กว่าฉันจะได้วิซ่าเกาหลี E-7
สวัสดีครับไม่รู้จะเริ่มยังไงดี...ก็คือตอนนี้ผมได้ทำงานที่เกาหลีแล้วหลังจากพยายามมา 2 ครั้ง ดีใจจัง 555++
ก็อยากจะบอกว่า ผมไม่ได้เรียนเอกภาษาเกาหลี ผมเริ่มเรียนภาษาเกาหลีครั้งแรกตอนไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเกาหลีตอนปี 2009 ด้วยโครงการ GNC (IYF) การไปเป็น GNC เดียวเล่าให้ฟังพาสหน้าละกัน พาสนี้ขอเล่าเรื่องการได้รับวิซ่าที่เกาหลีเลย
ผมเคยยื่นวิซ่า อี-7 เป็นวิซ่าที่คนไทยหลายๆ คนที่อยากมาทำงานที่เกาหลีอยากได้เพราะมันเป็นวิซ่าแรงงานมีฝีมือ เช่น ขายของ เป็นล่าม ฯลฯ
ในการยื่นวิซ่าครั้งแรก คือวิซ่าผ่านแล้ว แต่ผมไม่ได้บินครับเพราะ ว่า กรมแรงงานที่สนามบินที่ประเทศไทย ไม่ให้บินครับเพราะกระดาษแค่แผ่นเดียว ไอ้กระดาษแผ่นนี้คือกระดาษการแจ้งออกนอกประเทศ คือไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมมีวิซ่าเกาหลี อี-7 เขาก็ไม่ให้ผมบินออกอยู่ดี

ผมก็เลยถามกรมแรงงานที่สนามบินว่างั้นผมขอเขียนที่สนามบินเลยได้ไหมเพราะผมซื้อตัวเครื่องบินเตรียมตัวบินแล้ว เขาก็บอกว่าไม่ได้ คุณต้องไปที่กรมแรงงานที่ดินแดงแล้วไปแจ้ง พอแจ้งเสร็จก็เอาใบนั้นมายื่น ยังไงวันนี้คุณก็ต้องกลับบ้านครับ ตอนนั้นผมแทบทรุดกระเป๋าเตรียมหมดพร้อมบินแล้ว ตั๋วเครื่องบินก็ไม่รู้จะทำไง ก็ต้องเลื่อนครับ เสียค่าส่วนต่างอีกมากมาย คืนนั้นผมยืนคุยกับทางเจ้าหน้าที่จนถึงตีสองพร้อมกับได้คำตอบแค่ว่า ต้องไปดินแดงอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่ผมมี วิซ่าเกาหลี อี-7 ลืมบอกไปครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมไม่ยอมซื้อตัวไป - กลับ ถ้าซื้อตั๋วไป - กลับเข้าจะไม่เช็ควิซ่า คืนนั้นก็เลยต้องกลับบ้านที่กาญจนบุรี เช้าตื่นขึ้นมาก็เลยโทรไปบอกบริษัทที่เกาหลีว่ามีปัญหาครับไม่สามารถเดินทางได้เนื่องจาก........ เจ้านายที่เกาหลีบอกว่า ไม่ต้องมาแล้วครับ สรุป ผมตกเครื่องพร้อมตกงานไปด้วยทุกอย่างจบครับเพราะกระดาษใบเดียว แล้วตั๋วเครื่องบินที่มีอยู่ทำไงละทีนี้ ต้องไปซิครับ ก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วกลับ แล้วบินไปเกาหลีเพราะตั๋วไปมีแล้ว หลังจากนั่น ผมก็บินมาเพราะมีเพื่อน IYF อยู่ครับที่เป็นคนเกาหลี คนไทยอยู่เกาหลีได้ 90 วัน ผมเลยมาอยู่กับเพื่อน 3 เดือน พร้อมกับส่งเครื่องสำอางกลับไปที่ไทยด้วย แล้วก็ไปขายกระเป๋าบ้าง รับจ้างแปลบ้าง แอบสอนภาษาไทยให้คนเกาหลีบ้าง ก็ได้เงินอยู่ได้เป็นเดือน ๆ ไปครับ ทั้งนี้ผมก็ยังหางานประจำไปด้วย พอครบ 3 เดือน แต่พอครบ 3 เดือนผมก็ยังหางานไม่ได้อยู่ดี มีเรียกสัมภาษณ์ก็เยอะครับแต่เค้าอยากได้คนที่มีวิซ่า ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ก็เลยต้องกลับไทยมาก่อน แต่ก่อนกลับก็มีเงินเก็บจากการสอนภาษาไทยให้คนเกาหลีก็เลยมีแผนว่า งั้นก็ไป ๆ กลับๆ แบบนี้แหละถ้ามันยังไม่ได้วิซ่า
