
สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรา จริงๆกลับมานานแล้วแต่ดองไว้(นานมากกกก)
วันนี้ฤกษ์งามยามดีค่ะเห็นอากาศร้อนๆงี้เลยอยากมารำลึกถึงความหนาวที่นั่นซะหน่อย5555
เป็นมือใหม่หัดรีวิวมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยน้าา
เริ่มจากความอยากส่วนตัวที่ใฝ่ฝันอยากไปซาปามานานมากแล้ว
ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จนในที่สุดรบเร้าคุณแฟนให้ยอมไปด้วยได้ซะที
เนื่องจากเราทำการมัดมือชกนางไป เราจึงจัดการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถไฟ
และวางแผนที่ๆจะไปทุกอย่างเองหมดเลย (เป็นชะนีที่จริงจังในเรื่องเที่ยวมาก)
โดยในทริปนี้เราแบกเป้ไปกะแฟนสองคน เดินทางไปช่วง 11 มกรา - 16 มกราค่ะ
อยู่ที่ ฮานอย 1 คืน แล้วนอนบนรถไฟ ไปซาปาอีก1 คืน นอนที่ซาปา 2 คืน แล้วกลับมานอนที่ฮานอยอีก 1 คืนก่อนกลับค่ะ
ปล.รายละเอียดการเดินทางต่างๆอาจมีลืมๆไปบ้างนะคะ แต่ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะจดเอาไว้ค่ะ
และการเดินทางส่วนใหญ่ตอนอยู่ในเมืองฮานอยจะไปไหนก็ใช้เดินตามหาจากGoogle mapค่ะ
คือเริศมาก ได้ไปร้านที่อยากไปก็เพราะกูเกิ้ลแมพเลย ส่วนร้านกาแฟทั้งหลายจะอยู่วันท้ายๆซะเยอะค่ะ
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง...ตื่นเต้นมากมายโอ้ยยยชั้นจะได้ไปซะที เราเดินทางไปสุวรรณภูมิด้วยแอร์พอร์ทลิ้งค์ ด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดเครื่องจะออกมาก พอไปเช็คอินพนง.มองหน้าละถามว่า "นี่ไปทำอะไรมาทำไมมาช้าครับ รีบวิ่งเลยครับ" คือแบบเค้าขึ้นเครื่องกันหมดแล้วอ่ะแกร อีนี่สองคนวิ่งหน้าตั้งด้วยความกลัวจะตกเครื่องละเกทแบบไกลเว่อออ หลังจากกระหืดกระหอบขึ้นเครื่องได้ทันเวลาพร้อมกับความเจ็บใจว่าจะรีบทำไมเค้ายังดูชิลกันอยู่เลยคนมาหลังเรายังถ่ายรูปเล่นกันอยู่ตรงทางเดินด้วยซ้ำ! พอนั่งที่เราก็ได้ทำการเช็คกระเป๋าและของต่างๆอีกรอบค่ะว่าทุกอย่างอยู่ครบมั้ย ปรากฏว่าเรื่องตื่นเต้นที่สองคือ ลืมกดตังค์!!!! คือนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กดตังค์ไปแลกเงินเลย ทีนี้เอาเงินที่มีทั้งตัวมารวมกันได้ประมาณ8,000บาทซึ่งไม่พอแน่นอนสำหรับสองคน โธ่ถังชีวิต อุตส่าห์จะมาเที่ยวแบบราชา เราเลยเออเดี๋ยวยอมไปลองกดตังค์ที่นู่นกันดูละกันเนอะน่าจะเสียค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อย ก็โอเค
เราเดินทางด้วยสายการบิน VietJet Airline ค่ะ เพราะได้ตั๋วถูกสุดวันที่จะไปของสายการบินนี้
คือไม่ได้กดจองช่วงที่เค้าจองกันได้ถูกๆน่ะ คนอื่นเค้า2,000ก็ไปได้ละ(เศร้าใจจจ) จึงได้ตั๋วมาในราคา 4,990ไปกลับ
