ตอนที่ 33 ทวงคืน
วันต่อมาทุกคนในบ้านก็ได้รับรู้ว่าบุตรสาวคนเล็กจับไข้ล้มหมอนนอนเสื่อไปเรียนไม่ไหว เทียมภพรู้อยู่แล้วว่าน้องต้องป่วยแน่เพราะมีอาการตัวรุมๆตั้งแต่เมื่อคืน ใบหน้าไร้เลือดฝาดซีดเซียวกับแววตาจืดชืดแสดงอาการป่วย ‘ธรรมดา’ ไม่ได้บ่งบอกถึงความเสียใจจากเรื่องอื่นใดจนเทียมภพที่มองว่าน้องสาวคนเล็กบอบบางเป็นแม่ถนิมสร้อยมาตลอดชีวิตยังทึ่ง แทนดาวเป็นคนอ่อนโยนก็จริง...แต่ไม่ใช่อ่อนแอ
“ปวดหัวจังเลยค่ะ มีแอสไพรินไหมคะ?” หญิงสาวร้องขอยาจากพี่ชายที่เข้ามาดูอาการในตอนเช้าตรู่
“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนสิคะ...แล้วค่อยกินยา เดี๋ยวสายๆคุณแม่จะพาไปหาหมอ วันนี้พี่ติดงานสำคัญมากๆต้องไปพบรัฐมนตรีพาณิชย์ก็เลยอยู่ดูแลหนูไม่ได้ แต่ถ้าเสร็จธุระเร็วพี่จะรีบกลับมานะ” เทียมภพลูบศีรษะร้อนรุมของน้องสาวแล้วค่อยๆประคองตัวลุกขึ้นช้าๆ
“ไม่ต้องห่วงน้องพลูหรอกค่ะ โอย...ต้องโทรไปขอเลื่อนพรีเซ้นต์โปรเจคกับอาจารย์อีก”
“ไม่ต้องห่วงนะ...พี่โทรไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวท่านคงไปบอกอาจารย์ประจำวิชาเองแหละ หนูกินข้าวก่อนเถอะ” เทียมภพตักข้าวต้มหมูป้อนคนตัวเล็กทีละคำจนหมดตามด้วยนมอุ่น ถ้าลองว่ากินข้าวกินปลาได้ มากแบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง
“เป็นไงมั่งน้องพลู? ป้าทิพย์บอกว่าเราไม่สบายพี่เลยขึ้นมาดู” ปลายเดือนเดินยิ้มหวานเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกด้านพลางยกมือแตะหน้าผาก
”อีกสักเดี๋ยวแม่จะพาไปหาหมอ อ้อ...วันนี้พี่ไม่เข้าออฟฟิศนะ ไปพบรัฐมนตรีแล้วจะรีบกลับบ้านมาดูน้องพลู” เทียมภพบอกน้องสาวคนรองแล้วเตรียมจะลุกออกไป
“เอ่อ...ผึ้งก็มีเรื่องจะบอกพี่หมากเหมือนกัน คือบ่ายนี้ที่ว่าจะไปเจรจากับเวนเดอร์ไต้หวัน ผึ้งไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ พอดีมีนัดอัดรายการเลดี้ โซไซตี้ พี่หมากต้องไปเองแล้วล่ะ”
“อ้อเหรอ...ไม่เป็นไร พี่ไปเองก็ได้ น้องพลูไปหาหมอกับคุณแม่แล้วก็นอนพักผ่อนนะคะ พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด” เทียมภพก้มลงจูบหน้าผากน้องสาวคนเล็กแล้วเดินออกไป พอคล้อยหลังพี่ชาย ปลายเดือนก็มองน้องสาวที่นอนแบบอยู่บนเตียงด้วยสายตาถากถางที่สุด
“ซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าเลยนะจ๊ะ แค่ข่าวกรอบเล็กๆนี่มันสะเทือนซางขนาดนี้เลยเหรอ?”
