เลิกจ้าง ไม่จ่ายค่าชดเชย ไม่ออกใบรับรองการทำงาน

ทำงานมาได้ปี กับอีก 4 เดือนค่ะ นายจ้างแจ้งเลิกจ้างตอนแรกแจ้งโดยวาจาไม่มีพยานหลักฐาน โดยไม่จ่ายค่าชดเชยค่ะ ตอนแรกบอกผลงานไม่เป็นที่พอใจ ทำยอดขายได้ไม่ดีจึงเลิกจ้าง ให้เวลาเราไปหางานใหม่ คือบอกวันที่ 4 ให้เราออกสิ้นเดือน แต่บอกให้เราช่วยสะสางงานที่ค้างอยู่ด้วย เราก็ยอมรับค่ะ เพียงแต่ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยตามกฏหมาย พร้อมค่าบอกกล่าวล่วงหน้า และออกเอกสารเลิกจ้างพร้อมหนังสือรับรองการทำงานให้ แต่นายจ้างไม่ยอม ซึ่งในตอนแรกที่แจ้งเรามาก็ยอมรับค่ะว่ายอดขายไม่ดี ไม่เป็นที่พอใจ จึงยอมรับเหตุผลของการเลิกจ้างได้ค่ะ แต่ให้ทางนายจ้างจ่ายค่าชดเชยตามกฏหมาย เนื่องจากนายจ้างไม่เคยตักเตือนเป็นหนังสือเลย และไม่เคยแจ้งว่าต้องการยอดขายเท่าไหร่ ไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานในการทำงานให้ เช่น ไม่มีสถานที่ทำงาน (ให้ทำงานที่บ้าน) คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ไม่จัดหาให้ เราจึงใช้ของเราเอง จากนั้นนายจ้างให้ตัวแทนมาเจรจาให้กลับไปทำงานต่อ ซึ่งเราไตร่ตรองดูแล้วการกลับไปทำงานต่อค่อนข้างลำบากเนื่องจากนายจ้าง อนุมัติอะไรแล้วก็กลับคำ ส่งอีเมลล์ไปขออนุมัติก็ไม่ตอบ อีกทั้งขออุปกรณ์พื้นฐานในการทำงานไปก็ไม่จัดหาให้ แล้วยังมีการปิดกิจการบางส่วนเป็นเวลา 5 เดือน โดยบังคับให้พนักงานหยุดงานไม่จ่ายค่าแรงเป็นเวลา 45 วัน จึงยืนยันไปว่าร่วมงานกันไม่ได้อีก ตัวแทนก็ยังยืนยันว่าเราไม่มีปัญหาในการทำงานแต่อย่างใด ซึ่งในการพูดคุยเราได้มีการอัดคลิปวีดีโอโดยขออนุญาต ตัวแทนอัดคลิปแล้วด้วยค่ะ 

ภายหลังออกหนังสือเลิกจ้างมา ระบุว่า

1. ทำงานไม่เป็นที่พอใจ ยอดขายไม่ดี ได้มีการตักเตือนด้วยวาจาหลายครั้ง เทียบกับพนักงานคนอื่นๆ แล้ว เป็นการผิดกฎหมายมาตรา 119(4) ขัดกับระเบียบของนายจ้างอันเป็นคำสั่งอันชอบด้วยกฏหมาย

2. ละเลยไม่ไปพบลูกค้า ถือเป็นการจงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เป็นการผิดกฏหมายมาตรา 119 (2)

จึงรบกวนปรึกษา

1. ยอดขายไม่ดี ตักเตือนด้วยวาจา ไม่เคยมีระบุเป็นเอกสารว่ายอดขายเท่าไหร่ ไม่มีการประเมิน ปรึกษาหาแนวทางแก้ไขไปก็เงียบไม่ตอบรับ ลูกค้าติดต่อมาขอรายละเอียดส่งไปให้ก็ไม่ตอบ อย่างนี้ เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้หรือไม่ค่ะ

