัน ตัวผมเองฟังเรื่องราวที่เพื่อนเล่าแล้วทนไม่ไหว รู้สึกแค้นใจแทน จึงอยากแบ่งปันไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ
มาฟังมหากาพย์เรื่องของคนใกล้ตัวที่คิดไม่ซื่อ
"เคยได้ยินแต่เรื่องของคนอื่น ไม่คิดว่าจะโดนกับตัว"
ยาวหน่อยนะ แต่อยากให้อ่านกัน..... สำหรับคนที่ไม่เคยโดน อยากให้ระวังตัวไว้
เรื่องมันมีอยู่ว่าเรา หรือนางสาว A ตอนนี้ก็ 24-25 ปีแล้ว บ่นอยากจะไปเที่ยวอินโดให้นาย B ฟัง แล้วอยู่ๆ B กับ เพื่อนสมัยมัธยม ตัวย่อ M ก็มาชวน แต่ตอนนั้น เรายังไม่ทันได้เก็บเงินมีแค่ 2000 เลยปฏิเสธ เค้าคนนั้นก้เสนอให้ยืมค่าตั๋ว ที่เด็ดกว่านั้น ให้คืนตอนเรียนจบจ้า ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากไป ก็โอเคเซย์เยส
ก็ยอมรับนะสนิทกันกับเค้า เพราะเราคบด้วยใจ แต่ไม่รู้เค้าคิดว่าเค้าสนิทกับเราหรือป่าว? โอเค! พอคุยกันว่าจะไป ก็มาถึงเรื่องการจองตั๋ว เค้าออกตัวก่อนเลยนะว่ามีบัตรเครดิตเดี๋ยวเค้าจองตั๋วเอง ตั๋วที่ดูกัน มีบินจากไทย ไปบาหลี บาหลีไปสุราบายา จากสุราบายาไปย้อก จากย้อกไปจากาต้า และจากจากาต้ากลับไทย รวมราคาตอนนั้น 7000 บาท
โอเค คุยรายละเอียดกัน พอตกลงกันว่าจะจองตั๋วแล้วนะ B ก็โอนเงินไปให้เค้าก่อนส่วนแรก จำนวน 5000 บาท ซึ่งเป็นของ A 2000 และ B 3000 วันที่ 12 เม.ย. และในคืนนั้นเค้าบอกว่าจองตั๋วแล้วนะ ส่วนเงินที่เหลืออีก 4000 ของ B B จะโอนให้ทีหลังเมื่อเงินทีเอเข้า แต่ด้วยเดชะบุญ คุณพระ!!! เค้าก็เผยธาตุแท้ ในวันที่มีการจัดทริปและจองโรงแรม เมื่อ B ถามหาตั๋ว เค้าบอกว่า “ตั๋วยังไม่ออก จะออกสิ้นเดือนตอนจ่ายบัตรเครดิต” มันมีที่ไหนวะแบบนี้ คือถามหาหลักฐานการจอง เค้าก็บอกว่า ไม่มี แม้แต่อีเมลล์หรือข้อความจากสายการบินก็ไม่มีอะไรเป็นตัวยืนยันการจองเลย มันใช่ปะ? เราเริ่มรู้สึกแปลกว่าไม่ใช่แหละ แต่ด้วยความเกรงใจก็ยังไม่กล้าซักต่อ พอมาถึงตอนจองโรงแรมเค้าบอกลืมเอาบัตรเครดิตมา แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าเค้าจำได้ เค้าก็ทำการจอง จองแบบแอบๆ เราก็เข้าใจว่าเออไม่อยากให้เห็นรหัส แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าจองเสร็จแล้วโดยที่เราไม่เห็นอะไรสักนิดเดียวแม้แต่หน้ายืนยันการจอง ถึงตอนนี้เลยทำให้มันชัดเจนเข้าไปอีกว่า โดนแล้ว! วันนั้นเลยพอและแยกย้ายกัน
แต่มีเรื่องตลกก่อนจะกลับนิดนึง คือ เค้าบอกว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในวันนั้น 700 บาท แล้วเค้าถาม B ว่า ‘’จะให้เลยไหม’’B ตอบด้วยหน้าเหนื่อยๆว่า "ค่อยเอานะ" เราสบตากัน และคิดเหมือนกันว่า ตลกเน๊อะ! จะโกงอีก 700 หรอ
