ประสบการณ์ในแดนมังกร (ฮาร์บิ้น) กับ Summerjeen

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะทุกๆคนนน   นี่คือรีวิวแรกของเราในการเขียนลงพันทิป ที่อยากมาแชร์และเล่าประสบการณ์สู่กันฟังค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขอแนะนำตัวสักนิดค่ะ เราชื่อ  บุ๊ค  (ด.ญ.บูรพาพร) ค่ะ ได้มีโอกาสไปซัมเมอร์ที่ฮาร์บิ้น (ระยะสั้น 1 เดือน 3 เม.ย .- 30เม.ย. 2559)โดยได้ไปเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิ้น (哈尔滨工程大学)



ต่อจากนี้ก็จะเล่าว่าทำไมถึงได้ไปฮาร์บิ้นนะคะ    ก็เริ่มจากว่าเราเป็นติ่งเกาหลี (ก้ไม่เชิงนะ) แล้วพ่อแม่เราก้เป็น ติ่งหนังจีน (ก้ไม่เชิงอีก) ฮ่าๆๆ  พอหลังจากนั้นก็รู้สึกว่าได้โต้วาทีกันระหว่างติ่งจีน VS ติ่งเกาหลี  อ้อ!ลืมบอก เรามีน้องสาวกับน้องชายค่ะ  น้องสาวติ่งเกาหลีมากๆ ส่วนน้องชายก้ติ่งจีนมากๆ  เราไม่ชอบประเทศจีนจากหลายๆปัจจัย  พอมาวันหนึ่งแม่เราเจอโครงการซัมเมอร์โครงการหนึ่งก้เลยมาถามว่าลองไปไหม(แม่ก็รู้อยู่แล้วแหละว่าเราไม่ชอบประเทศจีนมากๆยังไงก็ไม่ไปแน่นอน) แต่ใครจะคิดว่าเราอยากจะลองไป เลยตอบตกลง  แม่เลยบอกว่างั้นก็ลองไปดู หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาไปเรื่อยๆว่าโครงการไหนน่าไว้วางใจ(เราไม่เคยไปซัมเมอร์มาก่อนนะ แต่ปีนี้ดันอยากไปเฉยเลย555) หาไปเรื่อยๆจนเห็น โครงการของ Summerjeen ประกอบกับหลายๆรีวิว  ก่อนไปก็ต้องมาประชุมกับพวกพี่ๆโครงการ  (พี่โครงการคือ พี่ก้อย กับพี่โจอี้ เป็นผู้หญิงทั้ง 2 คนนะคะใจดีมากๆ)  ว่าต้องเตรียมตัวยังไง อะไรประมานนี้ค่ะ พวกพี่ๆสรุปยอดออกมาคือมีทั้งหมด 35 คน เนื่องจากคนเยอะเลยแบ่งเป็น 2 กรุ๊ปค่ะ   แล้วก็มาถึง....... วันที่จะได้ไปแล้ว T-T ตอนนั้นอยากเปลี่ยนใจกระทันหันมากๆ เพราะว่ากลัวว่าจะอยู่ไม่ได้ แต่ก็ต้องไปค่ะ พอมาถึงสุวรรณภูมิพี่ก้อยก็นัดรวมตัวกัน (กรุ๊ป 1 ) ที่ประตู 9





     เครื่องขึ้นประมานตี1 แต่ปรากฏว่าดีเลย์ O_O!  นั่งรอไปค่ะ (ง่วงมากกกกกกกก) แล้วเครื่องก็ออกประมาณ ตี3(ถ้าจำไม่ผิดนะ)นั่งจากสุวรรณภูมิไปเซี่ยงไฮ้ค่ะ (7 ชม.) แล้วก็นั่งจากเซี่ยงไฮ้ไปฮาร์บิ้น  แต่ปรากฏว่าพายุเข้าต้องหยุดเครื่องลงที่ จี้หนิง นั่งรอประมาน 1 ชม. จนได้ขึ้นเครื่องต่อไปฮาร์บิ้นค่ะ

