บางเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่า จะเกิดขึ้นกับชีวิตของผม แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว ในวันนี้ เมื่อผมได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ นายช่วย สาสุข ปราชญ์ชาวบ้านแห่งทุ่งกุลา วัยเจ็ดสิบกว่า
หลังจากคุยสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร ผมนึกอย่างไร ก็ไม่รู้ได้ ผมถามผู้อาวุโส ออกไปว่า เวลานี้ ผมมีแค่สองมือ กับหนึ่งจอบ และที่นาอีกประมาณสี่ไร่ ผมได้จ้างรถมาไถไปหนึ่งรอบแล้ว และไม่มีเงินจะจ้างใครอีก หน้าตาแบบผม จะพลิกผืนนา ปลูกข้าว ให้ออกรวง เป็นข้าวเปลือก จนสีเป็นข้าวสาร มากินได้ไหม
ตา สบ ตา ราวกับหยั่งให้ลึก ลงไปถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ ผู้เฒ่าแห่งทุ่งกุลา ได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า ทำได้อย่างแน่นอน ถ้าหากใจคิดจะทำ
ผมยื่นสองมือที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำงานหนักก็เพียง เคาะแป้นคีย์บอร์ด และลากเม้าท์คอมพิวเตอร์ ไปเบื้องหน้าของพ่อใหญ่ช่วย ถามย้ำอีกครั้งว่า พ่อแน่ใจหรือครับ ว่า มือบาง ๆ อย่างนี้ จะทำนา ด้วยจอบอันเดียว สำเร็จได้
สองมือใหญ่ หยาบกร้าน จากงานหนักในไร่นา แห่งทุ่งกุลาร้องไห้ มานานกว่าเจ็ดสิบปี กระชับมือผมไว้แน่น พลังแห่งความมั่นใจ ถ่ายทอดผ่าน จนผมสัมผัสได้ ว่า ไม่ใช่เพียงคำพูดที่ให้กำลังใจ หากเปรียบเสมือน ความรักความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อ ที่เมตตากับลูกชาย ที่จากบ้าน ไปแสวงหาความหมายแห่งชีวิตในเมืองใหญ่ และกลับมาสู่บ้านเกิด เพื่อเรียนรู้วิถีแห่งชุมชน ของบรรพบุรุษ
และนั่นคือ จุดพลิกผัน ที่จะนำผมไปจับจอบ พลิกดิน ให้เป็นรวง นับแต่วันนี้ เป็นต้นไป
เมื่อเว็บมาสเตอร์ ไปทำนาที่ทุ่งกุลาร้องไห้
บางเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่า จะเกิดขึ้นกับชีวิตของผม แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว ในวันนี้ เมื่อผมได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ นายช่วย สาสุข ปราชญ์ชาวบ้านแห่งทุ่งกุลา วัยเจ็ดสิบกว่า
หลังจากคุยสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร ผมนึกอย่างไร ก็ไม่รู้ได้ ผมถามผู้อาวุโส ออกไปว่า เวลานี้ ผมมีแค่สองมือ กับหนึ่งจอบ และที่นาอีกประมาณสี่ไร่ ผมได้จ้างรถมาไถไปหนึ่งรอบแล้ว และไม่มีเงินจะจ้างใครอีก หน้าตาแบบผม จะพลิกผืนนา ปลูกข้าว ให้ออกรวง เป็นข้าวเปลือก จนสีเป็นข้าวสาร มากินได้ไหม
ตา สบ ตา ราวกับหยั่งให้ลึก ลงไปถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ ผู้เฒ่าแห่งทุ่งกุลา ได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า ทำได้อย่างแน่นอน ถ้าหากใจคิดจะทำ
ผมยื่นสองมือที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำงานหนักก็เพียง เคาะแป้นคีย์บอร์ด และลากเม้าท์คอมพิวเตอร์ ไปเบื้องหน้าของพ่อใหญ่ช่วย ถามย้ำอีกครั้งว่า พ่อแน่ใจหรือครับ ว่า มือบาง ๆ อย่างนี้ จะทำนา ด้วยจอบอันเดียว สำเร็จได้
สองมือใหญ่ หยาบกร้าน จากงานหนักในไร่นา แห่งทุ่งกุลาร้องไห้ มานานกว่าเจ็ดสิบปี กระชับมือผมไว้แน่น พลังแห่งความมั่นใจ ถ่ายทอดผ่าน จนผมสัมผัสได้ ว่า ไม่ใช่เพียงคำพูดที่ให้กำลังใจ หากเปรียบเสมือน ความรักความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อ ที่เมตตากับลูกชาย ที่จากบ้าน ไปแสวงหาความหมายแห่งชีวิตในเมืองใหญ่ และกลับมาสู่บ้านเกิด เพื่อเรียนรู้วิถีแห่งชุมชน ของบรรพบุรุษ
และนั่นคือ จุดพลิกผัน ที่จะนำผมไปจับจอบ พลิกดิน ให้เป็นรวง นับแต่วันนี้ เป็นต้นไป