“พลูไม่ได้ป่วยเพราะเรื่องนั้น แต่เป็นเพราะพักผ่อนน้อยต่างหากล่ะ” แทนดาวสลัดผ้าห่มเตรียมลุกไปเลี่ยนเสื้อผ้า
“เหรอ...พี่ก็นึกว่าน้องสาวสุดที่รักช้ำในเพราะเห็นคู่หมั้นไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงอื่นซะอีก บอกแล้วไงล่ะ...พี่ชลเขาไม่คิดอะไรกับเธอจริงจังหรอก”
“ก็ปล่อยเขาสิคะ พลูกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว คราวนี้...พี่ผึ้งเหยียบคันเร่งเดินหน้าได้เต็มที่เลยค่ะ...ไม่ต้องห่วงพลูหรอก”
“หมายความว่า....” คำตอบของน้องสาวทำให้ปลายเดือนตาลุกวาวอย่างยินดี ความสุขและความหวังเริ่มก่อประกายแรงกล้ามาขึ้นเมื่อรู้ว่าศัตรูหัวใจหายไปทีละคนสองคน
“ดีแล้วล่ะจ้ะ...ที่ตัดสินใจแบบนี้ ดีใจจริงๆที่น้องสาวแสนสวยของพี่เลิกโง่เสียที เอาล่ะ...วันนี้พี่หมากก็ไม่ได้กลับบ้านเร็วอย่างที่ตั้งใจแล้ว งั้นพี่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ” แทนดาวไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูดนักแต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ
“ไปค่ะ...น้องพลู เดี๋ยวพี่หมออชิรอนาน” มารดาเดินเข้ามาตามหลังจากปลายเดือนออกไปไม่นานทำให้คนที่กำลังนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจกแอบสงสัยตะหงิดๆ
“โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านก็มีนี่คะ ทำไมต้องไปไกลถึงโน่นด้วย?”
“ก็สีผึ้งโทรไปบอกพี่หมอว่าเราไม่สบายแล้วเลยนัดหมายให้เสร็จสรรพ หนูเสร็จแล้วใช่ไหมคะ? ไปกันดีกว่า นัดคุณหมอไว้สิบโมง” แทนดาวถอนใจหนักพลางนึกค่อนขอดพี่สาวอยู่ในใจ
“พี่ผึ้งนี่เอาจะยังไงนะ? อุตส่าห์ถอยห่างออกมาแล้วยังจะวกมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องเราอีก”
ชลธีนั่งไม่ติดที่พอรู้ข่าวว่าแทนดาวไม่สบายนอนซมอยู่บ้านก็รีบกุลีกุจอทำงานของวันนี้ให้เสร็จแล้วรีบไปที่บ้านทวีกิจไพศาลในตอนเย็น พอเทียบรถจอดเรียบร้อยก็เป็นต้องหัวเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นรถยนต์ของอชิตะจอดอยู่ก่อนแล้ว แต่พอเข้าไปข้างในตามคำเชิญของคุณดวงทิพย์ก็ไม่พบแขก ‘พิเศษ’ นั่งอยู่ในห้องรับรองแต่อย่างใด
“หมออชิมาได้สักพักใหญ่แล้วค่ะ คุณชลรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ ป้าไปจัดการเรื่องข้าวปลาให้น้องพลูสักเดี๋ยว” ชลธีอยากถามเหลือเกินว่า แล้วคุณหมอไปอยู่เสียที่ไหนแต่ก็เก็บปากเก็บคำสนิทแล้วนั่งรออย่างสงบเสงี่ยม ไม่รู้ว่าคนป่วยกำลังนอนหลับอยู่หรือตื่น แล้วถ้ารู้ว่าเขามาเยี่ยม...จะยอมลงมาให้เห็นหน้าไหม