เครื่องเล็กตามปกติของสายการบินโลว์คอสแต่ก็โอเคนะ พนักงานก็น่ารัก ทุกอย่างราบรื่นดี โชคดีที่ได้ที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งทิศที่พระอาทิศตกพอดี เลยได้ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆบนเครื่อง โรแมนติคไปอีกกก
Day1
เดินทางมาถึงฮานอย6โมงกว่าๆ ก็รีบไปตู้กดเงินทันทีซึงตู้กดเงินเค้าหลายๆตู้จะเป็นแบบกดรหัส6ตัวอีสองคนนี้ก็โง่เซ่อซ่าคิดว่าทุกตู้จะเป็นเหมือนกันหมดก็ดันทุรังจ่ะกดรหัสแค่4ตัวตามปกติจนบัตรโดนระงับเพราะกดเกินจำนวนครั้ง...โง่กว่านี้มีที่ไหนน มารู้วันหลังค่ะว่ามีตู้ที่กดรหัส4ตัวเหมือนบ้านเรา วันนั้นเราสองคนเลยนอยๆว่าจะทำไงกันดี ละก็ตกลงกันว่าไปหาที่พักในเมืองก่อน เลยแบกกระเป๋าไปขึ้นรถบัสจากแอร์พอร์ทเข้าไปที่ย่านตัวเมืองหรือถิ่นสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายในเมืองฮานอย คือ Old Quater นั่งรถบัสไปเรื่อยๆ คนขับรถก็บอกให้เราลงเมื่อถึงที่(คนขับนี่พูดอิ้งไม่ได้นะคะแต่สื่อสารกันแบบพอเข้าใจว่าจะลงไหนค่ะ) เราสองคนก็เดินงงๆลงจากรถกัน และตอนนั้นก็มืดแล้วด้วยเลยมองอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง พอลงมาจากรถเราก็เลยตัดสินใจกันว่าจะนั่งแท็กซี่ไปหาที่พักแถวๆโบสถ์ St.Joseph กันดีกว่า
เราไม่ได้จองที่พักกันมาเพราะเห็นว่านอนแค่คืนเดียวมาถึงก็มืดแล้วนอนที่ไหนก็ได้ เอาไม่แพงมากพอ
ทีนี้พอถึงตอนเรียกแท็กซี่นี่ละค่ะคู๊ณณณณ ด้วยความที่ได้ยินกิตติศัพท์เรื่องแท็กซี่เค้ามาเยอะเลยจิตตกมาก กลัวโดนโกงไปหมด ก็สุ่มๆดวงเรียกเอา ว่าจะเจอคันที่ใจดีมีเมตตามั้ย ปรากฏว่าคันที่เราเรียก พูดอังกฤษไม่ได้อีก บอกจะไปโบสถ์St.Joseph ก็ไม่รู้เรื่อง (มารู้ตอนหลังๆค่ะว่าส่วนใหญ่เค้ารู้จักกันในชื่อภาษาเวียดนามมากกว่า คือ Nha tho Lon อะไรเนี่ยแต่ตอนนั้นพึ่งไปถึงวันแรกก็ไม่รู้เรื่องแล้วก็อ่านออกเสียงภาษาเวียดนามไม่เป็นด้วย) ทีนี้ตาคนขับเลยจะขอเอาโทรศัพท์เราไปดูเพราะเราเปิดแมพอยู่เค้าจะดูว่าเราไปไหน อีนี่ก็กลัวมากลัวโดนฉกโทรศัพท์ไปเพราะตอนนั้นยังยืนคุยอยู่นอกรถยังไม่ได้ขึ้นเค้าเปิดมาแค่กระจก ก็ยื้อโทรศัพท์กลับยื้อกันไปยื้อกันมา แฟนเรานางก็ขำบอกเราคิดมากไปไหมเค้าไม่เอาไปหรอก (ไม่ได้สิชั้นไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น!) นี่ก็เลยส่งโทรศัพท์ให้แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ -_-สรุปคืนนั้นก็มาถึงแถวโบสถ์โดยที่โทรศัพท์ยังอยู่และไม่โดนโกงค่าแท็กค่ะ5555 ถือว่าโชคดี แต่จริงๆก็ควรระวังตัวไว้นะคะ ค่ารถแท็กซี่ครั้งนี้ 50,000 ดอง
บรรยากาศตอนกลางคืน แบบไร้มอไซค์

