วาระปรารภ
สรวิศ ชุมศรี
Mad City บทเรียนจรรยาบรรณสื่อ
มีคนเคยบอกไว้ว่า สื่อมวลชนมีผลกระทบต่อความรู้สึกของสังคมค่อนข้างสูงโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ที่ฉายให้สังคมได้เห็นทั้งภาพและเสียง ดังนั้น ในแวดวงสื่อสารมวลชน ทั้งในเชิงวิชาการที่พร่ำสอนและในภาคปฏิบัติมักจะมีการกำชับเสมอถึงเรื่องความถูกต้อง ครบถ้วนและถูกกำกับไว้ด้วยคำว่า “จรรยาบรรณ”
แต่บางครั้ง “จรรยาบรรณ” ก็ถูกละเมิด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหมือนภาพยนตร์เรื่อง “แมด ซิตี้” หรือ Mad City (1997) ที่สะท้อนถึงผลกระทบจากสื่อมวลชนที่มีต่อสังคม และต่อชายคนหนึ่งจากการละเมิดจรรยาบรรณของสื่อ เป็นเรื่องราวระหว่างผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ แม็กซ์ (ดัสติน ฮอฟฟ์แมน) และ แซม (จอห์น ทราโวลตา) อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ ที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน แม็กซ์ เป็นอดีตผู้สื่อข่าวของเน็ตเวิร์ค แต่ถูกเด้งไปเป็นผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ภูมิภาค ด้วยผลงานที่ไม่เข้าตาผู้บริหาร เขาจึงพยายามที่จะหาข่าวเด็ด เพื่อผลักดันตัวเองกลับเข้าสู่เน็ตเวิร์ค แต่ก็ยังไม่เข้าตาเจ้านาย จนถูกใช้ให้ไปทำข่าวพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้จะล้มเพราะปัญหาทางการเงิน
และแล้ว แม็กซ์ก็เข้าไปสู่สถานการณ์ตัวประกันพร้อมกับเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งและเจ้าของพิพิธภัณฑ์
เมื่อแซม อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เพิ่งถูกไล่ออก กลับมาต่อรองกับเจ้าของเพื่อของานคืน แต่กลับถูกปฏิเสธ เขาจึงชักปืนขึ้นมาขู่ สถานการณ์เลวร้ายลง เมื่อปืนลั่นไปถูกอดีตเพื่อนร่วมงานของแซม ที่เป็นชายชาวผิวดำ แม็กซ์รีบพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของเขาทันที
แม็กซ์รายงานสดเข้าสถานี ข่าวถูกกระจายออกไปถึงการจับเด็กเป็นตัวประกัน พร้อมกับภาพยามผิวดำ ถูกยิง ทรุดลงหน้าพิพิธภัณฑ์ สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นต่างกรูกันมา ยังไม่มีใครได้รายละเอียด นอกจาก แม็กซ์สถานการณ์น่าจะจบลงโดยง่าย แต่แม็กซ์กลับดึงเรื่องให้ยาวออกไป แล้วใช้แซมเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ
บันไดสู่ “เน็ตเวิร์ค”
เขาวางแผนให้แซม จนได้ข่าวเดี่ยว จัดฉากการสัมภาษณ์ ตัดต่อคำให้สัมภาษณ์ เพื่อต้องการปั้นข่าวให้สังคมเห็นใจแซม ปั้นแซมให้ดัง แม็กซ์ทำสำเร็จ เมื่อเน็ตเวิร์คสนใจข่าวนี้ เรื่องราวดำเนินมา จนเกือบจะลุล่วงด้วยดี กระแสสังคมเริ่มเห็นใจแซม แต่แล้วเน็ตเวิร์คก็ส่ง เควิน ฮอล์แลนเดอร์ (อลัน อัลดา) ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง คู่ปรับของแม็กซ์มาทำข่าวนี้ ฮอล์แลนเดอร์มีความเห็นที่ต่างไปจากแม็กซ์ เขามองว่า สังคมไม่ควรให้ความเห็นใจ คนที่จับเด็กเป็นตัวประกัน
ฮอล์แลนเดอร์และแม็กซ์ต่างต้องการเป็นคนทำข่าวนี้