หลังจากนั้นเราก็หลังไมค์กันว่าเอาไงดี B ตัดสินใจพูดตรงๆกับเค้า เค้ายังคงยืนยันว่าตั๋วจะได้สิ้นเดือน ตอนนั้นเราก็ทำได้แค่รอว่า เค้าจะโกงจริงหรอ เมื่อสิ้นเดือนมาถึงเค้าเงียบไปเลย ไม่ทักไม่ทายคล้ายว่าตายไปแล้ว
พอวันที่ 6 พ.ค. เราก็ทักไปบอกว่า “M ตั๋วได้ยัง ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไปแล้วนะ โอนเงินคืนให้ด้วยนะ” เค้าตอบตกลงและขอเลขบัญชีไป แต่ไม่โอนนะ แล้วขอผลัดเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลที่เอือมระอา แล้วเหตุผลสุดท้ายคือ เนื่องด้วยเค้าจะขอสัมภาษณ์เรากับ B เพื่อไปเขียนบทความซึ่งเป็นงานของเค้าในวันที่ 17 พ.ค.และจะนำเงินมาให้ในวันนั้น ซึ่งเรารู้นะว่ามันเป็นข้ออ้างที่จะทำให้เค้าผลัดเราไปได้อีกหนึ่งวัน พอวันที่ 17 พ.ค. เราก็ไป เค้านัด 5 โมงเย็น กว่าจะเสด็จมาถึงก็ประมาณ 2ทุ่ม พอมาถึง คำพูดที่น่าตกใจคือ
“วันนี้กุไม่มีเงินจะคืนนะ กุให้พี่ยืมเงินไป 7000 แล้วพี่ยังไม่คืน” และขอว่า จะคืนก่อน 2000 ในวันที่ 19 พ.ค. เพราะวันนั้นเค้าอ้างว่าจะได้เงินจากค่าสอนพิเศษ 2500 บาท แต่สุดท้าย B นั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาไงดี จะเชื่อเค้าได้อีกหรอและสุดท้ายด้วยอะไรหลายอย่างทำให้ B ตัดสินใจว่า ต้องมีอะไรมาค้ำประกัน สุดท้ายวันนั้นเอามือถือ ASUS มาเป็นสิ่งค้ำประกัน เพื่อให้เค้าเอาเงิน 2000 มาแลก ยอมรับนะว่าโหดมากที่เอามือถือมาค้ำประกัน ตอนนั้นคือเราเห็น B มือสั่นๆตาแดงๆ แล้ว B ก็พูดว่า ไม่คิดว่าจะต้องทำแบบนี้กับเพื่อน รู้สึกเสียใจนะ แล้วก็รู้สึกสงสารเค้าคนนั้น เพราะคำว่าเพื่อนคำนี้แหละคำเดียว B ถามเราว่าจะเอายังไง เราเลยบอกว่าเอามือถือไว้ โอเค ตัดสินใจด้วยเหตุผลไม่เอาคำว่าเพื่อนมาเกี่ยว ก็ทำให้วันนั้นเรากับ B เอามือถือมาในที่สุด ลังเลอยู่นานเหมือนกัน
แต่มาถึงวันนี้รู้สึกโชคดีมากที่ตัดสินใจอย่างนั้น เพราะก็อีกเช่นเคยเงินที่ตกลงว่าจะโอนก็ไม่โอนมา สำหรับมือถือยังไม่ได้เอาไปขาย แต่ไปถามราคามาขายได้ ประมาณ 1000 บาท
ก็ประมาณนี้แหละ มหากาพย์นาธาน คือเรื่องทั้งหมดมันจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าเค้าพูดความจริงตั้งแต่แรก แต่เค้าโกหกทุกอย่างจนวินาทีสุดท้าย ทั้งหมดจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ต้นๆเรื่องที่เราให้โอกาสเพราะคำว่าเพื่อนที่เรามีให้เค้ามันเป็นภัยร้ายต่อเรา