อาหารมื้อแรกในเวียดนาม เรากินก๋วยเตี๋ยวอะไรซักอย่างแต่ไม่ใช่เฝอนะคะ จำชื่อเรียกไม่ได้ เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวแห้งบ้านเรามีน้ำขลุกขลิก โปะหน้ามาด้วยสารพัดผักคือถูกใจตรงนี้และโรยหน้าด้วยถหอมเจียวกรอบๆ

ส่วนของแฟนเราสั่งข้าวผัดค่ะ -_-" คือแบบบบนางมาเวียดนามนางสั่งข้าวผัดหมูกินจ้าาา เพลียใจ

คือเค้าเป็นคนไม่ค่อยยอมกินอะไรที่แปลกจากที่เคยกินน่ะ

ที่พักคืนนี้เราเดินถามหลายที่มากค่ะ คิดว่ามาวันธรรมดารร.จะไม่เต็ม เต็มหมดค่ะ ที่ว่างๆจะมีแต่แพงๆ แนะนำให้จองมาก่อนเลยนะคะ พอดีได้สาวน่ารักนามว่าอันนี่จากรร.ที่ไปถามแรกๆเค้าติดต่อพาไปรร.ของเพื่อนเค้าให้ อันนี่บอกที่นี่ถูกแต่ไม่รู้ว่าพวกเราจะพอนอนได้ไหม พอไปถึงห้อง คือดีมากเถอะค่ะสำหรับราคานี้ เตียงก็นุ่ม เสียแค่ห้องน้ำอยู่นอกห้อง แต่ห้องน้ำก็โอเคสะอาดอยู่น้ำอุ่นมีพร้อม(ถ้าไม่มีหนาวตายแน่นอน) ห้องพักคืนนี้ 350,000ดอง เท่านั้นค่ะ
แวะมินิมาร์ทก่อนนอนชอบเดินเล่นในมินิมาร์ทค่ะ พุ่งตรงมาที่ตู้เบียร์ อิอิ ก็เบียร์มันถูกนินาาา
ที่นี่เบียร์ตกกระป๋องละ 10,000 ดองเองค่ะ ถูกกว่าน้ำเปล่าอีกก

Day2
เช้าวันต่อมาก็รีบตื่นกันแต่เช้าไปเพื่อไปเดินเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ และที่สำคัญที่สุด!! จุดมุ่งหมายของเราในฮานอยคือเราจะไปเก็บร้านกาแฟสวยๆทั้งหลายค่ะ (คือเรากะแฟนเป็นสายร้านกาแฟ) นอกจากร้านกาแฟฮิปๆที่ลิสต์มาแล้วก็จะมีร้านอาหารที่เราทำการหาข้อมูลมาส่วนใหญ่จะได้จากบล็อกหรือเว็บของฝรั่งค่ะของคนไทยไม่ค่อยเห็นแนะนำเรื่องอาหารจริงๆจังๆเท่าไหร่ ในกระทู้นี้เราจะพาไปค่ะ! 55555555 สายแดร็กนี่เองงงงง (แต่ร้านของกินส่วนใหญ่จะอยู่วันท้ายๆนะคะ)
เดินออกมาจากรร.ที่เราอยู่บริเวณหน้าปากซอยก็จะมีคนมาขายของกินกันคึกคักเลยย
เริ่มด้วยโบสถ์ก่อนเลยใกล้ที่พักสุด
หน้าร้านกาแฟ CONG CAPHE ใกล้ซอยที่พักร้านนี้มีหลายสาขามากค่ะน่าจะดัง แต่ละสาขาก็จะมีการตกแต่งหน้าร้านและในร้านต่างกันไป ข้างในสวยน่ารักมากนะ แต่สาขานี้ไม่ได้เข้าไปนั่ง เดี๋ยวจะเอารูปข้างในของสาขาอื่นให้ดูท้ายๆกระทู้ค่ะ เพราะไปก่อนวันกลับ

ตรงร้านนี้สวยแต่ไม่ได้เข้าไป

ร้านน้ำเต้าหู้มั้งคะไม่แน่ใจแต่น่ารักดีชอบบ
เดินมาเรื่อยๆก็ถึงแถวรอบทะเลสาบ Hoan kiem lake

อากาศหนาวๆริมน้ำแบบนี้นะ....