ในขณะที่คนรอข้างล่างคิดเรื่อยเปื่อยไปต่างๆนานา คนข้างบนก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจ มือขาวสะอาดของนายแพทย์อชิตะ รัษฎากร แตะเครื่องตรวจฟังบนตัวของคนป่วยจากนั้นก็หยิบปรอทวัดไข้มาดูแล้วอ่านค่าอุณหภูมิที่วัดได้ให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนฟัง
“ไข้ลดแล้ว แสดงว่าวันนี้เป็นเด็กดี กินยากับพักผ่อนตามตามที่หมอสั่ง”
“ไม่ต้องฉีดยาใช่ไหมคะ?” แทนดาวยิ้มแหยๆ ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายแพทย์อย่างเคร่งครัดเพราะถูกขู่เอาไว้ว่าถ้าตอนเย็นมาตรวจแล้วไข้ไม่ลดลงจะถูกฉีดยาแน่ๆ
“วันนี้ยัง แต่ถ้าพรุ่งนี้ไข้กลับมาอีก...ก็ไม่แน่” คุณหมอยังไม่วายแกล้งขู่ให้คนไข้กลัว
“พรุ่งนี้หายแน่ๆค่ะ...รับรอง”
“ยังหรอก...ตัวยังรุมๆอยู่เลย” สิ้นคำว่าตัวรุมๆ มือขาวสะอาดก็เอื้อมมาอังหน้าผากเกลี้ยงเกลา มืออุ่นไล่ลงมาแตะเบาๆที่ข้างแก้ม แทนดาวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
“ขอบคุณพี่อชิที่เป็นห่วงนะคะ”
“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ…ก็น้องพลูเป็นน้องสาวพี่นี่นา”
“พี่อชิคิดแบบนี้จริงๆเหรอคะ?” คำบอกเล่าก่อให้เกิดประกายฉงนเล็กน้อยในดวงตาคู่สวย เท่าที่รู้คืออชิตะคิดกับตนในเชิงชู้สาว แต่ด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบปิดกั้นเรื่องรักวัยรุ่นหนุ่มสาวเลยไม่กล้าถามออกไปตรงๆ
“คิดแบบนี้...มาได้สักพัก” ชายหนุ่มถอดแว่นตามาถือไว้แล้วทำท่าคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกลับมามองคนไข้ที่นอนตาแป๋วอยู่บนเตียง
“ตอนแรกพี่เคยนึกเสียดายว่าทำไมถึงเจอน้องพลูช้านัก...ช้ากว่า...เขา” สรรพนามบุรุษที่สามที่ถูกเอ่ยถึงนี้เดาไม่ยากว่ากำลังพูดถึงใคร
“ครั้งหนึ่ง...พี่เคยชี้หน้าว่า ‘เขา’ เป็นคนเห็นแก่ตัวที่มัดมือชกผู้หญิงคนหนึ่งให้มาเป็นของตัวเอง ก็เลยอยากจะช่วยให้น้องพลูหลุดจากข้อผูกมัดนั่น แต่...ท้ายสุดมันกลับมาพันตัวพี่เอง น้องพลูครับ...” อชิตะวางแว่นลงบนดั้งจมูกอย่างเดิมแล้วจับมือนุ่มนิ่มมาพิจารณา แววตาของเขาละม้ายคล้ายพี่ชายมองน้องน้อยมากกว่าเป็นอย่างอื่นก็เลยไม่ปัดป้อง
“พี่...ชอบ...น้องพลูตั้งแต่วันที่เจอกันในงานเลี้ยงเซ็นสัญญา บังเอิญมากที่วันนั้นก็อยู่ในเหตุการณ์ ‘ประกาศหมั้น’ พี่บอกกับตัวเองว่าต้องช่วยและ...เปลี่ยนใจของน้องพลูให้ได้ พี่พยายามทำให้น้องพลูค่อยๆซึมซับทีละนิดว่านอกจาก ‘เขา’ ก็ยังมีพี่ที่ปรารถนาและต้องการได้ใจของน้องพลูมา”
“ทั้งๆที่พี่อชิก็รู้ว่ามัน...ยาก” แทนดาวพูดพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า คำว่า ‘ยาก’ ของหล่อนหมายถึงเขาจะต้อง
