ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี....มันเครียดมากแล้วอัดอันเหลือเกิน
สำหรับเรื่อของฉเรามีอยู่ว่า..เราได้แต่งงานมา ประมาณ 3 ปีแล้ว คนที่เราแต่งงานก้อคบเป็นแฟนกันมากอนแล้ว 2 ปี จึงแต่ง เราย้อนนึกต้องที่เป็นแฟนกันเขานิสัยดีมาก ยอมเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ตามใจ จนบางครั้งเราเหมือนจะได้ใจ (ตัวอย่างแม้แต่ตอนเช้าๆๆก้อเขี่ยขี่ตาตื้นมาซื้อข้าวเช้าให้ถึงหน้าหอซึ่งอยูห่างจากหอเขาประมาน 5 กม.) ทุกวันโดยไม่ได้ใช้ให้ทำและอีกมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขารักเรา....จนเราเรียนจบมาทำงานได้หนึ่งปี พ่อแม่เราก้อชอบเขาจึ่งตัดสินใจให้แต่งงาน แต่ด้วยความแตกต่างเรากับเขา คือ เขาลำบากไม่มีเงินสินสอด พ่อเราก้อให้เงินไปประมาณหนึ่งว่างเป็นสินสอดเพื่อที่จะได้ไม่อายหน้าใครในงานแต่ง .....พอแต่งงานเสดเท่านั่นแหละ เราจึ่งรู้ว่าเขาเรียนไม่จบ (เขาเรียนช้ากว่าเรา 1 ปี หลักสูตรเขาต้องเรียน 5 ปี ทำให่เราจบก่อนเขา) แล้วงานที่เขาทำก้อไม่เกียวกับเรียน เมือเรียนไม่จบ วุฒไม่มีก้อหางานที่แถวบ้านลำบาก พ่อจะหางานให้ก้อไม่ได้ ตอนนั้นเราและครอบครัวก้อเสียคาวมรู้สึกมาก.. เราจึงตัดสินใจออกจากงานที่ทำ มาหางานที่ ต่างจังหวัด เพราะเขาได้งานที่นั่น ..เมือเราแยกกับครอบครัว เราก้อมุ่งมังทำงาน จนเรามีเงินก้อน ก้อได้ซื้อรถ แต่สำหรับเขาทำงานไปก้อต้องส่งแต่ที่บ้าน ที่บ้านขอก้อส่ง จน 3 ปีหลังแต่งงานเขาก้อไม่มีเงินเก็บ เดือนชนเดือนตลอด ที่บ้านเขาก้อต้องส่งทุกเดือน พี่น้องคนอืน ไม่เรียน ก้อไม่ช่วยหางานทำกัน เขาก้อกลายเป็นเสาหลักของครอบครวัเขา .. เรารู้สึกท้อมากที่เขาไม่มีเงินเก็บ ส่วนเราก้อผ่อนรถ เก็บได้ก้อเดือนไม่ถึ่งหมื่น กลายเป็นจะสร้างความมั่งคงก้อไม่มี จะคลอดลูกก้อกลัวลำบาก ถ้าเราไม่ทำงาน รถเราไม่มีเงินผ่อน ...เขาเริ่มไม่มีความคิดเหมือนเรา จากที่ตามใจเราทุกอยา่งก้อเปลี่ยนไปหมดแล้ว เขาทำงานวันละ 9 ชม. ส่วนเราก้อทำโอทีทุกวันรว่มวันละ 12 ชม. กลับมาก้องานบ้านอีก เขาไม่แตะต้องเลยงานบ้านทุกอย่าง ซำยังทำบ้านรกอีก แม้แต่เสื้อที่ถอดยังไม่ใส่ลงตะกร้าเลย นับภาษาอะไรกับอย่างอื่น ติ้นมาต้องมีข้าวกิน เราก้อต้องจัดมันต่างกันมากกับตอนที่คบกัน .. เรารู้สึกเหนื่อยมาก กับชีวิตคู่ แต่เราก้อยอมๆๆไป เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ด้วยความที่เรารักเขา เขาออยากได้รถบิ๊กไบท์ เราก้อออกเงินซื้อให้เขา แล้วให้เขาผ่อนกับเรา จนเหลืออีกประมาณ 10000 บาทก้อไม่จ่ายแล้ว..... จนถึงวันนี้ เขาลาออกจากงานโดยไมปรึกษาเรา ..