ฮอล์แลนเดอร์ถือแต้มที่สูงกว่า ด้วยการต่อรองกับแม็กซ์ด้วยการให้กลับไปเข้าเน็ตเวิร์ค แต่แม็กซ์ก็ยังไม่ยอม เพราะเขายังถือไพ่อีกใบที่ใช้ต่อรองได้ นั่นก็คือ ความไว้วางใจของแซม ฮอล์แลนเดอร์แก้ข่าวทั้งหมดให้เป็นไปอีกด้านตามความต้องการของเขา เขาต้องการเสนอข่าวในแง่ลบ เสนอความเห็นของคนที่เกลียดแซม ข่าวเริ่มพลิก ผู้คนเริ่มเกลียดแซม แง่มุมที่ขัดแย้งกันระหว่าง 2 คนเริ่มทำให้แม็กซ์ต่อต้านฮอล์แลนเดอร์ เขาพยายามเกลี่ยกล่อมให้แซมมอบตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาพยายามดึงเรื่องไว้ให้เป็นข่าวของเขา
แต่แล้วแม็กซ์ก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ เมื่อแซมเริ่มหลงใหลกับการเป็นข่าว เขาได้เป็นคนดัง
แม็กซ์พยายามช่วยแซมอีกครั้ง ด้วยการนำแซมไปให้สัมภาษณ์กับช่องอื่น แทนที่จะเป็นการให้สัมภาษณ์เดี่ยวกับฮอล์แลนเดอร์ ทางเน็ตเวิร์ค ทำให้ฮอล์แลนเดอร์เสียหน้าและเอาคืน ด้วยการเสนอข่าวในเชิงลบของแซม และรายงานว่า ภาพในด้านดีของแซมเกิดจากการเต้าข่าวของแม็กซ์ เป็นการสมรู้ร่วมคิด สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เมื่อยามชาวผิวดำเสียชีวิตลง สื่อรายงานว่า ยามชาวผิวดำเสียชีวิตเพราะพยายามเข้าไปช่วยเด็ก แล้วถูกแซมยิง
นอกจากนี้ เอฟบีไอก็เริ่มรุกหนัก ด้วยการขู่ที่จะบุกเข้าไป แซมตัดสินใจปล่อยเด็ก แม็กซ์ยังพยายามกล่อมแซมให้มอบตัว ด้วยการยืนยันจะเป็นพยานให้ว่า แซมไม่ได้ตั้งใจจะยิงเพื่อนยาม “ไม่มีใครเขาเชื่อคุณอีกแล้ว” เป็นประโยคปฏิเสธที่แซมให้แก่แม็กซ์ ก่อนที่จะให้แม็กซ์ออกจากพิพิธภัณฑ์ สุดท้าย แซมตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการใช้ระเบิด
โทรทัศน์ทุกช่องกรูเข้าขอสัมภาษณ์แม็กซ์ ไม่เว้นแม้แต่เน็ตเวิร์ค
ฉากสุดท้าย ไม่รู้จะใช้คำไหนสำหรับความรู้สึกของคนดูหนังเรื่องนี้ที่มีต่อแม็กซ์ เมื่อเด็กฝึกงานของแม็กซ์ที่หันไปช่วยงานฮอล์แลนด์เดอร์ได้สัมภาษณ์เดี่ยวเขา เธอพยายามบอกแม็กซ์ว่า ข่าวการตายของแซมเป็นข่าวใหญ่แล้ว และพยายามกันไม่ให้แม็กซ์เช็ดเลือดจากบาดแผลที่ได้จากสะเก็ดระเบิด เพื่อให้ได้ภาพที่ได้อารมณ์ และไม่นาน สื่ออื่นที่เหลือก็โถมเข้ามารุมแม็กซ์
ณ ห้วงเวลานี้ แม็กซ์พูดออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ซ้ำๆกันไป
เขาพูดว่า..
“เราฆ่าเขา”
/////////////
ดูๆไปก็คล้ายกับกรณี ดร.วันชัยนะครับ สื่อเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของคนก็ได้ ระบายความในใจให้คนรู้สึกเห็นใจเขาก็ได้ หรือเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เขาทำสิ่งเลวร้ายก็ได้
ใครยังไม่ดู ลองไปหาดูนะครับ
กรณีของ ดร.วันชัย ดูๆไปก็คล้ายกับหนังเรื่อง Mad City นะครับ
สรวิศ ชุมศรี
Mad City บทเรียนจรรยาบรรณสื่อ
มีคนเคยบอกไว้ว่า สื่อมวลชนมีผลกระทบต่อความรู้สึกของสังคมค่อนข้างสูงโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ที่ฉายให้สังคมได้เห็นทั้งภาพและเสียง ดังนั้น ในแวดวงสื่อสารมวลชน ทั้งในเชิงวิชาการที่พร่ำสอนและในภาคปฏิบัติมักจะมีการกำชับเสมอถึงเรื่องความถูกต้อง ครบถ้วนและถูกกำกับไว้ด้วยคำว่า “จรรยาบรรณ”
แต่บางครั้ง “จรรยาบรรณ” ก็ถูกละเมิด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ /////////////
ดูๆไปก็คล้ายกับกรณี ดร.วันชัยนะครับ สื่อเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของคนก็ได้ ระบายความในใจให้คนรู้สึกเห็นใจเขาก็ได้ หรือเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เขาทำสิ่งเลวร้ายก็ได้
ใครยังไม่ดู ลองไปหาดูนะครับ