สุดท้ายเรื่องนี้ เรื่องการผลัดคืนเงิน โกหกไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สิ่งที่เสียใจที่สุด แต่สิ่งที่เสียใจที่สุดและทำให้รู้สึกว่าคบไม่ได้คือ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น การวางแผนทริปต่างๆ คือสิ่งที่ set ขึ้นมาเพื่อที่หวังจะหลอกเงินสูงสุดได้ถึง 3 หมื่น ถ้าไม่จับพิรุธได้เสียก่อน
"ทริปอินโดที่พูดกันมันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก" นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
จะจบแล้วขอชมเค้าหน่อย เค้าสุดยอดมากนะ หาข้อมูลตั๋ว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จัดโปรแกรม จัดโน้นนี่ ดูเหมือนเค้าอยากไปมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงการแสดง
สรุปคือ เงินที่เค้าหลอกไปได้ 5000 บาท แต่เราได้มือถือมาตีค่าเป็นเงิน ประมาณ 1000 บาท
ระวังตัวนะ คนแบบนี้ คือเราเป็นกลุ่มเพื่อนสุดท้ายของเค้าแล้วมั้ง เพราะเพื่อนเก่าห้อง 5 ก็เลิกคบไปนานแล้ว
...ไม่น่าทำกันได้ ใจที่เคยให้ไป มันหมดไปแล้ว
ที่สำคัญคือเพื่อนคนนี้หลอกมาหลายคนแล้ว ใช้มุกเดิมๆ และมันยังทำตัวเหมือนรวยนะ แบบใช้ของเหมือนแบรนเนม เวลานัด นางก้จะรอที่สตาร์บัคอะไรงี้อีกด้วย อยากจะแชร์เอาไว้เป็นบทเรียนครับผม
ขอบคุณครับ
สุดช้ำ! เพื่อนรัก ม.ปลาย หลอกจัดทริปไปนอก บอกออกตังค์ให้ก่อน มัดจำ 5 พัน ดับฝันเชิดเงินหนี
มาฟังมหากาพย์เรื่องของคนใกล้ตัวที่คิดไม่ซื่อ
"เคยได้ยินแต่เรื่องของคนอื่น ไม่คิดว่าจะโดนกับตัว"
ยาวหน่อยนะ แต่อยากให้อ่านกัน..... สำหรับคนที่ไม่เคยโดน อยากให้ระวังตัวไว้
เรื่องมันมีอยู่ว่าเรา หรือนางสาว A ตอนนี้ก็ 24-25 ปีแล้ว บ่นอยากจะไปเที่ยวอินโดให้นาย B ฟัง แล้วอยู่ๆ B กับ เพื่อนสมัยมัธยม ตัวย่อ M ก็มาชวน แต่ตอนนั้น เรายังไม่ทันได้เก็บเงินมีแค่ 2000 เลยปฏิเสธ เค้าคนนั้นก้เสนอให้ยืมค่าตั๋ว ที่เด็ดกว่านั้น ให้คืนตอนเรียนจบจ้า ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากไป ก็โอเคเซย์เยส
ก็ยอมรับนะสนิทกันกับเค้า เพราะเราคบด้วยใจ แต่ไม่รู้เค้าคิดว่าเค้าสนิทกับเราหรือป่าว? โอเค! พอคุยกันว่าจะไป ก็มาถึงเรื่องการจองตั๋ว เค้าออกตัวก่อนเลยนะว่ามีบัตรเครดิตเดี๋ยวเค้าจองตั๋วเอง ตั๋วที่ดูกัน มีบินจากไทย ไปบาหลี บาหลีไปสุราบายา จากสุราบายาไปย้อก จากย้อกไปจากาต้า และจากจากาต้ากลับไทย รวมราคาตอนนั้น 7000 บาท