จากนั้นผมก็ลองหางานที่ประเทศไทยไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ใจผมก็ยังอยากกลับมาหางานที่เกาหลีอยู่ดี ผมได้งานที่ประเทศไทยครับ ทำเกี่ยวกับล่ามภาษาเกาหลีทำได้ประมาณ 3 ปี อยู่ได้ (เพราะให้เงินเดือนเยอะ) 555+ พอเก็บเงินได้ 1 ก้อน ก็เลยเอาว่ะ!!! ถึงไม่ได้ทำงานที่เกาหลีได้เรียนทำอาหารก็ยังดี แล้วช่วงนั้นสถานทูตไทยในเกาหลีมีรับสมัครลูกจ้างพอดี ก็เลยลองไปสมัครแล้วลองสอบดูละกัน ก็เลยได้ทำการสมัคร แต่....ต้องมาสมัครด้วยตัวเองที่ประเทศเกาหลี ผมก็บินมาสมัครสอบรอผล 1 อาทิตย์ ว่าจะได้เรียกสัมภาษณ์หรือเปล่า และแล้ว................................โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมได้รับการสอบสัมภาษณ์ดีใจมากจากนั้นก็ไปสอบ
แต่การสอบน่ากลัวมาก ผมนั่งอยู่กลางห้องคนเดียว แล้วมีคนสัมภาษณ์ 7 คน พร้อมกับยิงคำถามมาทีผม คือ......พูดได้คำเดียวสุดยอด การสอบจะไม่มีเขียนครับ ถามตอบอย่างเดียว โหดนิดนึ่ง พอสอบสัมภาษณ์เสร็จในใจผมคือ ยังไงก็ไม่ได้วะ จบละงานนี้ ไงก็คิดซะว่ามาหาประสบการณ์และมาเรียนอาหารเกาหลีละกัน และแล้ววันประกาศผลก็มาถึง.....

สรุปผมติด 1 ใน 3 (หรือว่ามันสอบแค่ 3 คนผมก็ไม่แน่ใจ 5555+) ผมก็เลยเรียนทำอาหารเกาหลีแล้วก็แอบสอนภาษาไทยเหมือนเดิมครับ เพราะผมไม่อยากใช้เงินเก็บที่เก็บมา ถามว่าสอนภาษาไทยที่เกาหลีได้ ชม. ละเท่าไร ก็บอกตรง ๆ เลยนะครับ 2 ชม ได้ 50,000 วอน ก็ประมาณ 1,800 บาท ผมสอนแค่ ส – อา ครับ 2 คน คนละ 4 ชม แล้ววันธรรมดาก็รับจ้างแปลอยู่ที่บ้าน วัน พ พฤ ศ ก็ไปเรียนทำอาหารเกาหลี ระหว่างเรียนก็ได้หางานในเน็ตไปด้วยส่งเรซูเม่หลายที่ สัมภาษณ์ก็หลายที่ครับ แต่สุดท้ายมาได้งานที่โรงพยาบาลศัลยกรรม ตอนแรกที่ รพ. จะไม่รับเพราะผมไม่มีใบสอบระดับภาษาเกาหลี เขาก็ถามว่าเก่งจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำอะไรได้บ้างเขาก็ไม่รู้ ผมเลยยื่นข้อเสนอครับ งั้นเดือนแรก ผมขอรับเงินแค่ 500,000 วอน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 18,000 บาท เหมือนเยอะนะ แต่ข้าว 1 มื้อ 150 – 200 บาท ยังไงก็ไม่พอ แต่อยากทำให้โรงพยาบาลเห็นว่าผมทำงานให้เขาได้นะ แปลได้นะ แล้วก็ทำอื่น ๆได้ ขอบอกก่อนนะครับผมเรียนจบ ม.บูรพาเอก ถ่ายภาพยนต์ แต่ตัวเองชอบในด้านนี้อยู่แล้ว พวกตัดต่อวีดีโอ ทำไตเตอล์ ก็เลยไม่เป็นปัญหา เดือนแรกเหนื่อยมากๆเพราะไปทำงานทุกวัน แต่ได้เงินน้อยมาก แต่ก็ต้องทนเพื่อจะได้วิซ่า หลังจาก 1 เดือน เค้าบอกว่าจะขอวิซ่าให้ครับ แล้วก็ทำเรื่องขอวิซ่าแต่เรื่องเอกสารเยอะมากครับ ถ้าใครอยากรู้ก็เดียวเล่าให้ฟังพาสหน้าละกันเรื่องการขอวิซ่าที่เกาหลีโดยไม่ต้องกลับไทย...

