มีคนถามผมว่า ใครเหมาะเป็นผู้จัดการทีม?
“แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สุดในเวลานี้”
ผมตอบกลับไปแบบไม่คิดเลย
เพราะมีชื่อแค่คนๆ เดียวที่ปรากฏขึ้นในใจผม
ยิ่งเพราะงานคุมทีมแมนยูฯ
ที่รู้ๆ กัน ดั่งคำพูดที่คนพูดกัน “งานแบกจักรวาล”
ภารกิจแบกจักรวาล
เพราะนี่คือคนที่เข้ามาคุมทีมในชั่วหัวเลี้ยวต่อ
ว่างเว้นความสำเร็จ (แชมป์ลีก)
จากชายชื่อ ‘อเล็กซ์ เฟอร์กูชัน’
ชายผู้เสกให้ทุกถนนเมืองแมนเชสเตอร์
ที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา
ดังนั้นคนที่เข้ามารับงานแมนยูฯ
คุณสมบัติว่า ‘เก่งอย่างเดียว’ จึงไม่เพียงพอ
แต่ต้องเป็นคนแบกรับความสำเร็จในอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไป
บวกกับความกดดันมหาศาล ที่เรียกว่า “แบกจักรวาล”
คนที่พร้อมจะรับงานแบบนี้ ต้องคือ
คนที่พร้อมแสยะยิ้ม พร้อมยักไหล่ ให้กับความกดดันที่ถาโถมมหาศาลนี้
เพราะธรรมชาติของคนเล่นกีฬา
เป็นที่รู้กัน ว่าคนถึงจะเป็นนักฟุตบอล หรือนักบาสเกตบอลเหมือนกัน
แต่ช่วงเวลากดดันที่สุด ยิ่งช่วงเวลาที่ทีมต้องการแต้มสำคัญ
ไม่ใช่นักกีฬาทุกคน ที่สมควรครอบครองลูกนั้น ในเวลาเช่นนั้น (สถานการณ์ที่เพื่อนร่วมทีมต้องพยายามส่งบอลไปอยู่ในการครอบครองคนนั้นมามากที่สุด)
เพราะในสถานการณ์พิเศษเช่นนั้น สถานการณ์รับความกดดันเช่นนั้น
ถูกกำหนดมาให้ผู้เล่นเพียงบางคนเท่านั้น
และชายคนคนเดียวที่ผมคิดออกว่าเหมาะสมกับสถานการณ์นี้
เขาคนนั้น คือ คนคนเดียวกับที่สวนปากกลับมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย
นาม โรมัน อับราโมวิช เจ้าของฟุตบอลทีมเชลซี
ว่า “ซูเปอร์สตาร์ ที่คุณต้องการหนึ่งเดียว คือผม”
จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก ‘โชเซ มูรินโญ่’
ชายคนที่สร้างคำว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ในโลกฟุตบอล
ไม่ต่างจากเฟอร์กี้
และที่สำคัญที่สุดนี้คือช่วงที่ผู้จัดการทีมฟุตบอล
ที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่ง
กำลังว่างงานพอดี
พอคิดถึงเรื่องนี้ ผมคิดว่าบางอย่างคล้าย ‘ความรัก’
‘คุณสมบัติ’ อย่างเดียวไม่เพียงพอ
ต้องมาพร้อมใน ‘เวลา’ และ ‘สถานการณ์’ ที่ใช่ด้วย
ฝากพูดคุย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/latitudethai/
คุณคิดว่าใครเหมาะเป็นผู้จัดการทีมแมนยูฯ คนต่อไป
มีคนถามผมว่า ใครเหมาะเป็นผู้จัดการทีม?
“แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สุดในเวลานี้”
ผมตอบกลับไปแบบไม่คิดเลย
เพราะมีชื่อแค่คนๆ เดียวที่ปรากฏขึ้นในใจผม
ยิ่งเพราะงานคุมทีมแมนยูฯ
ที่รู้ๆ กัน ดั่งคำพูดที่คนพูดกัน “งานแบกจักรวาล”
ภารกิจแบกจักรวาล
เพราะนี่คือคนที่เข้ามาคุมทีมในชั่วหัวเลี้ยวต่อ
ว่างเว้นความสำเร็จ (แชมป์ลีก)
จากชายชื่อ ‘อเล็กซ์ เฟอร์กูชัน’
ชายผู้เสกให้ทุกถนนเมืองแมนเชสเตอร์
ที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา
ดังนั้นคนที่เข้ามารับงานแมนยูฯ
คุณสมบัติว่า ‘เก่งอย่างเดียว’ จึงไม่เพียงพอ
แต่ต้องเป็นคนแบกรับความสำเร็จในอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไป
บวกกับความกดดันมหาศาล ที่เรียกว่า “แบกจักรวาล”
คนที่พร้อมจะรับงานแบบนี้ ต้องคือ
คนที่พร้อมแสยะยิ้ม พร้อมยักไหล่ ให้กับความกดดันที่ถาโถมมหาศาลนี้
เพราะธรรมชาติของคนเล่นกีฬา
เป็นที่รู้กัน ว่าคนถึงจะเป็นนักฟุตบอล หรือนักบาสเกตบอลเหมือนกัน
แต่ช่วงเวลากดดันที่สุด ยิ่งช่วงเวลาที่ทีมต้องการแต้มสำคัญ
ไม่ใช่นักกีฬาทุกคน ที่สมควรครอบครองลูกนั้น ในเวลาเช่นนั้น (สถานการณ์ที่เพื่อนร่วมทีมต้องพยายามส่งบอลไปอยู่ในการครอบครองคนนั้นมามากที่สุด)
เพราะในสถานการณ์พิเศษเช่นนั้น สถานการณ์รับความกดดันเช่นนั้น
ถูกกำหนดมาให้ผู้เล่นเพียงบางคนเท่านั้น
และชายคนคนเดียวที่ผมคิดออกว่าเหมาะสมกับสถานการณ์นี้
เขาคนนั้น คือ คนคนเดียวกับที่สวนปากกลับมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย
นาม โรมัน อับราโมวิช เจ้าของฟุตบอลทีมเชลซี
ว่า “ซูเปอร์สตาร์ ที่คุณต้องการหนึ่งเดียว คือผม”
จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก ‘โชเซ มูรินโญ่’
ชายคนที่สร้างคำว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ในโลกฟุตบอล
ไม่ต่างจากเฟอร์กี้
และที่สำคัญที่สุดนี้คือช่วงที่ผู้จัดการทีมฟุตบอล
ที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่ง
กำลังว่างงานพอดี
พอคิดถึงเรื่องนี้ ผมคิดว่าบางอย่างคล้าย ‘ความรัก’
‘คุณสมบัติ’ อย่างเดียวไม่เพียงพอ
ต้องมาพร้อมใน ‘เวลา’ และ ‘สถานการณ์’ ที่ใช่ด้วย
ฝากพูดคุย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/latitudethai/