ถ้าหากเพื่อนของคุณ เจอกรณีแบบนี้ จะช่วยได้อย่างไรบ้าง (ที่ดิน)

วันนี้มีเรื่องอยากจะปรึกษา เพื่อนๆ สมาชิกถึงปัญหาของคนรู้จักและเป็นคนต่างชาติค่ะ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

บุคคลที่จะกล่าวถึง ก็มีดังนี้
1. นาย เอ เจ้าทุกข์  
2. นาย บี และ ภรรยาไทย
3. นาย ซี และ ภรรยาไทย
4. นาย ดี (แฟนของดิฉันเอง)

เรื่องมันเริ่มมาประมาณ 13 ปี ก่อนหน้านี้ นาย เอ ต้องการที่จะลงทุนเกี่ยวกับ ที่ดิน ในไทย จึงได้นำเงินของบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของมาลงทุน และหาซื้อที่ดิน ประมาณว่าอยากซื้อไว้เก็งกำไรในอนาคต  จึงได้หาซื้อที่ในไทย มีที่ดิน ที่ถูกใจอยู่ 3 แปลง แต่ด้วยกฎหมายที่ว่า คนต่างชาติไม่มีสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดิน  นายเอ ซึ่งไม่มีภรรยาคนไทย จึงได้ขอความช่วยเหลือ จากนายบี คนรู้จักกันมานานซึ่งแต่งงานกับคนไทย ให้ภรรยานายบี ช่วยถือครองแทนตัวเอง จนกระทั่งผ่านไป 10 ปี นายเอ ต้องการที่จะขายที่ดินแปลงนึงที่มีอยู่ จึงได้สอบถามไปยัง นายบี เพื่อนำโฉนดไปให้ผู้ที่ต้องการซื้อดู แต่คำตอบที่ได้คือ  นายบี และภรรยาได้นำที่ดินแปลงนั้นเข้าแบงค์เพื่อกู้ยืมเงินมาใช้แล้ว และตอนนี้ไม่มีเงินไปไถ่คืน คนต้องการซื้อเมื่อทราบจึงยกเลิกการซื้อครั้งนั้นไป

ทางด้านนายเอ เมื่อทราบดังนั้น จึงได้นำเงินของตัวเองไปชำระที่แบงค์ เพื่อไถ่คืนมา และทำให้ไม่ไว้ใจให้นายบี และภรรยา ถือครองที่ดินแทนตัวเองอีก และได้ขอให้ นายซี ที่แต่งงานมีภรรยาไทย ช่วยถือแทน นายซีและภรรยา ตกลงตามนั้น และด้วยความไว้ใจที่รู้จักกันมาสิบกว่าปี จึงได้ให้นายซีถือโฉนดตัวจริงไว้ทั้งหมด เผื่อว่าระหว่างที่นายเอไม่อยู่จะมีคนสนใจต้องการซื้อ แล้วต้องการดูโฉนดตัวจริงจะได้เอาให้ดูได้เลย

แต่ผลปรากฎว่า ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เหตุการณ์เดิม กลับมาอีกรอบ และครั้งนี้หนักกว่าเดิม เมื่อครั้งนี้มีคนสนใจที่ทั้ง 3 แปลงนี้  นายเอจึงได้กลับมาที่ไทยอีกครั้งเพื่อพบกับลูกค้า และไปที่บ้านนายซี เพื่อขอโฉนดตัวจริง แต่นายซี กลับปฏิเสธว่า ตอนนี้อยู่ในเซฟ ไม่มีกุญแจไข เพราะภรรยาของตัวเองเป็นคนเก็บไว้ และตอนนี้ภรรยาตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไปต่างจังหวัด จะกลับมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ทำให้ครั้งนี้การเจรจาขายที่จึงล้มเหลวเพราะ ไม่มีโฉนดตัวจริงไปแสดงให้ลูกค้าดู

นายเอ ได้บอกกับ นายซี ว่าจะมารับเอกสารตัวจริงเดือนหน้า ช่วยเก็บให้ด้วยหากว่าภรรยาของเขามาแล้ว  นายซี รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่แล้วพอถึงเวลานัดหมาย นายซีกลับบอกว่า กุญแจหาย เปิดไม่ได้ นายเอ ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากบอกว่า เดือนหน้ากลับมาอีกรอบ เดี๋ยวค่อยหาทางเปิดเซฟกัน ทำให้ตอนนี้ เกิดความสงสัยในตัวของ นายซีมากขึ้น  นายเอ จึงได้มาปรึกษานายดี ว่าจะทำยังไงดี  นายดี จึงแนะนำไปว่า นายซี และ นาย บี ค่อนข้างจะสนิทกันระดับนึง ลองให้นายบี ช่วยไปดูให้ดีไหม  เมื่อได้ขอความช่วยเหลือไปยังนายบี เขาก็ตกลงที่จะไปดูที่บ้านของนายซี ให้ และผลปรากฎว่า ภรรยานายซี อยู่ที่บ้าน ไม่เคยไปไหนเลย และเรื่องโฉนดที่ดินนั่นก็ยังอยู่ที่ นายซี