โอเค คุยรายละเอียดกัน พอตกลงกันว่าจะจองตั๋วแล้วนะ B ก็โอนเงินไปให้เค้าก่อนส่วนแรก จำนวน 5000 บาท ซึ่งเป็นของ A 2000 และ B 3000 วันที่ 12 เม.ย. และในคืนนั้นเค้าบอกว่าจองตั๋วแล้วนะ ส่วนเงินที่เหลืออีก 4000 ของ B B จะโอนให้ทีหลังเมื่อเงินทีเอเข้า แต่ด้วยเดชะบุญ คุณพระ!!! เค้าก็เผยธาตุแท้ ในวันที่มีการจัดทริปและจองโรงแรม เมื่อ B ถามหาตั๋ว เค้าบอกว่า “ตั๋วยังไม่ออก จะออกสิ้นเดือนตอนจ่ายบัตรเครดิต” มันมีที่ไหนวะแบบนี้ คือถามหาหลักฐานการจอง เค้าก็บอกว่า ไม่มี แม้แต่อีเมลล์หรือข้อความจากสายการบินก็ไม่มีอะไรเป็นตัวยืนยันการจองเลย มันใช่ปะ? เราเริ่มรู้สึกแปลกว่าไม่ใช่แหละ แต่ด้วยความเกรงใจก็ยังไม่กล้าซักต่อ พอมาถึงตอนจองโรงแรมเค้าบอกลืมเอาบัตรเครดิตมา แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าเค้าจำได้ เค้าก็ทำการจอง จองแบบแอบๆ เราก็เข้าใจว่าเออไม่อยากให้เห็นรหัส แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าจองเสร็จแล้วโดยที่เราไม่เห็นอะไรสักนิดเดียวแม้แต่หน้ายืนยันการจอง ถึงตอนนี้เลยทำให้มันชัดเจนเข้าไปอีกว่า โดนแล้ว! วันนั้นเลยพอและแยกย้ายกัน
แต่มีเรื่องตลกก่อนจะกลับนิดนึง คือ เค้าบอกว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในวันนั้น 700 บาท แล้วเค้าถาม B ว่า ‘’จะให้เลยไหม’’B ตอบด้วยหน้าเหนื่อยๆว่า "ค่อยเอานะ" เราสบตากัน และคิดเหมือนกันว่า ตลกเน๊อะ! จะโกงอีก 700 หรอ
หลังจากนั้นเราก็หลังไมค์กันว่าเอาไงดี B ตัดสินใจพูดตรงๆกับเค้า เค้ายังคงยืนยันว่าตั๋วจะได้สิ้นเดือน ตอนนั้นเราก็ทำได้แค่รอว่า เค้าจะโกงจริงหรอ เมื่อสิ้นเดือนมาถึงเค้าเงียบไปเลย ไม่ทักไม่ทายคล้ายว่าตายไปแล้ว
พอวันที่ 6 พ.ค. เราก็ทักไปบอกว่า “M ตั๋วได้ยัง ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไปแล้วนะ โอนเงินคืนให้ด้วยนะ” เค้าตอบตกลงและขอเลขบัญชีไป แต่ไม่โอนนะ แล้วขอผลัดเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลที่เอือมระอา แล้วเหตุผลสุดท้ายคือ เนื่องด้วยเค้าจะขอสัมภาษณ์เรากับ B เพื่อไปเขียนบทความซึ่งเป็นงานของเค้าในวันที่ 17 พ.ค.และจะนำเงินมาให้ในวันนั้น ซึ่งเรารู้นะว่ามันเป็นข้ออ้างที่จะทำให้เค้าผลัดเราไปได้อีกหนึ่งวัน พอวันที่ 17 พ.ค. เราก็ไป เค้านัด 5 โมงเย็น กว่าจะเสด็จมาถึงก็ประมาณ 2ทุ่ม พอมาถึง คำพูดที่น่าตกใจคือ “วันนี้กุไม่มีเงินจะคืนนะ กุให้พี่ยืมเงินไป 7000 แล้วพี่ยังไม่คืน” และขอว่า จะคืนก่อน 2000 ในวันที่ 19 พ.