แล้วขอยืมเงินเรา 50000 บาท เพื่อจะไปขายของทำงานค้าขาย แต่เขาก้อชวนเราไปลงทุนทำด้วยกัน ส่วนตัวเรา เราไม่เห็นด้วย 1. เพราะเราไม่ชอบ 2. เราไม่มีความถนัด และฝีมือที่จะทำมากินแบบนั้นเลย เราจึงอธิบายและคุยด้วยเหตุผลพยายามอธิบายแต่สิง่ที่เราได้รับคือ ข้าวของในบ้านกระจัดกระจายหมด (ดีนะทีเขาไม่ทำเรา) เมื่อคุยกันไม่เข้าใจ นิสัยเราก้อเงียบ แล้วเรื่องนั้นก้อค้างคา
เฮ้ยเราเบื่อมากกับชีวิตคู่ เราคิดว่าถ้าอยู่ไม่ได้เราก้อจะเลิก แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดมาก ก้อคือ เลิกแล้ว พ่อแม่เราจะเสียหน้าไหม ..เรื่องนี่เรายังไม่ปรึกษาพ่อแม่เราเลย เราคิดว่าถ้าเราคุยกันสองคนไม่จบ เราก้อต้องปรึกษาแม่ แล้วแต่แม่จะว่ายังไงแล้วละ ..... เพราะกับเขา เราเหมือนจะหมดความรัก และความอดทน
มีผู้หญิงคนไหนบ้างนะที่ต้องเจอเหมือนเรา .. เราอยากรู้ว่าเขารู้สึกเจ็บเหมือนเราไหม มีไหมคนที่มีปัญหาเหมือนเรา เจ็บเหมือนเรา....จากภายนอกที่เราต้องยิ้มให้กับคนที่ทำงาน ต้องยิ้มให้ลูกน้อง ต้องยิ้มให้หัวหน้า ต้องยิ้มให้ลูกค้า ต้องรวบร่วมสติอย่าทำงานให้พลาด...จนคนชื่นชมว่าเก่ง ดีพร้อมแต่สำหรับเรา เราก้อคนที่โชคร้ายคนหนึ่งที่มีแต่ปัญหา....
ใคมีปัญหาชีวิตคู่ที่ต่างกัน หรือฉันคิดผิดที่แต่งกับเขา....!
สำหรับเรื่อของฉเรามีอยู่ว่า..เราได้แต่งงานมา ประมาณ 3 ปีแล้ว คนที่เราแต่งงานก้อคบเป็นแฟนกันมากอนแล้ว 2 ปี จึงแต่ง เราย้อนนึกต้องที่เป็นแฟนกันเขานิสัยดีมาก ยอมเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ตามใจ จนบางครั้งเราเหมือนจะได้ใจ (ตัวอย่างแม้แต่ตอนเช้าๆๆก้อเขี่ยขี่ตาตื้นมาซื้อข้าวเช้าให้ถึงหน้าหอซึ่งอยูห่างจากหอเขาประมาน 5 กม.) ทุกวันโดยไม่ได้ใช้ให้ทำและอีกมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขารักเรา....จนเราเรียนจบมาทำงานได้หนึ่งปี พ่อแม่เราก้อชอบเขาจึ่งตัดสินใจให้แต่งงาน แต่ด้วยความแตกต่างเรากับเขา คือ เขาลำบากไม่มีเงินสินสอด พ่อเราก้อให้เงินไปประมาณหนึ่งว่างเป็นสินสอดเพื่อที่จะได้ไม่อายหน้าใครในงานแต่ง .....พอแต่งงานเสดเท่านั่นแหละ เราจึ่งรู้ว่าเขาเรียนไม่จบ (เขาเรียนช้ากว่าเรา 1 ปี หลักสูตรเขาต้องเรียน 5 ปี ทำให่เราจบก่อนเขา) แล้วงานที่เขาทำก้อไม่เกียวกับเรียน เมือเรียนไม่จบ วุฒไม่มีก้อหางานที่แถวบ้านลำบาก พ่อจะหางานให้ก้อไม่ได้ ตอนนั้นเราและครอบครัวก้อเสียคาวมรู้สึกมาก.. เราจึงตัดสินใจออกจากงานที่ทำ มาหางานที่ ต่างจังหวัด เพราะเขาได้งานที่นั่น ..