หลังจากที่ได้ทราบความจริง ทำให้นายเอ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่า ตัวเองเป็นคนต่างชาติ ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินตั้งแต่แรก และในเอกสารที่ดินก็เป็นชื่อของภรรยานายซี อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ทำไม่ได้อยู่ดี ผ่านไปประมาณ 3 เดือน จึงได้เข้าไปพบนายซี อีกครั้งที่บ้าน เพื่อที่จะได้ขอร้องให้นายซีและภรรยา โอนกรรมสิทธ์ที่ดิน ให้กับ เพื่อนอีกคนของนายเอ  แต่นายเอ ก็บอกว่า ตอนนี้เอาที่ดินไปกู้เงิน นำมาใช้ 2 แปลง แปลงละ 10 ล้าน และที่ๆ ไปกู้ก็เป็นเงินกู้นอกระบบ ด้วย ไม่มีเอกสารให้ ช่วยไม่ได้จริงๆ จะฆ่า จะแกงกันก็ได้ หรือจะเอารถยนต์ (เก่าๆ) ตัวเองไปก็ได้ มอไซด์ก็ได้ แต่โฉนดนั้นไม่มีแล้ว รึจะให้ผ่อนคืนก็ได้ตอนนี้เขาได้รับเงินบำนาญเดือนละ สามหมื่นกว่า  (ณ ตอนนี้ นายซีอายุ 74 ปี)

นายเอ พูดอะไรไม่ออก นายดี จึงเสนอว่า ถ้าหากว่าตอนนี้ ที่ดิน 2 แปลงไม่ได้อยู่ในมือ งั้นขอให้ นาย ซี ช่วยโอนสิทธิ์ในที่ดินอีกแปลงให้ได้หรือไม่ อย่างน้อยก็ยังได้มาแปลงนึง  นายเอ จึงนัดนายซี มาพบ เพื่อเจรจากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายซีตอบว่า เดี๋ยวกลับถึงบ้านจะไปบอก ภรรยาตัวเองให้ แล้วจะโทรบอกอีกที  แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แวว ของโทรศัพท์ จึงได้ไปตามที่บ้าน แต่ ณ ตอนนี้ เวลานี้ ทั้ง 2 สามีภรรยา ได้หนีไปแล้ว ติดต่อไม่ได้เลย

ณ วันนี้ นายเอ ได้แต่คิดว่า จะบอกกับพี่ชายที่เป็นเจ้าของบริษัทร่วมกันยังไง เพราะเงินที่นำมาลงทุนตรงนี้เป็นเงินบริษัท และตอนนี้ก็มีปัญหาเกิดขึ้นต้องการเงิน หากไม่ได้เงินจากตรงนี้ บริษัทต้องล้มละลาย แม้ตัวเองจะไม่มีครอบครัว แต่ก็มีแม่ให้ดูแล และครอบครัวพี่ชายก็มี ภรรยาและลูกๆ อีก  ดิฉันก็ได้แต่รับฟัง และบอกว่า บางที นายซี และ ภรรยาอาจจะต้องการฮุบที่ดินทั้งหมดเลยก็ได้ หรือไม่ ก็เป็นเรื่องจริงที่เขาบอกว่า ไปกู้ยืมเงินมา เพราะเขาอาจจะติดการพนัน  และอาจจะไม่ได้ทำคนเดียว นายบี ก็อาจจะช่วยเหลือเขาอยู่ก็ได้

คือ อยากถามว่า ปัญหานี้ไม่มีทางออกแล้วจริงๆ ใช่รึเปล่า สรุปสุดท้าย นายซี และภรรยาก็ได้เป็นเจ้าของที่ดินโดยที่ไม่เสียอะไรเลยสักบาท เขาไม่เคยแม้แต่จะกล่าวคำว่าขอโทษกับนายเอ ทั้งที่รู้จักกันมาตั้งนาน  และตอนนี้ก็หนีหายไป และสุดท้ายนาย เอ ต้องเป็นผู้รับผลกระทบอยู่คนเดียวใช่รึเปล่าคะ  จริงๆ แล้วจะบอกว่าเขาโง่ ก็โง่ ที่ทำอะไรไม่เคยคิดปรึกษาทนายหรือนักกฎหมายเมืองไทยเลย ทำอะไรเองโดยไม่คิด ทั้งที่เป็นเจ้าของบริษัท  แต่ใครจะคิดว่า คนที่รู้จักกันมาสิบกว่าปี จะทำกันได้ลงคอ  ไม่มีทางที่จะเอาคืนคนทั้ง 2 นั้นเลยจริงๆ หรือคะ  

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆ ความเห็นและคำแนะนำค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่