เผชิญด่านหินอย่างพี่ชาย ไหนจะอุปสรรคขี้ปากคนที่คอยจะนินทาว่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ อีกทั้งหน้าที่การงานที่มี
คำว่านายแพทย์นำหน้าไม่ควรจะแปดเปื้อนด้วยเรื่องทำนองนี้
“มันยาก...พี่ถึงต้องรอบคอบ ต้องระวังทั้งคำพูด กิริยา การวางตัว ที่สำคัญ...ทำยังไงให้น้องพลูไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกชักให้ ‘เปลี่ยนใจ’ แต่พี่ประมาทน้องพลูเกินไป อย่าด่าพี่เลยนะ...ขอสารภาพว่าตอนแรกพี่คิดว่าน้องพลูน่ะ...อ่อน...ทั้งความคิดและการมองโลก”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”
“ตอนนี้ก็รู้ว่าน้องพลูไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างที่คิดน่ะสิ จะบอกให้ว่า...พี่ตัดสินใจจะสารภาพความในใจกับน้องพลูตอนไประยองคราวนั้น ใช่...พี่ตั้งใจไปที่นั่น ต้องการทำให้ ‘เขา’ เห็น” อชิตะย้ำถ้อยคำชัดเจนเป็นการตอบข้อแคลงใจในดวงตาใสแจ๋วที่มองมาแทบไม่กระพริบ
“มันเหมือนเป็นธรรมชาตินะ...ที่ผู้ชายสองคนห้ำหั่นกันเพื่อข่มคู่แข่งว่าตัวเองเหนือกว่าอีกคน พี่อยากให้เขาเห็นว่า พี่เหนือกว่าที่สามารถบอกรัก....ผู้หญิงที่เขารัก...ในถิ่นของเขาเอง แต่ก็ตัดสินใจกลับเพราะบังเอิญไปรู้ว่าเขาก็มีแผนอื่นเหมือนกัน”
“มิน่าล่ะ...พี่อชิรีบกลับไปก่อน ที่ว่าจะรีบกลับไปเข้าเวรก็ไม่จริงนะสิ” อชิตะหยุดมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาแล้วยิ้มคล้ายจะหยันตัวเองขณะย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น
“พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้นบ้าง พี่ก็กลับมาทบทวนสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอีกครั้งแล้วก็รู้ว่า พี่ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจน้องพลูได้หรอก น้องพลูยอมให้เขาสวมแหวน...มันก็ชัดเจนแล้วว่ารู้สึกกับเขายังไง ไอ้เรื่องที่ว่าโดนผูกมัดหรือตกกระไดพลอยโจนนั่นเล็กขี้ปะติ๋วไปเลย” ชายหนุ่มถอนใจยาวก่อนจะพูดต่อ
“น้องพลูไม่ได้อ่อนแอจนใครจะสามารถจูงไปง่ายๆ ความมั่นคงหนักแน่นในจิตใจเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า พี่จะไม่มีวัน ‘ได้ใจ’ น้องพลูมา”
“น้องพลูขอบคุณที่พี่อชิรู้สึกดีๆด้วย แต่ไม่สามารถคิดกับพี่เป็นอย่างอื่นได้เลยจริงๆ...ขอโทษค่ะ” แทนดาวมองหน้าคนข้างๆอย่างรู้สึกผิดที่ไม่อาจตอบแทนความรัก ด้วยการ ‘รัก’ ตอบ
“พี่ต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษน้องพลู ที่บางครั้งก็อาจจะทำอะไรให้ยุ่งยากใจ แต่ต่อไปนี้สบายใจเถอะนะ ว่าแต่...พี่ขออะไรอย่างนึงได้ไหม?” ใบหน้าใจดีระบายยิ้มออกมาแล้วละมือข้างหนึ่งไปลูบผมสวยที่เคยได้แต่มองและสัมผัสด้วยสายตา
“อะไรคะ?”