สนามบินเซี่ยงไฮ้




สนามบินจี้หนิง


อาหารที่กินบนเครื่อง ตอนนั้นยังรู้สึกว่าไม่อร่อยเลย 555555


ก่อนลงสนามบินที่ฮาร์บิ้น (คิดในใจ มันจะหนาวถึงติดลบมั้ยตอนนี้)  พอถึงสนามบินฮาร์บิ้น จะเข้าห้องน้ำห้องน้ำสกปรกมากๆๆ ลอยตุ๊ป่องๆ 5555 เราเลยไม่เข้าแล้วรอไปหอพักดีกว่า  แล้วก็มีรถของโครงการมารับไปสนามบินค่ะ พอมาถึงมหาวิทยาลัย สวยและใหญ่มากๆๆ  

มหาวิทยาลัยยยยย





หลังจากนั้นพี่ก้อยก็พาไปเปิดซิมแล้วก็ไปกินข้าวตอนเย็นกันๆๆ






       ข้าวเย็นมื้อแรก ตามคาดค่ะ ไม่กล้ากิน พอลองแล้วรสชาติก็แปลกๆ เปรี้ยวๆเค็มๆ (เหมือนน้ำส้มสายชูผสมเกลือ55555)เลยไม่กินต่อดีกว่า พอกลับไปถึงหอพักจะเข้าห้องก็พยายามไขกุญแจแล้วก็พยายามเปิด แต่!! มันก็ยังเปิดไม่ออก ทำยังไงก็ยังเปิดไม่ออกค่ะ แล้วห้องข้างๆก็เปิดไม่ได้เช่นเดียวกัน สรุปคือคนอื่นเข้าห้องหมดแล้วเหลืออยู่ 2 ห้อง สักพักเสียงกึ๊ก!! ก็อุตส่าห์ดีใจจะได้เข้าห้องซักที(ยืนมากกว่า 10นาทีแล้ว) 555 ที่ไหนได้ ห้องข้างๆเปิดได้แล้ว  ToT เพื่อนก็มาช่วยกันเปิดห้องเราเลยได้รู้จักกัน  ในใจก็คิดว่า อ๋อ! คนนี้ไงที่ทำกล้องกระแทกเพดาน พอลองเปิดไปก็ไม่ออกเลยโทรไปหาพี่ก้อยค่ะ  พี่ก้อยมาไขครั้งเดียวเข้าได้เลย ตอนแรกก็คิดว่าพี่ก้อยมีพลังเยอะจัง เลยลองถามวิธีไขค่ะ พี่ก้อยบอกว่ามันเป็นทริก  เราก็ลอง เฮ้ยย!! มันก็เปิดออกนะ พี่ก้อยบอกว่าลองเปิดใหม่ดู มันก็ออก พอพี่ก้อยกลับห้องเราเลยฝึกไขประตูเล่น  แต่ทว่าทำไมมันไม่ออกก็เลยโทรถามพี่ก้อยใหม่ 55555



วันแรกของการอยู่ฮาร์บิ้นทั้งวัน ก็ไปกินข้าวแล้วก็ไปเจอกับกลุ่มกรุ๊ปที่ 2   พวกพี่ๆในกรุ๊ปจะดีทุกคนเลยยย  แล้วก็ไปสอบวัดระดับ ผลออกวันนั้นเลย ฮ่าๆ มีทั้งหมด  7 คลาส A ,A+,B,c,d,e และ F  เราได้เรียนห้อง A แล้วก้ได้ลองเรียนตอนบ่ายคือคาบกู่เจิ้งนั่นเอง  ดีดจนเจ็บมือเลย




เราอยากลองไปเรียนคลาส A+ ดู ว่าจะเป็นยังไง เลยขอพี่ก้อยลองค่ะ  (ลืมบอกว่าคลาส A ต่างกับ A+ ตรงที่คลาสA+ มีพื้นฐานมากกว่าคลาส A )  กลายเป็นว่ากลัวไปด้วยว่าจะเรียนไหวมั้ย จะเรียนได้มั้ย  จะเรียนทันมั้ย เพราะคนอื่นเค้ามีพื้นฐานกันหมดแล้ว เลยอยากขอพี่ก้อยลงมาเรียน A เหมือนเดิม ด้วยความที่ว่าได้หนังสือแล้ว ก้เลยไม่กล้าขอ เลยคิดว่าลองดูก้ได้ไม่เสียหายอะไร 55555   





