###เตรียมขอหมายค้น หาก26นี้'ธัมมชโย'ไม่มอบตัว ###

อ้างอิง
http://www.dailynews.co.th/crime/398951

___________

เตรียมขอหมายค้น'ธรรมกาย' หาก26นี้'ธัมมชโย'ไม่มอบตัว | เดลินิวส์
„เมื่อวันที่ 20 พ.ค.นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานการสอบสวน ซึ่งร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอสอบสวนคดี พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหา คดีฉ้อโกงทรัพย์ฯ กล่าวถึงความคืบหน้า หลังศาลอาญามีคำสั่งให้ออกหมายจับพระธัมมชโยว่า อยากให้การดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เป็นไปตามกติกาของบ้านเมือง การออกหมายจับดังกล่าวเป็นการออกโดยศาล ซึ่งผ่านการพิจารณาแล้ว ซึ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้ศรัทธา แต่คณะทำงานไม่ได้กระทำโดยพลการแต่เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ดีเอสไอ อัยการ และที่ปรึกษาดีเอสไอที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า การดำเนินการเฉพาะพระธัมมชโย นั้นไม่เป็นความจริง ในตอนนี้มีการสอบสวนอยู่ถึงบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องการฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ อีกกว่า 10 คดี และมีอีกหลายกลุ่มคนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเงินที่นำมาฟอกนั้นในทางสอบสวนพบว่า มีการนำเงินกระจายไปหลายกลุ่มทั้งกลุ่มที่เป็นพระลูกศิษย์ และอีกหลายกลุ่ม การที่นำเรื่องนี้ไปร้อง ป.ป.ช.ว่า คณะทำงานดำเนินการโดยมิชอบว่า เป็นการดำเนินการซ้ำซ้อน จากที่เคยมีการสั่งไม่ฟ้องพระธัมมชโยไปแล้วนั้น ความจริงคือ ยังไม่เคยมีการสั่งคดีจากทางอัยการแต่อย่างใด เช่นคดีแรก ทางอัยการก็มีผลการสั่งคดีแล้วว่า หากการสืบสวนสอบสวนอย่างไรก็ให้ดำเนินการต่อไป ในชั้นนี้ยังไม่เคยมีกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยแต่อย่างใด แต่เป็นการพิจารณาคดีต่อเนื่อง เช่น จากการจับ นาย ก. แล้วก็มาดำเนินการกับนาย ข. ต่อซึ่งเป็นไปตามกฎหมายไม่ใช่จับคนเดียวก็หมด และจะมีคนดำเนินคดีอีกหลายกลุ่ม "อย่างเรื่องใบรับรองแพทย์เราก็จะเห็นกันได้ชัดว่า ใบรับรองแพทย์ดังกล่าวนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการพิจาณาขออนุมัติออกหมายจับ จะเป็นการพิจารณาโดยพนักงานสอบสวน จากศาลว่ามีเหตุหรือไม่ จริงอยู่ แม้พระธัมมชโยจะอ้างว่า ไม่มีการหลบหนี แต่ศักยภาพในการหลบหนีนั้นมีสูง ซึ่งที่เรากลัวคือความวุ่นวาย เพราะมีการปลุกระดมคนขึ้นมา ตรงนี้ถ้ามีพฤติการณ์ จึงเห็นว่าควรให้พระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อไม่ให้มีปัญหา" นายขจรศักดิ์กล่าว ส่วนที่มีการถามว่า เหตุใดคณะทำงานไม่เข้าไปสอบปากคำในวัดนั้น ขอชี้แจงว่า ที่เข้าไปครั้งแรกและไปสอบปากคำพระธัมมชโย ในฐานะพยาน ซึ่งตอนนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ในวันนี้ท่านเปลี่ยนฐานะเป็นผู้ต้องหาแล้ว การเข้าไปสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นสถานที่รโหฐาน ตามกฏหมายแล้วจะต้องมีหมายค้น ซึ่งการเข้าไปสอบ และแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโย โดยไม่มีการขอหมายค้น การสอบสวนจะเป็นการสอบสวนที่มิชอบ และในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ดีเอสไอนัดให้มามอบตัว ถ้าพระธัมมชโยเดินทางมามอบตัวจริง ทางคณะทำงานก็จะพิจารณาให้ประกัน ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานในการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงกระบวนการ ทั้งนี้ ในวันที่ 23-24 พ.