“ขอเป็นพี่ชายของน้องพลูอีกคนได้ไหมครับ?” คำขอของเขาเรียกรอยยิ้มพิมพ์ใจจากคนป่วยที่พยักหน้าหงึกหงักได้ทันที ความอึดอัดขัดข้องมลายหายไปสิ้นเมื่อทุกอย่างได้รับการไขให้กระจ่าง
อชิตะออกจากห้องนั้นแล้วลอบผ่อนหายใจอย่างโล่งอก เขารักแทนดาว...รักผู้หญิงแบบที่แทนดาวเป็น แต่ไม่ถึงกับต้องเป็นหล่อนเพียงคนเดียว อชิตะเพียรบอกตัวเองว่า...จะรอคอยจนกว่าจะพบสตรีที่มีอัธยาศัยและจิตใจเฉกเช่นสาวน้อยนัยน์ตาดุจดาวผู้นี้
ชลธีจ้องมองเจ้าของใบหน้าระบายรอยยิ้มที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับรองโอ่โถงแห่งนี้ เขารอจนอีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงค่อยทักทายอย่างคนคุ้นเคยกันดี
“ไงครับ...บริการตรวจรักษานอกสถานที่หรือ?” เสียงคนถามอาจจะฟังดูสุภาพแต่ถ้าจับกระแสได้จะรู้ว่าแอบ
เหน็บนิดๆ ถึงจะเคย ‘ติดหนี้’ ในความเอื้อเฟื้อของนายแพทย์คนนี้ แต่ถึงอย่างไรเรื่องของหัวใจย่อมเป็นข้อยกเว้น
ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 33,34)
“ปวดหัวจังเลยค่ะ มีแอสไพรินไหมคะ?” หญิงสาวร้องขอยาจากพี่ชายที่เข้ามาดูอาการในตอนเช้าตรู่
“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนสิคะ...แล้วค่อยกินยา เดี๋ยวสายๆคุณแม่จะพาไปหาหมอ วันนี้พี่ติดงานสำคัญมากๆต้องไปพบรัฐมนตรีพาณิชย์ก็เลยอยู่ดูแลหนูไม่ได้ แต่ถ้าเสร็จธุระเร็วพี่จะรีบกลับมานะ” เทียมภพลูบศีรษะร้อนรุมของน้องสาวแล้วค่อยๆประคองตัวลุกขึ้นช้าๆ
“ไม่ต้องห่วงน้องพลูหรอกค่ะ โอย...ต้องโทรไปขอเลื่อนพรีเซ้นต์โปรเจคกับอาจารย์อีก”
“ไม่ต้องห่วงนะ...พี่โทรไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวท่านคงไปบอกอาจารย์ประจำวิชาเองแหละ หนูกินข้าวก่อนเถอะ” เทียมภพตักข้าวต้มหมูป้อนคนตัวเล็กทีละคำจนหมดตามด้วยนมอุ่น ถ้าลองว่ากินข้าวกินปลาได้ มากแบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง
“เป็นไงมั่งน้องพลู? ป้าทิพย์บอกว่าเราไม่สบายพี่เลยขึ้นมาดู” ปลายเดือนเดินยิ้มหวานเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกด้านพลางยกมือแตะหน้าผาก
”อีกสักเดี๋ยวแม่จะพาไปหาหมอ อ้อ...วันนี้พี่ไม่เข้าออฟฟิศนะ ไปพบรัฐมนตรีแล้วจะรีบกลับบ้านมาดูน้องพลู” เทียมภพบอกน้องสาวคนรองแล้วเตรียมจะลุกออกไป
“เอ่อ...ผึ้งก็มีเรื่องจะบอกพี่หมากเหมือนกัน คือบ่ายนี้ที่ว่าจะไปเจรจากับเวนเดอร์ไต้หวัน ผึ้งไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ พอดีมีนัดอัดรายการเลดี้ โซไซตี้ พี่หมากต้องไปเองแล้วล่ะ”
“อ้อเหรอ...ไม่เป็นไร พี่ไปเองก็ได้ น้องพลูไปหาหมอกับคุณแม่แล้วก็นอนพักผ่อนนะคะ พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด” เทียมภพก้มลงจูบหน้าผากน้องสาวคนเล็กแล้วเดินออกไป พอคล้อยหลังพี่ชาย ปลายเดือนก็มองน้องสาวที่นอนแบบอยู่บนเตียงด้วยสายตาถากถางที่สุด
“ซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าเลยนะจ๊ะ แค่ข่าวกรอบเล็กๆนี่มันสะเทือนซางขนาดนี้เลยเหรอ?”
