ค่าแรง 300 ทำไมคนจ้างถึงว่าแพง?

เพื่อนบ้านผมทำงานได้ค่าแรงวันละ 300 บาทเดือนหนึ่ง ตก 9,000 บาท
โดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้
1. ค่าน้ำค่าไฟตกเดือนละ 800-1,000
2.ค่ากับข้าว วันละ 80 บาท = 2400  (ประหยัดสุดๆ)
3.ค่ารถ ค่าเดินทาง วันละ 20 บาท = 600 (นั่งรถประจำทาง)
4.ค่าอินเตอร์เน็ต (TOT) 630 ต่อเดือน
5.ค่า ของใช้ส่วนตัว สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แซมพู ตกเดือนละ 500 บาท
6.ค่าขนม อื่นๆ ประมาณ 600 บาทต่อเดือน
7.ค่าเช่าห้อง 2000 บาท
8. ส่งให้ พ่อ-แม่ อีก เดือนละ 1000 (อันนี้เขาเล่าแบบคร่าวๆนะครับ มาบ่นเรื่องเงินไม่พอใช้)
รวมๆ แล้ว 8พันกว่าแล้วครับ ไม่เหลืออะไรเลยครับ แทบไม่มีเงินเก็บเลย นี่แบบกัดก้อนเกลือกินนะครับ
แล้วทำไมคนถึงว่าค่าแรง300 แพงครับ ทำไม่ไม่อยากให้ขึ้นอีก แบบนี้ทำงานจนตายก็ไม่มีเงินครับ เป็นทาสโรงงานจนตายครับ
ทำไมถึงไม่อยากให้ชีวิต คนขายแรงดีขึ้นบ้างครับ นี่ขนาดไม่มีหนี้สินนะครับ แล้วถ้าคนมีลูก มีครอบครัวต้องดูแลล่ะครับ
เขาจะเอาเงินที่ไหนให้ลูก ไปโรงเรียนครับ ค่าเทรอมค่าเสื้อผ้า
คนจ้างนี่จ้องจะเอาเปรียบ จริงๆครับ สงสัยอยากจ้าง ค่าแรง 150 ประเทศไทย อยู่ยากนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
ทุกครั้งที่มีการขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คนที่ออกมาคัดค้านมักจะเป็นชนชั้นกลางที่กินเงินเดือนประจำ

แต่เรื่องนี้ผมว่ามันต้องคุยกันตั้งแต่นโยบายในการพัฒนาประเทศแล้วครับว่า ประเทศเราจะยังคงเป็นประเทศที่แข่งขันโดยใช้ค่าแรงถูกเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศอยู่หรือเปล่า? ถ้าคำตอบคือใช่ ก็กดค่าแรงไปต่ำๆ เหมือนเดิมแหละครับ แล้วก็ไปแข่งกับเวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อะไรทำนองนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

แต่ถ้าคำตอบคือไม่ใช่ ก็ต้องเลิกกดค่าแรงให้ต่ำกว่าความเป็นจริงได้แล้ว แล้วก็วางยุทธศาสตร์ประเทศว่า จะใช้อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เช่น หากเป็นการส่งออก ก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่า เราจะส่งออกอะไร ส่วนการที่เราเป็นประเทศที่เป็นฐานการผลิตสินค้าต่างๆ มากมาย (เพราะค่าแรงเราถูก ต่างชาติเลยนิยมมาตั้งโรงงาน) ก็ต้องตอบว่า นอกจากค่าแรงกระจิ๊บกระจ้อยที่เค้าจ่ายให้คนงานเราแล้ว เรื่อง know how ต่างๆ เราได้เรียนรู้มาหรือไม่ ซึ่งคำตอบมันชัดเจนครับว่าไม่ เราไม่เคยผลิตรถยนต์ในการพาณิชย์มาขายได้ เราไม่สามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแข่งกับแบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น ได้ (มีซัยโจ เดนกิ เจ้านึง แต่ไม่รู้ว่าอันนี้เพราะ know how ที่เราได้จากการเป็นฐานการผลิตหรือเปล่า)




ก่อนหน้าที่จะเป็นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ตอนนั้นค่าแรงขั้นต่ำมันก็อยู่ที่ 200 บาทต้นๆ มานานมากนะครับ และมันแทบจะไม่ค่อยมีการขยับเลย (บางจังหวัดได้แค่ร้อยกว่าบาทต่อวันเองด้วยซ้ำ) ในขณะที่ชนชั้นกลางในกรุงได้ปรับเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 4-6% ทุกปีๆ ซื้อกาแฟแก้วละ 130 บาทกิน แต่แปลกที่ว่า เวลาชนชั้นแรงงานอยากจะขอขึ้นค่าแรงบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ปรับมานาน คนกลุ่มนี้กลับเรียกร้องไม่อยากให้ปรับ เพียงเพราะว่าเกรงว่าตัวเองจะต้องซื้อของแพงขึ้น!!!! แล้วปีนึงๆ ก็มีขบวนคาราวานไปบริจาคคนด้อยโอกาสตามต่างจังหวัด ขี่ Big Bike ไปบ้าง ขับออฟโรดไปบ้าง คือเราจะเก็บพวกเขาไว้เป็น "ผู้รับ" แบบนี้ เพื่อให้พวกเรามีอีเว้นท์ทำบุญทุกปีๆ แล้วก็ฟินกับการได้ทำบุญ ได้อัพรูปขึ้นโซเชียล แค่นี้หรือครับ?

อันนี้ไม่ได้แอนตี้กิจกรรม CSR ทั้งหลายนะครับ อันนั้นดีอยู่แล้ว ผมสนับสนุน ผมก็ไปร่วมด้วยทุกปีกับเพื่อนๆ เหมือนกัน เพราะยังไงย่อมต้องมีคนที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรอยู่แล้ว ตราบใดที่การศึกษายังไม่เท่าเทียม (การศึกษาเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการพัฒนาและป้องกันประเทศครับ) ถ้าพวกเขาเข้าไม่ถึงการศึกษาที่ดี (ลองดูคุณภาพของมหาวิทยาลัยเล็กๆ ตามต่างจังหวัด) ทรัพยากรครูดีพอที่จะพัฒนาบัณฑิตหรือไม่ เรื่องพวกนี้ก็ต้องดูแลนะครับ เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะจบมามีเพียงแค่ปริญญา แต่ความรู้แทบเอาไปต่อยอดทำอะไรไม่ได้เลย เป็นได้แค่พนักงานธรรมดาๆ และขาดโอกาสในการเติบโต ไม่ต้องพูดถึงการย้ายไปทำงานยังประเทศใน AEC (แบบเงินเดือนสูงๆ นะ ไม่ใช่ไปขายแรงงาน)

เพราะฉะนั้น ผมว่า 300 บาทไม่ถือว่าแพงไป และเรากดค่าแรงเขามานานไปแล้ว และควรเลิกนโยบายค่าแรงต่ำเพื่อดึงดูดให้ต่างชาติมาตั้งโรงงานได้แล้ว แต่ต้องดูว่า หากอยากจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เราต้องมีวิสัยทัศน์อย่างไรต่างหากครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  มนุษย์เงินเดือน ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่