สามสาวกินไอติมแก้หนาว
เราเดินตามกูเกิ้ลแม็พมาเรื่อยๆค่ะแวะถ่ายรูปไปเรื่อย จุดหมายที่กำลังจะเดินไปคือ ร้านกาแฟCOSA NOSTRA
ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่มีที่นั่งบนดาดฟ้าจะเห็นวิวถนนรอบทะเลสาบนี้
ระหว่างทางที่เดินไปก็ผ่านตึกสวยๆเยอะเลยถ่ายรูปกันแบบแต่ละจุดนานมากกกก เลยไปถึงร้านช้าค่ะไม่เป็นไรเราสายชิล555555
ผ่านลานหน้าอนุเสาวรีย์อะไรสักอย่างก็มีเด็กๆวัยรุ่นมานั่งเล่น เล่นโรลเลอร์เบลดกันเห็นแล้วอยากจะไปขอเล่นด้วย
ถึงแล้วววววร้านกาแฟแรกในลิสต์ของเราา55555 หน้าร้านสวยเลยค่ะ ที่นั่งในร้านก็สวย สวยทุกมุม
แต่เราขอไปนั่งรับอากาศเย็นๆข้างนอกจะชิลกว่าเลยเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนสุดกันค่ะ (ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปในร้านส่วนอื่นมาเลยค่ะ)

และก็ทำการสั่งน้ำมาลองชิม ของเราจะเป็นชามะนาวค่ะ ส่วนของแฟนอยากกินคาปูชิโนปั่น
แต่ที่มาเสริฟคืออะไรไม่รู้55555 คุยกะพนักงานไม่ค่อยเข้าใจ สรุปคือรสชาติเฉยๆค่ะ
นั่งชิลไม่ถึงครึ่งชม.แล้วก็ออกเดินกันต่อค่ะ 5555

รถเยอะจริงๆ การข้ามถนนเป็นอะไรที่ลุ้นระทึกมาก

เดินผ่านมาตามถนนหมายเลข36 เดินมาเรื่อยๆจนถึงย่านโรงเรียน ตอนนี้ตอนเย็นพอดีรถมอเตอร์ไซค์เยอะมากก
และก็มีร้านขายของอะไรเต็มไปหมด ตรงนี้มีร้านไอติมเจ้านึงเหมือนจะดังมากๆค่ะ คนต่อแถวยาวแบบทบแล้วทบอีกพันกันเป็นงู
อีนี่ก็อยากลองนะแต่คนเยอะไปรอไม่ไหว มีร้านกาแฟเล็กๆที่มีเก้าอี้ตัวเตี้ยๆอยู่หน้าร้าน
และมีคนหนุ่มสาวแต่งตัวดีนั่งชิลแทะเมล็ดทานตะวันหน้าร้านแบบเวียดนามสไตล์
คือเราชอบไอวัฒนธรรมการกินอะไรแบบนี้ของเค้ามากเลยอ่ะมันดูมีเสน่ห์ดี
แบบแต่งตัวดีๆเลยแต่นั่งกันอย่างชิล น่ารักก