ค. คณะทำงานก็จะประชุมกันว่า หากพระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหา เราจะใช้วิธีการหรือดำเนินการอย่างไรดี แต่หลักใหญ่ๆ จะไม่มีการใช้กำลัง จะเข้าอย่างมีเกียรติ หากต้องเข้าไปที่วัดจริง เราจะเข้าไปอย่างมีเกียรติ ไม่มีการพกอาวุธ มีคนเข้าไปที่จำเป็น และมีการประสานกับทางวัดล่วงหน้า โดยจะไปขอหมายค้น และทำการค้น อย่างไรก็ตาม ตนยังหวังว่าพระธัมมชโยจะมารายงานตัว ที่ดีเอสไอ และจะได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนอย่างแน่นอน แต่หากพระธัมชโยไม่มารายงานตัว แล้วภายหลังคณะทำงานเข้าไปที่วัด แล้วเกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา มาตรการต่างๆ ของคณะทำงานก็จะต้องเปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ต้องมีการค้นตามหมาย ซึ่งแม้เหตุรุนแรงไม่ได้มาจากตัวพระธัมมชโย แต่มาจากลูกศิษย์ ก็อาจะต้องมีการคัดค้านการประกันตัว ถึงตรงนั้นพระธัมมชโยก็จะต้องเดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อประกันตัว ส่วนคำถามว่า จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มนั้น ที่ผ่านก็มีการเรียกทนายความของพระธัมมชโย มาชี้แจงถึงกรณีที่เข้าไปพัวพัน แต่ก็ชี้แจงว่า เข้าไปแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย แต่ขอเวลาไปหารายละเอียดเพื่อมาชี้แจงเพิ่มเติม ตอนนี้มีการทยอยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบปากคำเรื่อยๆ แต่เฉพาะชุดของพระธัมมชโย มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วอีก 2 คน และคาดว่าจะมีอีก 4-5 คน ส่วนต่อนี้จะมีการขอศาลออกหมายจับอีก 1 คน ที่เป็นผู้หญิงที่เซ็นสลักหลังเช็ค เป็นร้อยล้าน และหลบหนีไปแล้ว นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า อยากจะขอร้องว่าไม่อยากให้มีการปลุกระดม และไปร้องเรียนแจ้งข้อกล่าวหา กับทีมสอบสวนมั่วไปหมด ต้องอย่าลืมว่าแม้จะเป็นสิทธิในการแจ้ง แต่การนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปแจ้ง มันจะย้อนกลับมาใส่ผู้แจ้งเอง การดำเนินการของคณะทำงานไม่ใช่เป็นคนเดียว แต่เป็นรูปแบบคณะกรรมการ ข้อต่อสู้ที่มีการพูดออกมา ควรเอาไปใช้ในชั้นศาล สำหรับที่มีการวิเคราะห์กันว่า มีการล่ารายชื่อ 1 แสนชื่อ เพื่อหวังผลขอลี้ภัยตามกฏหมายตามหลักสากลได้หรือไม่ นั้นนายขจรศักดิ์ตอบว่า คดีนี้เป็นคดีฟอกเงินที่เป็นเรื่องของอาชญกรรม เป็นคดีอาญาทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องที่จะขอลี้ภัยและไม่เข้าใจว่าคิดเรื่องนี้ทำไม คิดว่าไม่ใช่ทางตัวพระธัมมชโยทำเอง เพราะทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตนเองก็เคยได้ยินท่านพูดเองว่าจะตายคาวัด “การที่ไปร้องตามที่ต่างๆ เช่นศูนย์ดำรงธรรม ผมว่ามันไม่ใช่ นี่ไปๆ มาๆ จะไปหาโอบาม่า ผมยังนึกว่า เรื่องโจ๊ก ถามว่านี่คุณอยู่ประเทศไทย ระบบกฏหมายไทย อย่าไปคิดว่าพนักงานสอบสวนทำแล้วจบ ยังมีการสู้กันในชั้นศาลอีกเยอะ ถ้า วันที่ 26 พ.ค.นี้ท่านไม่มา เเละจะต้องมีเข้าไปในวัด ผมก็จะเข้าไปด้วย และไม่หวั่นเกรงการที่เราจะเข้าไปจับกุมบุคคล โดยเราจะต้องขอหมายค้น และเข้าไปอย่างสุภาพบุรุษ แล้วเข้าใจว่าทางวัดก็จะต้อนรับไม่มีเหตุรุนแรง ตามกฏหมายเมื่อเราเข้าไปตามหมายจับ และมีหมายค้น แล้วสามารถแจ้งข้อกล่าวหาในวัดได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องรอสรุป จากที่ประชุมก่อนว่า การดำเนินการจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้เกิดคือ ความรุนแรง หรือความอึกทึก" นายขจรศักดิ์ กล่าวตอนท้าย..“
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่