กังฟูๆๆๆๆ


พู่กันจีน



     พอลองจำเส้นทางไปเรียนแล้วพี่ก้อยลองปล่อยให้ลองเดินไปเอง ไปกินข้าวเอง    ไปกินข้าวนี่ต้องสุ่มบ้าง พี่ในกลุ่มช่วยพูดให้บ้าง (สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อ จะมีความรู้สึกว่าที่สั่งมานี่มันคือเนื้ออะไร ก็จะระแวงมากๆ 55555 ถ้าไม่ได้ถามแม่ค้านะ)แต่ตกเย็นมาอาหารที่กินคือ มาม่า 555555 ปัจจุบันนี่เบื่อมาม่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกๆเลย 555555

โรงอาหาร



ข้าวในโรงอาหาร




    วันแรกของการไปเรียนคลาส A+ ครูก้ถามว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้พูดนะ แล้วก็มีพี่(ญาติ)ก็ถามว่าชื่อจีนอะไร เราก็บอก ชื่อเซี่ยมหงส์(เป็นจีนแต้จิ๋ว) ค่ะ แล้วพี่ก็ไปบอกครูว่า เขาชื่อเซี่ยวหงส์  (เราก็ ห้ะ) พี่ก็ถามต่อว่าอายุเท่าไหร่ เราก็บอก 14 ค่ะ ด้วยความที่เลข 10 กับ 4 ภาษาจีนคล้ายๆ กัน  พี่ก็เลยบอกครูว่า เราอายุ 40  (อะไรนะ !!!) สักพักครูก็หัวเราะแต่เราก็ไม่ได้พูดแก้ค่ะ  คุณครูใจดีมากๆค่ะ ให้ทุกคนตอบฝึกภาษาและไวยากรณ์ค่ะ หลังๆมาเพื่อนๆก็เรียกเราว่าแดงเล็ก   แดงเล็กมานี่สิแดงเล็ก 55555  


ช่วงแรกๆก็ตื่นเช้าค่ะ หลังๆนี่ก้สายมากๆ   ปกติเริ่มเรียน 8 โมง ใช้เวลาเดินจากหอพักไปที่เรียนก็ 10 กว่านาที ตอนนั้นเวลา7.45 เรากับเพื่อนก้รีบเดินไปเรียน แล้วอยู่ๆเราก็เสนอความเห็นมาว่าไปก่อนเลย เค้าจะไปหาทางลัดก้ ไปกับเพื่อนชื่อหยกค่ะ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อ ไข่ (ตั้งโดยคนในกลุ่ม)5555555   ขอบอกก่อนเลยว่าเรากับไข่ไม่รู้ทางเพราะยังจำทางไม่ได้พอขอแยกกับคนที่รู้ทางก้เดินค่ะจากที่มันจะลัดมันก้อ้อม นานมากคิดว่าน่าจะไปทางนี้ก้ไปตอนนั้นยังไม่ได้กินข้าวค่ะเพราะตื่นสาย เดินอ้อมเจอร้านขนมปังก็รีบซื้อไปถึงห้อง 8โมง 10 กว่านาที แต่โชคดีที่ครูยังไม่มา เลยรอดตัวไป 55555




พอมีเวลาว่างๆเราก้จะไปเดินเล่นที่มาร์ทบ้าง เล่นบาสบ้าง ซื้อไอติมมากินบ้าง


เล่นบาสสส



ข้อแนะนำ !!  -ไอติมที่ฮาร์บิ้นอร่อยมากๆ ราคาค่อนข้างถูกกว่าเมืองไทยด้วยโดยเฉพาะแบบเป็นถ้วยกระปุก    (เรากินตอนเที่ยงค่อนข้างบ่อย5555)
-อุปกรณ์การเรียนก็ถูกมากๆ ถูกกว่าเมืองไทยเยอะเลย
-ในตลาดมหาลัย จะขายพวกชานม อุปกรณ์กีฬา ขนมบลาๆๆ  CoaCoa with Oat อร่อยมากๆ
-ร้านอาหารในตลาดมหาวิทยาลัยก็อร่อยค่ะ  หมาล่าทัง เป็นแบบุฟเฟต์จ่ายเงินตามน้ำหนัก แม่ค้าจะเอาของที่เราสั่งไปต้มให้
          การมาเรียนที่นี่ทำให้ได้ฝึกภาษาจีน ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ความเป็นอยู่ของประเทศจีน ได้พบเพื่อนใหม่ๆ ได้รู้จักคนมากขึ้น  


หลังจากนี้จะเล่าวีรกรรม สถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็อื่นๆค่ะ  โปรดติดตามตอนต่อไปปปปปค่ะ 5555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่