ไม่รู้ขายอะไรแต่น่ากิน น่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง

[CR] Backpack Hanoi-Sapa ตะลุยร้านกาแฟสุดฮิปในฮานอย แล้วไปสัมผัสความหนาว6องศาในอ้อมกอดขุนเขาที่ซาปา
สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรา จริงๆกลับมานานแล้วแต่ดองไว้(นานมากกกก)
วันนี้ฤกษ์งามยามดีค่ะเห็นอากาศร้อนๆงี้เลยอยากมารำลึกถึงความหนาวที่นั่นซะหน่อย5555
เป็นมือใหม่หัดรีวิวมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยน้าา
เริ่มจากความอยากส่วนตัวที่ใฝ่ฝันอยากไปซาปามานานมากแล้ว
ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จนในที่สุดรบเร้าคุณแฟนให้ยอมไปด้วยได้ซะที
เนื่องจากเราทำการมัดมือชกนางไป เราจึงจัดการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถไฟ
และวางแผนที่ๆจะไปทุกอย่างเองหมดเลย (เป็นชะนีที่จริงจังในเรื่องเที่ยวมาก)
โดยในทริปนี้เราแบกเป้ไปกะแฟนสองคน เดินทางไปช่วง 11 มกรา - 16 มกราค่ะ
อยู่ที่ ฮานอย 1 คืน แล้วนอนบนรถไฟ ไปซาปาอีก1 คืน นอนที่ซาปา 2 คืน แล้วกลับมานอนที่ฮานอยอีก 1 คืนก่อนกลับค่ะ
ปล.รายละเอียดการเดินทางต่างๆอาจมีลืมๆไปบ้างนะคะ แต่ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะจดเอาไว้ค่ะ
และการเดินทางส่วนใหญ่ตอนอยู่ในเมืองฮานอยจะไปไหนก็ใช้เดินตามหาจากGoogle mapค่ะ
คือเริศมาก ได้ไปร้านที่อยากไปก็เพราะกูเกิ้ลแมพเลย ส่วนร้านกาแฟทั้งหลายจะอยู่วันท้ายๆซะเยอะค่ะ
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง...ตื่นเต้นมากมายโอ้ยยยชั้นจะได้ไปซะที เราเดินทางไปสุวรรณภูมิด้วยแอร์พอร์ทลิ้งค์ ด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดเครื่องจะออกมาก พอไปเช็คอินพนง.มองหน้าละถามว่า "นี่ไปทำอะไรมาทำไมมาช้าครับ รีบวิ่งเลยครับ" คือแบบเค้าขึ้นเครื่องกันหมดแล้วอ่ะแกร อีนี่สองคนวิ่งหน้าตั้งด้วยความกลัวจะตกเครื่องละเกทแบบไกลเว่อออ หลังจากกระหืดกระหอบขึ้นเครื่องได้ทันเวลาพร้อมกับความเจ็บใจว่าจะรีบทำไมเค้ายังดูชิลกันอยู่เลยคนมาหลังเรายังถ่ายรูปเล่นกันอยู่ตรงทางเดินด้วยซ้ำ! พอนั่งที่เราก็ได้ทำการเช็คกระเป๋าและของต่างๆอีกรอบค่ะว่าทุกอย่างอยู่ครบมั้ย ปรากฏว่าเรื่องตื่นเต้นที่สองคือ ลืมกดตังค์!!!! คือนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กดตังค์ไปแลกเงินเลย ทีนี้เอาเงินที่มีทั้งตัวมารวมกันได้ประมาณ8,000บาทซึ่งไม่พอแน่นอนสำหรับสองคน โธ่ถังชีวิต อุตส่าห์จะมาเที่ยวแบบราชา เราเลยเออเดี๋ยวยอมไปลองกดตังค์ที่นู่นกันดูละกันเนอะน่าจะเสียค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อย ก็โอเค
เราเดินทางด้วยสายการบิน VietJet Airline ค่ะ เพราะได้ตั๋วถูกสุดวันที่จะไปของสายการบินนี้
คือไม่ได้กดจองช่วงที่เค้าจองกันได้ถูกๆน่ะ คนอื่นเค้า2,000ก็ไปได้ละ(เศร้าใจจจ) จึงได้ตั๋วมาในราคา 4,990ไปกลับ