ก็อยากบอกทุกคนที่อ่านว่า อย่าพูดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ทำ อย่าบอกว่าฉันไม่เก่งฉันทำไม่ได้ ลองกล้าที่จะเจอหน้ากับมันจะได้รู้ว่าตัวเองโง่ขนาดไหน แล้วตัวเองจะได้ขยันขึ้นขนาดไหน
เขียนไม่ค่อยดีแต่ขอบคุณที่อ่านกันจบนะครับ
ภาษาสำคัญมาก ๆ ครับ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ภาษาต่างประเทศเรียนไปเถอะครับ ยังไงก็ไม่อดตายครับ
ใครมาเที่ยวเกาหลีบอกนะครับ พาเที่ยวได้ หนุก ๆ
สุดท้ายขอบคุณ IYF ครับที่ทำให้ผมเก่งภาษาเกาหลีแล้วมีวันนี้ได้
มีอะไรสอบถามก็ถามมาได้นะครับ หรือใครมาเที่ยวเกาหลี แล้วหลงทางก็ทักมาได้ครับ ^^
LINE ID : kimjumin
Face Book : www.facebook.com/jumin.kim.3 เฟสส่วนตัวครับ
กว่าฉันจะได้วิซ่าเกาหลี E-7
สวัสดีครับไม่รู้จะเริ่มยังไงดี...ก็คือตอนนี้ผมได้ทำงานที่เกาหลีแล้วหลังจากพยายามมา 2 ครั้ง ดีใจจัง 555++
ก็อยากจะบอกว่า ผมไม่ได้เรียนเอกภาษาเกาหลี ผมเริ่มเรียนภาษาเกาหลีครั้งแรกตอนไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเกาหลีตอนปี 2009 ด้วยโครงการ GNC (IYF) การไปเป็น GNC เดียวเล่าให้ฟังพาสหน้าละกัน พาสนี้ขอเล่าเรื่องการได้รับวิซ่าที่เกาหลีเลย
ผมเคยยื่นวิซ่า อี-7 เป็นวิซ่าที่คนไทยหลายๆ คนที่อยากมาทำงานที่เกาหลีอยากได้เพราะมันเป็นวิซ่าแรงงานมีฝีมือ เช่น ขายของ เป็นล่าม ฯลฯ
ในการยื่นวิซ่าครั้งแรก คือวิซ่าผ่านแล้ว แต่ผมไม่ได้บินครับเพราะ ว่า กรมแรงงานที่สนามบินที่ประเทศไทย ไม่ให้บินครับเพราะกระดาษแค่แผ่นเดียว ไอ้กระดาษแผ่นนี้คือกระดาษการแจ้งออกนอกประเทศ คือไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมมีวิซ่าเกาหลี อี-7 เขาก็ไม่ให้ผมบินออกอยู่ดี
จากนั้นผมก็ลองหางานที่ประเทศไทยไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ใจผมก็ยังอยากกลับมาหางานที่เกาหลีอยู่ดี ผมได้งานที่ประเทศไทยครับ ทำเกี่ยวกับล่ามภาษาเกาหลีทำได้ประมาณ 3 ปี อยู่ได้ (เพราะให้เงินเดือนเยอะ) 555+ พอเก็บเงินได้ 1 ก้อน ก็เลยเอาว่ะ!!! ถึงไม่ได้ทำงานที่เกาหลีได้เรียนทำอาหารก็ยังดี แล้วช่วงนั้นสถานทูตไทยในเกาหลีมีรับสมัครลูกจ้างพอดี ก็เลยลองไปสมัครแล้วลองสอบดูละกัน ก็เลยได้ทำการสมัคร แต่....ต้องมาสมัครด้วยตัวเองที่ประเทศเกาหลี ผมก็บินมาสมัครสอบรอผล 1 อาทิตย์ ว่าจะได้เรียกสัมภาษณ์หรือเปล่า และแล้ว................................โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมได้รับการสอบสัมภาษณ์ดีใจมากจากนั้นก็ไปสอบ
แต่การสอบน่ากลัวมาก ผมนั่งอยู่กลางห้องคนเดียว แล้วมีคนสัมภาษณ์ 7 คน พร้อมกับยิงคำถามมาทีผม คือ......พูดได้คำเดียวสุดยอด การสอบจะไม่มีเขียนครับ ถามตอบอย่างเดียว โหดนิดนึ่ง พอสอบสัมภาษณ์เสร็จในใจผมคือ ยังไงก็ไม่ได้วะ จบละงานนี้ ไงก็คิดซะว่ามาหาประสบการณ์และมาเรียนอาหารเกาหลีละกัน และแล้ววันประกาศผลก็มาถึง.....