ค. เพราะวันนั้นเค้าอ้างว่าจะได้เงินจากค่าสอนพิเศษ 2500 บาท แต่สุดท้าย B นั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาไงดี จะเชื่อเค้าได้อีกหรอและสุดท้ายด้วยอะไรหลายอย่างทำให้ B ตัดสินใจว่า ต้องมีอะไรมาค้ำประกัน สุดท้ายวันนั้นเอามือถือ ASUS มาเป็นสิ่งค้ำประกัน เพื่อให้เค้าเอาเงิน 2000 มาแลก ยอมรับนะว่าโหดมากที่เอามือถือมาค้ำประกัน ตอนนั้นคือเราเห็น B มือสั่นๆตาแดงๆ แล้ว B ก็พูดว่า ไม่คิดว่าจะต้องทำแบบนี้กับเพื่อน รู้สึกเสียใจนะ แล้วก็รู้สึกสงสารเค้าคนนั้น เพราะคำว่าเพื่อนคำนี้แหละคำเดียว B ถามเราว่าจะเอายังไง เราเลยบอกว่าเอามือถือไว้ โอเค ตัดสินใจด้วยเหตุผลไม่เอาคำว่าเพื่อนมาเกี่ยว ก็ทำให้วันนั้นเรากับ B เอามือถือมาในที่สุด ลังเลอยู่นานเหมือนกัน
แต่มาถึงวันนี้รู้สึกโชคดีมากที่ตัดสินใจอย่างนั้น เพราะก็อีกเช่นเคยเงินที่ตกลงว่าจะโอนก็ไม่โอนมา สำหรับมือถือยังไม่ได้เอาไปขาย แต่ไปถามราคามาขายได้ ประมาณ 1000 บาท
ก็ประมาณนี้แหละ มหากาพย์นาธาน คือเรื่องทั้งหมดมันจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าเค้าพูดความจริงตั้งแต่แรก แต่เค้าโกหกทุกอย่างจนวินาทีสุดท้าย ทั้งหมดจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ต้นๆเรื่องที่เราให้โอกาสเพราะคำว่าเพื่อนที่เรามีให้เค้ามันเป็นภัยร้ายต่อเรา
สุดท้ายเรื่องนี้ เรื่องการผลัดคืนเงิน โกหกไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สิ่งที่เสียใจที่สุด แต่สิ่งที่เสียใจที่สุดและทำให้รู้สึกว่าคบไม่ได้คือ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น การวางแผนทริปต่างๆ คือสิ่งที่ set ขึ้นมาเพื่อที่หวังจะหลอกเงินสูงสุดได้ถึง 3 หมื่น ถ้าไม่จับพิรุธได้เสียก่อน "ทริปอินโดที่พูดกันมันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก" นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
จะจบแล้วขอชมเค้าหน่อย เค้าสุดยอดมากนะ หาข้อมูลตั๋ว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จัดโปรแกรม จัดโน้นนี่ ดูเหมือนเค้าอยากไปมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงการแสดง
สรุปคือ เงินที่เค้าหลอกไปได้ 5000 บาท แต่เราได้มือถือมาตีค่าเป็นเงิน ประมาณ 1000 บาท
ระวังตัวนะ คนแบบนี้ คือเราเป็นกลุ่มเพื่อนสุดท้ายของเค้าแล้วมั้ง เพราะเพื่อนเก่าห้อง 5 ก็เลิกคบไปนานแล้ว
...ไม่น่าทำกันได้ ใจที่เคยให้ไป มันหมดไปแล้ว
ที่สำคัญคือเพื่อนคนนี้หลอกมาหลายคนแล้ว ใช้มุกเดิมๆ และมันยังทำตัวเหมือนรวยนะ แบบใช้ของเหมือนแบรนเนม เวลานัด นางก้จะรอที่สตาร์บัคอะไรงี้อีกด้วย อยากจะแชร์เอาไว้เป็นบทเรียนครับผม
ขอบคุณครับ