“พลูไม่ได้ป่วยเพราะเรื่องนั้น แต่เป็นเพราะพักผ่อนน้อยต่างหากล่ะ” แทนดาวสลัดผ้าห่มเตรียมลุกไปเลี่ยนเสื้อผ้า
“เหรอ...พี่ก็นึกว่าน้องสาวสุดที่รักช้ำในเพราะเห็นคู่หมั้นไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงอื่นซะอีก บอกแล้วไงล่ะ...พี่ชลเขาไม่คิดอะไรกับเธอจริงจังหรอก”
“ก็ปล่อยเขาสิคะ พลูกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว คราวนี้...พี่ผึ้งเหยียบคันเร่งเดินหน้าได้เต็มที่เลยค่ะ...ไม่ต้องห่วงพลูหรอก”
“หมายความว่า....” คำตอบของน้องสาวทำให้ปลายเดือนตาลุกวาวอย่างยินดี ความสุขและความหวังเริ่มก่อประกายแรงกล้ามาขึ้นเมื่อรู้ว่าศัตรูหัวใจหายไปทีละคนสองคน
“ดีแล้วล่ะจ้ะ...ที่ตัดสินใจแบบนี้ ดีใจจริงๆที่น้องสาวแสนสวยของพี่เลิกโง่เสียที เอาล่ะ...วันนี้พี่หมากก็ไม่ได้กลับบ้านเร็วอย่างที่ตั้งใจแล้ว งั้นพี่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ” แทนดาวไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูดนักแต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ
“ไปค่ะ...น้องพลู เดี๋ยวพี่หมออชิรอนาน” มารดาเดินเข้ามาตามหลังจากปลายเดือนออกไปไม่นานทำให้คนที่กำลังนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจกแอบสงสัยตะหงิดๆ
“โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านก็มีนี่คะ ทำไมต้องไปไกลถึงโน่นด้วย?”
“ก็สีผึ้งโทรไปบอกพี่หมอว่าเราไม่สบายแล้วเลยนัดหมายให้เสร็จสรรพ หนูเสร็จแล้วใช่ไหมคะ? ไปกันดีกว่า นัดคุณหมอไว้สิบโมง” แทนดาวถอนใจหนักพลางนึกค่อนขอดพี่สาวอยู่ในใจ
“พี่ผึ้งนี่เอาจะยังไงนะ? อุตส่าห์ถอยห่างออกมาแล้วยังจะวกมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องเราอีก”
ชลธีนั่งไม่ติดที่พอรู้ข่าวว่าแทนดาวไม่สบายนอนซมอยู่บ้านก็รีบกุลีกุจอทำงานของวันนี้ให้เสร็จแล้วรีบไปที่บ้านทวีกิจไพศาลในตอนเย็น พอเทียบรถจอดเรียบร้อยก็เป็นต้องหัวเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นรถยนต์ของอชิตะจอดอยู่ก่อนแล้ว แต่พอเข้าไปข้างในตามคำเชิญของคุณดวงทิพย์ก็ไม่พบแขก ‘พิเศษ’ นั่งอยู่ในห้องรับรองแต่อย่างใด
“หมออชิมาได้สักพักใหญ่แล้วค่ะ คุณชลรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ ป้าไปจัดการเรื่องข้าวปลาให้น้องพลูสักเดี๋ยว” ชลธีอยากถามเหลือเกินว่า แล้วคุณหมอไปอยู่เสียที่ไหนแต่ก็เก็บปากเก็บคำสนิทแล้วนั่งรออย่างสงบเสงี่ยม ไม่รู้ว่าคนป่วยกำลังนอนหลับอยู่หรือตื่น แล้วถ้ารู้ว่าเขามาเยี่ยม...จะยอมลงมาให้เห็นหน้าไหม
ในขณะที่คนรอข้างล่างคิดเรื่อยเปื่อยไปต่างๆนานา คนข้างบนก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจ มือขาวสะอาดของนายแพทย์อชิตะ รัษฎากร แตะเครื่องตรวจฟังบนตัวของคนป่วยจากนั้นก็หยิบปรอทวัดไข้มาดูแล้วอ่านค่าอุณหภูมิที่วัดได้ให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนฟัง
“ไข้ลดแล้ว แสดงว่าวันนี้เป็นเด็กดี กินยากับพักผ่อนตามตามที่หมอสั่ง”