เมือเราแยกกับครอบครัว เราก้อมุ่งมังทำงาน จนเรามีเงินก้อน ก้อได้ซื้อรถ แต่สำหรับเขาทำงานไปก้อต้องส่งแต่ที่บ้าน ที่บ้านขอก้อส่ง จน 3 ปีหลังแต่งงานเขาก้อไม่มีเงินเก็บ เดือนชนเดือนตลอด ที่บ้านเขาก้อต้องส่งทุกเดือน พี่น้องคนอืน ไม่เรียน ก้อไม่ช่วยหางานทำกัน เขาก้อกลายเป็นเสาหลักของครอบครวัเขา .. เรารู้สึกท้อมากที่เขาไม่มีเงินเก็บ ส่วนเราก้อผ่อนรถ เก็บได้ก้อเดือนไม่ถึ่งหมื่น กลายเป็นจะสร้างความมั่งคงก้อไม่มี จะคลอดลูกก้อกลัวลำบาก ถ้าเราไม่ทำงาน รถเราไม่มีเงินผ่อน ...เขาเริ่มไม่มีความคิดเหมือนเรา จากที่ตามใจเราทุกอยา่งก้อเปลี่ยนไปหมดแล้ว เขาทำงานวันละ 9 ชม. ส่วนเราก้อทำโอทีทุกวันรว่มวันละ 12 ชม. กลับมาก้องานบ้านอีก เขาไม่แตะต้องเลยงานบ้านทุกอย่าง ซำยังทำบ้านรกอีก แม้แต่เสื้อที่ถอดยังไม่ใส่ลงตะกร้าเลย นับภาษาอะไรกับอย่างอื่น ติ้นมาต้องมีข้าวกิน เราก้อต้องจัดมันต่างกันมากกับตอนที่คบกัน .. เรารู้สึกเหนื่อยมาก กับชีวิตคู่ แต่เราก้อยอมๆๆไป เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ด้วยความที่เรารักเขา เขาออยากได้รถบิ๊กไบท์ เราก้อออกเงินซื้อให้เขา แล้วให้เขาผ่อนกับเรา จนเหลืออีกประมาณ 10000 บาทก้อไม่จ่ายแล้ว..... จนถึงวันนี้ เขาลาออกจากงานโดยไมปรึกษาเรา ..แล้วขอยืมเงินเรา 50000 บาท เพื่อจะไปขายของทำงานค้าขาย แต่เขาก้อชวนเราไปลงทุนทำด้วยกัน ส่วนตัวเรา เราไม่เห็นด้วย 1. เพราะเราไม่ชอบ 2. เราไม่มีความถนัด และฝีมือที่จะทำมากินแบบนั้นเลย เราจึงอธิบายและคุยด้วยเหตุผลพยายามอธิบายแต่สิง่ที่เราได้รับคือ ข้าวของในบ้านกระจัดกระจายหมด (ดีนะทีเขาไม่ทำเรา) เมื่อคุยกันไม่เข้าใจ นิสัยเราก้อเงียบ แล้วเรื่องนั้นก้อค้างคา
เฮ้ยเราเบื่อมากกับชีวิตคู่ เราคิดว่าถ้าอยู่ไม่ได้เราก้อจะเลิก แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดมาก ก้อคือ เลิกแล้ว พ่อแม่เราจะเสียหน้าไหม ..เรื่องนี่เรายังไม่ปรึกษาพ่อแม่เราเลย เราคิดว่าถ้าเราคุยกันสองคนไม่จบ เราก้อต้องปรึกษาแม่ แล้วแต่แม่จะว่ายังไงแล้วละ ..... เพราะกับเขา เราเหมือนจะหมดความรัก และความอดทน
มีผู้หญิงคนไหนบ้างนะที่ต้องเจอเหมือนเรา .. เราอยากรู้ว่าเขารู้สึกเจ็บเหมือนเราไหม มีไหมคนที่มีปัญหาเหมือนเรา เจ็บเหมือนเรา....จากภายนอกที่เราต้องยิ้มให้กับคนที่ทำงาน ต้องยิ้มให้ลูกน้อง ต้องยิ้มให้หัวหน้า ต้องยิ้มให้ลูกค้า ต้องรวบร่วมสติอย่าทำงานให้พลาด...จนคนชื่นชมว่าเก่ง ดีพร้อมแต่สำหรับเรา เราก้อคนที่โชคร้ายคนหนึ่งที่มีแต่ปัญหา....