2.  ละเลยไม่ไปพบลูกค้า การไปพบลูกค้าปกติแล้วบริษัทไม่ได้ระบุมาเลยค่ะว่าต้องไปพบยังไงไม่มีเอกสารแจ้งหรือบอกกล่าวด้วยวาจา ขึ้นอยู่กับพนักงานว่าจะไปพบยังไง ซึ่งปกติ เราก็จะแบ่งเวลาเองคือ วันจันทร์ โทรนัดลูกค้า จากนั้น อังคาร-ศุกร์เช้า ออกไปพบลูกค้า ซึ่งการพบลูกค้า ก็มีให้เข้าพบบ้าง ให้ฝากเอกสารไว้บ้าง กลับมาตอนเย็นเราก็จะตอบอีเมลล์ เคลียร์เอกสาร (ส่วนใหญ่อีเมลล์จะตอบผ่านมือถือเลยถ้าไม่มีรายละเอียดมากนัก) ศุกร์บ่ายเราก็กลับมาเคลียร์งานเอกสารตอบอีเมลล์ เวลาคุยงานกับผู้ช่วยจะคุยผ่านไลน์หรืออีเมลล์ เพียงแต่หลังจากที่ได้รับแจ้งเลิกจ้างในวันที่ 4 เราก็หยุดการออกไปหาลูกค้า เพราะเอกสารทางบริษัทไม่ได้จัดเตรียมเอกสารสำหรับนำเสนอลูกค้าให้เราอีก และนายจ้างแจ้งว่าให้เราเอาเวลาไปหางานทำ แต่เราก็ยังคงช่วยประสานงานลูกค้าที่มีอยู่ตลอด โดยการคุยทางโทรศัพท์และอีเมลล์ ประสานงานเรื่องการจ่ายเงินมัดจำต่างๆ มีการคุยกับผู้ช่วยทางไลน์ ต้องหาหลักฐานมายืนยันแค่ไหน ตลอดระยะเวลา 1 ปี 4 เดือนเลยหรือแค่ส่วนหนึ่ง หรือถึงวันที่แจ้งเลิกจ้าง อันนี้นายจ้างเอาผิดได้หรือไม่ค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้เลย

3. หนังสือรับรองการทำงานทางบริษัทโทรมาแจ้งว่าไม่ออกให้ค่ะ เราจึงแจ้งไปว่ารบกวนส่งอีเมลล์มาบอกด้วยจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ถูก ทางแผนกบุคคลแจ้งว่าบอกทางวาจาเท่านั้น จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ก็ตามใจ คือเราเข้าใจว่าตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 585 คือยังไงบริษัทก็ต้องออกหนังสือรับรองให้

4. คือเราไปแจ้งว่างงานไว้ที่กรมจัดหางานเพื่อรับประโยชน์ชดเชย ก่อนได้รับหนังสือเลิกจ้าง ว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายมาตรา 119 ถ้าหากมีการฟ้องร้องกันแล้วฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดจริง จะโดนข้อหาแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ไหม

5. ถ้าฟ้องร้องกันเราสามารถฟ้องร้องหมิ่นประมาทได้ไหม เพราะมีการขู่ว่าถ้ามีบริษัทไหนโทรมาสอบถามจะแจ้งไผตามหนังสือสัญญาเลิกจ้าง (หนังสือสัญญาเลิกจ้างมีพยาน 2 ท่าน) ซึ่งทำให้เราเสียชื่อเสียง คือเราเข้าใจว่าจะให้เราไม่ได้มีทางทำมาหากินเลย แถม ตัดรายได้เราทั้งหมด

6. ดอกเบี้ยปรับ 15% ต่อปี คิดทุกๆ 7 วัน หากไม่จ่ายค่าชดเชย คิดยังไง คือคิดได้ตั้งแต่วันสิ้นสุดการทำงานเลยหรือ ต้องรอคำสั่งศาล

รบกวนปรึกษาด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่