“ไม่ต้องฉีดยาใช่ไหมคะ?” แทนดาวยิ้มแหยๆ ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายแพทย์อย่างเคร่งครัดเพราะถูกขู่เอาไว้ว่าถ้าตอนเย็นมาตรวจแล้วไข้ไม่ลดลงจะถูกฉีดยาแน่ๆ
“วันนี้ยัง แต่ถ้าพรุ่งนี้ไข้กลับมาอีก...ก็ไม่แน่” คุณหมอยังไม่วายแกล้งขู่ให้คนไข้กลัว
“พรุ่งนี้หายแน่ๆค่ะ...รับรอง”
“ยังหรอก...ตัวยังรุมๆอยู่เลย” สิ้นคำว่าตัวรุมๆ มือขาวสะอาดก็เอื้อมมาอังหน้าผากเกลี้ยงเกลา มืออุ่นไล่ลงมาแตะเบาๆที่ข้างแก้ม แทนดาวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
“ขอบคุณพี่อชิที่เป็นห่วงนะคะ”
“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ…ก็น้องพลูเป็นน้องสาวพี่นี่นา”
“พี่อชิคิดแบบนี้จริงๆเหรอคะ?” คำบอกเล่าก่อให้เกิดประกายฉงนเล็กน้อยในดวงตาคู่สวย เท่าที่รู้คืออชิตะคิดกับตนในเชิงชู้สาว แต่ด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบปิดกั้นเรื่องรักวัยรุ่นหนุ่มสาวเลยไม่กล้าถามออกไปตรงๆ
“คิดแบบนี้...มาได้สักพัก” ชายหนุ่มถอดแว่นตามาถือไว้แล้วทำท่าคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกลับมามองคนไข้ที่นอนตาแป๋วอยู่บนเตียง
“ตอนแรกพี่เคยนึกเสียดายว่าทำไมถึงเจอน้องพลูช้านัก...ช้ากว่า...เขา” สรรพนามบุรุษที่สามที่ถูกเอ่ยถึงนี้เดาไม่ยากว่ากำลังพูดถึงใคร
“ครั้งหนึ่ง...พี่เคยชี้หน้าว่า ‘เขา’ เป็นคนเห็นแก่ตัวที่มัดมือชกผู้หญิงคนหนึ่งให้มาเป็นของตัวเอง ก็เลยอยากจะช่วยให้น้องพลูหลุดจากข้อผูกมัดนั่น แต่...ท้ายสุดมันกลับมาพันตัวพี่เอง น้องพลูครับ...” อชิตะวางแว่นลงบนดั้งจมูกอย่างเดิมแล้วจับมือนุ่มนิ่มมาพิจารณา แววตาของเขาละม้ายคล้ายพี่ชายมองน้องน้อยมากกว่าเป็นอย่างอื่นก็เลยไม่ปัดป้อง
“พี่...ชอบ...น้องพลูตั้งแต่วันที่เจอกันในงานเลี้ยงเซ็นสัญญา บังเอิญมากที่วันนั้นก็อยู่ในเหตุการณ์ ‘ประกาศหมั้น’ พี่บอกกับตัวเองว่าต้องช่วยและ...เปลี่ยนใจของน้องพลูให้ได้ พี่พยายามทำให้น้องพลูค่อยๆซึมซับทีละนิดว่านอกจาก ‘เขา’ ก็ยังมีพี่ที่ปรารถนาและต้องการได้ใจของน้องพลูมา”
“ทั้งๆที่พี่อชิก็รู้ว่ามัน...ยาก” แทนดาวพูดพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า คำว่า ‘ยาก’ ของหล่อนหมายถึงเขาจะต้อง
เผชิญด่านหินอย่างพี่ชาย ไหนจะอุปสรรคขี้ปากคนที่คอยจะนินทาว่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ อีกทั้งหน้าที่การงานที่มี
คำว่านายแพทย์นำหน้าไม่ควรจะแปดเปื้อนด้วยเรื่องทำนองนี้
“มันยาก...พี่ถึงต้องรอบคอบ ต้องระวังทั้งคำพูด กิริยา การวางตัว ที่สำคัญ...ทำยังไงให้น้องพลูไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกชักให้ ‘เปลี่ยนใจ’ แต่พี่ประมาทน้องพลูเกินไป อย่าด่าพี่เลยนะ...ขอสารภาพว่าตอนแรกพี่คิดว่าน้องพลูน่ะ...อ่อน...ทั้งความคิดและการมองโลก”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”