เครื่องเล็กตามปกติของสายการบินโลว์คอสแต่ก็โอเคนะ พนักงานก็น่ารัก ทุกอย่างราบรื่นดี โชคดีที่ได้ที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งทิศที่พระอาทิศตกพอดี เลยได้ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆบนเครื่อง โรแมนติคไปอีกกก
Day1
เดินทางมาถึงฮานอย6โมงกว่าๆ ก็รีบไปตู้กดเงินทันทีซึงตู้กดเงินเค้าหลายๆตู้จะเป็นแบบกดรหัส6ตัวอีสองคนนี้ก็โง่เซ่อซ่าคิดว่าทุกตู้จะเป็นเหมือนกันหมดก็ดันทุรังจ่ะกดรหัสแค่4ตัวตามปกติจนบัตรโดนระงับเพราะกดเกินจำนวนครั้ง...โง่กว่านี้มีที่ไหนน มารู้วันหลังค่ะว่ามีตู้ที่กดรหัส4ตัวเหมือนบ้านเรา วันนั้นเราสองคนเลยนอยๆว่าจะทำไงกันดี ละก็ตกลงกันว่าไปหาที่พักในเมืองก่อน เลยแบกกระเป๋าไปขึ้นรถบัสจากแอร์พอร์ทเข้าไปที่ย่านตัวเมืองหรือถิ่นสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายในเมืองฮานอย คือ Old Quater นั่งรถบัสไปเรื่อยๆ คนขับรถก็บอกให้เราลงเมื่อถึงที่(คนขับนี่พูดอิ้งไม่ได้นะคะแต่สื่อสารกันแบบพอเข้าใจว่าจะลงไหนค่ะ) เราสองคนก็เดินงงๆลงจากรถกัน และตอนนั้นก็มืดแล้วด้วยเลยมองอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง พอลงมาจากรถเราก็เลยตัดสินใจกันว่าจะนั่งแท็กซี่ไปหาที่พักแถวๆโบสถ์ St.Joseph กันดีกว่า
เราไม่ได้จองที่พักกันมาเพราะเห็นว่านอนแค่คืนเดียวมาถึงก็มืดแล้วนอนที่ไหนก็ได้ เอาไม่แพงมากพอ
ทีนี้พอถึงตอนเรียกแท็กซี่นี่ละค่ะคู๊ณณณณ ด้วยความที่ได้ยินกิตติศัพท์เรื่องแท็กซี่เค้ามาเยอะเลยจิตตกมาก กลัวโดนโกงไปหมด ก็สุ่มๆดวงเรียกเอา ว่าจะเจอคันที่ใจดีมีเมตตามั้ย ปรากฏว่าคันที่เราเรียก พูดอังกฤษไม่ได้อีก บอกจะไปโบสถ์St.Joseph ก็ไม่รู้เรื่อง (มารู้ตอนหลังๆค่ะว่าส่วนใหญ่เค้ารู้จักกันในชื่อภาษาเวียดนามมากกว่า คือ Nha tho Lon อะไรเนี่ยแต่ตอนนั้นพึ่งไปถึงวันแรกก็ไม่รู้เรื่องแล้วก็อ่านออกเสียงภาษาเวียดนามไม่เป็นด้วย) ทีนี้ตาคนขับเลยจะขอเอาโทรศัพท์เราไปดูเพราะเราเปิดแมพอยู่เค้าจะดูว่าเราไปไหน อีนี่ก็กลัวมากลัวโดนฉกโทรศัพท์ไปเพราะตอนนั้นยังยืนคุยอยู่นอกรถยังไม่ได้ขึ้นเค้าเปิดมาแค่กระจก ก็ยื้อโทรศัพท์กลับยื้อกันไปยื้อกันมา แฟนเรานางก็ขำบอกเราคิดมากไปไหมเค้าไม่เอาไปหรอก (ไม่ได้สิชั้นไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น!) นี่ก็เลยส่งโทรศัพท์ให้แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ -_-สรุปคืนนั้นก็มาถึงแถวโบสถ์โดยที่โทรศัพท์ยังอยู่และไม่โดนโกงค่าแท็กค่ะ5555 ถือว่าโชคดี แต่จริงๆก็ควรระวังตัวไว้นะคะ ค่ารถแท็กซี่ครั้งนี้ 50,000 ดอง
บรรยากาศตอนกลางคืน แบบไร้มอไซค์
อาหารมื้อแรกในเวียดนาม เรากินก๋วยเตี๋ยวอะไรซักอย่างแต่ไม่ใช่เฝอนะคะ จำชื่อเรียกไม่ได้ เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวแห้งบ้านเรามีน้ำขลุกขลิก โปะหน้ามาด้วยสารพัดผักคือถูกใจตรงนี้และโรยหน้าด้วยถหอมเจียวกรอบๆ
ส่วนของแฟนเราสั่งข้าวผัดค่ะ -_-" คือแบบบบนางมาเวียดนามนางสั่งข้าวผัดหมูกินจ้าาา เพลียใจ