สรุปผมติด 1 ใน 3 (หรือว่ามันสอบแค่ 3 คนผมก็ไม่แน่ใจ 5555+) ผมก็เลยเรียนทำอาหารเกาหลีแล้วก็แอบสอนภาษาไทยเหมือนเดิมครับ เพราะผมไม่อยากใช้เงินเก็บที่เก็บมา ถามว่าสอนภาษาไทยที่เกาหลีได้ ชม. ละเท่าไร ก็บอกตรง ๆ เลยนะครับ 2 ชม ได้ 50,000 วอน ก็ประมาณ 1,800 บาท ผมสอนแค่ ส – อา ครับ 2 คน คนละ 4 ชม แล้ววันธรรมดาก็รับจ้างแปลอยู่ที่บ้าน วัน พ พฤ ศ ก็ไปเรียนทำอาหารเกาหลี ระหว่างเรียนก็ได้หางานในเน็ตไปด้วยส่งเรซูเม่หลายที่ สัมภาษณ์ก็หลายที่ครับ แต่สุดท้ายมาได้งานที่โรงพยาบาลศัลยกรรม ตอนแรกที่ รพ. จะไม่รับเพราะผมไม่มีใบสอบระดับภาษาเกาหลี เขาก็ถามว่าเก่งจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำอะไรได้บ้างเขาก็ไม่รู้ ผมเลยยื่นข้อเสนอครับ งั้นเดือนแรก ผมขอรับเงินแค่ 500,000 วอน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 18,000 บาท เหมือนเยอะนะ แต่ข้าว 1 มื้อ 150 – 200 บาท ยังไงก็ไม่พอ แต่อยากทำให้โรงพยาบาลเห็นว่าผมทำงานให้เขาได้นะ แปลได้นะ แล้วก็ทำอื่น ๆได้ ขอบอกก่อนนะครับผมเรียนจบ ม.บูรพาเอก ถ่ายภาพยนต์ แต่ตัวเองชอบในด้านนี้อยู่แล้ว พวกตัดต่อวีดีโอ ทำไตเตอล์ ก็เลยไม่เป็นปัญหา เดือนแรกเหนื่อยมากๆเพราะไปทำงานทุกวัน แต่ได้เงินน้อยมาก แต่ก็ต้องทนเพื่อจะได้วิซ่า หลังจาก 1 เดือน เค้าบอกว่าจะขอวิซ่าให้ครับ แล้วก็ทำเรื่องขอวิซ่าแต่เรื่องเอกสารเยอะมากครับ ถ้าใครอยากรู้ก็เดียวเล่าให้ฟังพาสหน้าละกันเรื่องการขอวิซ่าที่เกาหลีโดยไม่ต้องกลับไทย...
ก็อยากบอกทุกคนที่อ่านว่า อย่าพูดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ทำ อย่าบอกว่าฉันไม่เก่งฉันทำไม่ได้ ลองกล้าที่จะเจอหน้ากับมันจะได้รู้ว่าตัวเองโง่ขนาดไหน แล้วตัวเองจะได้ขยันขึ้นขนาดไหน
เขียนไม่ค่อยดีแต่ขอบคุณที่อ่านกันจบนะครับ
ภาษาสำคัญมาก ๆ ครับ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ภาษาต่างประเทศเรียนไปเถอะครับ ยังไงก็ไม่อดตายครับ
ใครมาเที่ยวเกาหลีบอกนะครับ พาเที่ยวได้ หนุก ๆ
สุดท้ายขอบคุณ IYF ครับที่ทำให้ผมเก่งภาษาเกาหลีแล้วมีวันนี้ได้
มีอะไรสอบถามก็ถามมาได้นะครับ หรือใครมาเที่ยวเกาหลี แล้วหลงทางก็ทักมาได้ครับ ^^
LINE ID : kimjumin
Face Book : www.facebook.com/jumin.kim.3 เฟสส่วนตัวครับ