“ตอนนี้ก็รู้ว่าน้องพลูไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างที่คิดน่ะสิ จะบอกให้ว่า...พี่ตัดสินใจจะสารภาพความในใจกับน้องพลูตอนไประยองคราวนั้น ใช่...พี่ตั้งใจไปที่นั่น ต้องการทำให้ ‘เขา’ เห็น” อชิตะย้ำถ้อยคำชัดเจนเป็นการตอบข้อแคลงใจในดวงตาใสแจ๋วที่มองมาแทบไม่กระพริบ
“มันเหมือนเป็นธรรมชาตินะ...ที่ผู้ชายสองคนห้ำหั่นกันเพื่อข่มคู่แข่งว่าตัวเองเหนือกว่าอีกคน พี่อยากให้เขาเห็นว่า พี่เหนือกว่าที่สามารถบอกรัก....ผู้หญิงที่เขารัก...ในถิ่นของเขาเอง แต่ก็ตัดสินใจกลับเพราะบังเอิญไปรู้ว่าเขาก็มีแผนอื่นเหมือนกัน”
“มิน่าล่ะ...พี่อชิรีบกลับไปก่อน ที่ว่าจะรีบกลับไปเข้าเวรก็ไม่จริงนะสิ” อชิตะหยุดมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาแล้วยิ้มคล้ายจะหยันตัวเองขณะย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น
“พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้นบ้าง พี่ก็กลับมาทบทวนสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอีกครั้งแล้วก็รู้ว่า พี่ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจน้องพลูได้หรอก น้องพลูยอมให้เขาสวมแหวน...มันก็ชัดเจนแล้วว่ารู้สึกกับเขายังไง ไอ้เรื่องที่ว่าโดนผูกมัดหรือตกกระไดพลอยโจนนั่นเล็กขี้ปะติ๋วไปเลย” ชายหนุ่มถอนใจยาวก่อนจะพูดต่อ
“น้องพลูไม่ได้อ่อนแอจนใครจะสามารถจูงไปง่ายๆ ความมั่นคงหนักแน่นในจิตใจเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า พี่จะไม่มีวัน ‘ได้ใจ’ น้องพลูมา”
“น้องพลูขอบคุณที่พี่อชิรู้สึกดีๆด้วย แต่ไม่สามารถคิดกับพี่เป็นอย่างอื่นได้เลยจริงๆ...ขอโทษค่ะ” แทนดาวมองหน้าคนข้างๆอย่างรู้สึกผิดที่ไม่อาจตอบแทนความรัก ด้วยการ ‘รัก’ ตอบ
“พี่ต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษน้องพลู ที่บางครั้งก็อาจจะทำอะไรให้ยุ่งยากใจ แต่ต่อไปนี้สบายใจเถอะนะ ว่าแต่...พี่ขออะไรอย่างนึงได้ไหม?” ใบหน้าใจดีระบายยิ้มออกมาแล้วละมือข้างหนึ่งไปลูบผมสวยที่เคยได้แต่มองและสัมผัสด้วยสายตา
“อะไรคะ?”
“ขอเป็นพี่ชายของน้องพลูอีกคนได้ไหมครับ?” คำขอของเขาเรียกรอยยิ้มพิมพ์ใจจากคนป่วยที่พยักหน้าหงึกหงักได้ทันที ความอึดอัดขัดข้องมลายหายไปสิ้นเมื่อทุกอย่างได้รับการไขให้กระจ่าง
อชิตะออกจากห้องนั้นแล้วลอบผ่อนหายใจอย่างโล่งอก เขารักแทนดาว...รักผู้หญิงแบบที่แทนดาวเป็น แต่ไม่ถึงกับต้องเป็นหล่อนเพียงคนเดียว อชิตะเพียรบอกตัวเองว่า...จะรอคอยจนกว่าจะพบสตรีที่มีอัธยาศัยและจิตใจเฉกเช่นสาวน้อยนัยน์ตาดุจดาวผู้นี้
ชลธีจ้องมองเจ้าของใบหน้าระบายรอยยิ้มที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับรองโอ่โถงแห่งนี้ เขารอจนอีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงค่อยทักทายอย่างคนคุ้นเคยกันดี
“ไงครับ...บริการตรวจรักษานอกสถานที่หรือ?” เสียงคนถามอาจจะฟังดูสุภาพแต่ถ้าจับกระแสได้จะรู้ว่าแอบ
เหน็บนิดๆ ถึงจะเคย ‘ติดหนี้’ ในความเอื้อเฟื้อของนายแพทย์คนนี้ แต่ถึงอย่างไรเรื่องของหัวใจย่อมเป็นข้อยกเว้น