คือเค้าเป็นคนไม่ค่อยยอมกินอะไรที่แปลกจากที่เคยกินน่ะ
ที่พักคืนนี้เราเดินถามหลายที่มากค่ะ คิดว่ามาวันธรรมดารร.จะไม่เต็ม เต็มหมดค่ะ ที่ว่างๆจะมีแต่แพงๆ แนะนำให้จองมาก่อนเลยนะคะ พอดีได้สาวน่ารักนามว่าอันนี่จากรร.ที่ไปถามแรกๆเค้าติดต่อพาไปรร.ของเพื่อนเค้าให้ อันนี่บอกที่นี่ถูกแต่ไม่รู้ว่าพวกเราจะพอนอนได้ไหม พอไปถึงห้อง คือดีมากเถอะค่ะสำหรับราคานี้ เตียงก็นุ่ม เสียแค่ห้องน้ำอยู่นอกห้อง แต่ห้องน้ำก็โอเคสะอาดอยู่น้ำอุ่นมีพร้อม(ถ้าไม่มีหนาวตายแน่นอน) ห้องพักคืนนี้ 350,000ดอง เท่านั้นค่ะ
แวะมินิมาร์ทก่อนนอนชอบเดินเล่นในมินิมาร์ทค่ะ พุ่งตรงมาที่ตู้เบียร์ อิอิ ก็เบียร์มันถูกนินาาา
ที่นี่เบียร์ตกกระป๋องละ 10,000 ดองเองค่ะ ถูกกว่าน้ำเปล่าอีกก
Day2
เช้าวันต่อมาก็รีบตื่นกันแต่เช้าไปเพื่อไปเดินเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ และที่สำคัญที่สุด!! จุดมุ่งหมายของเราในฮานอยคือเราจะไปเก็บร้านกาแฟสวยๆทั้งหลายค่ะ (คือเรากะแฟนเป็นสายร้านกาแฟ) นอกจากร้านกาแฟฮิปๆที่ลิสต์มาแล้วก็จะมีร้านอาหารที่เราทำการหาข้อมูลมาส่วนใหญ่จะได้จากบล็อกหรือเว็บของฝรั่งค่ะของคนไทยไม่ค่อยเห็นแนะนำเรื่องอาหารจริงๆจังๆเท่าไหร่ ในกระทู้นี้เราจะพาไปค่ะ! 55555555 สายแดร็กนี่เองงงงง (แต่ร้านของกินส่วนใหญ่จะอยู่วันท้ายๆนะคะ)
เดินออกมาจากรร.ที่เราอยู่บริเวณหน้าปากซอยก็จะมีคนมาขายของกินกันคึกคักเลยย
เริ่มด้วยโบสถ์ก่อนเลยใกล้ที่พักสุด
หน้าร้านกาแฟ CONG CAPHE ใกล้ซอยที่พักร้านนี้มีหลายสาขามากค่ะน่าจะดัง แต่ละสาขาก็จะมีการตกแต่งหน้าร้านและในร้านต่างกันไป ข้างในสวยน่ารักมากนะ แต่สาขานี้ไม่ได้เข้าไปนั่ง เดี๋ยวจะเอารูปข้างในของสาขาอื่นให้ดูท้ายๆกระทู้ค่ะ เพราะไปก่อนวันกลับ
ตรงร้านนี้สวยแต่ไม่ได้เข้าไป
ร้านน้ำเต้าหู้มั้งคะไม่แน่ใจแต่น่ารักดีชอบบ
เดินมาเรื่อยๆก็ถึงแถวรอบทะเลสาบ Hoan kiem lake
อากาศหนาวๆริมน้ำแบบนี้นะ....
สามสาวกินไอติมแก้หนาว
เราเดินตามกูเกิ้ลแม็พมาเรื่อยๆค่ะแวะถ่ายรูปไปเรื่อย จุดหมายที่กำลังจะเดินไปคือ ร้านกาแฟCOSA NOSTRA
ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่มีที่นั่งบนดาดฟ้าจะเห็นวิวถนนรอบทะเลสาบนี้
ระหว่างทางที่เดินไปก็ผ่านตึกสวยๆเยอะเลยถ่ายรูปกันแบบแต่ละจุดนานมากกกก เลยไปถึงร้านช้าค่ะไม่เป็นไรเราสายชิล555555
ผ่านลานหน้าอนุเสาวรีย์อะไรสักอย่างก็มีเด็กๆวัยรุ่นมานั่งเล่น เล่นโรลเลอร์เบลดกันเห็นแล้วอยากจะไปขอเล่นด้วย
ถึงแล้วววววร้านกาแฟแรกในลิสต์ของเราา55555 หน้าร้านสวยเลยค่ะ ที่นั่งในร้านก็สวย สวยทุกมุม
แต่เราขอไปนั่งรับอากาศเย็นๆข้างนอกจะชิลกว่าเลยเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนสุดกันค่ะ (ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปในร้านส่วนอื่นมาเลยค่ะ)
และก็ทำการสั่งน้ำมาลองชิม ของเราจะเป็นชามะนาวค่ะ ส่วนของแฟนอยากกินคาปูชิโนปั่น
แต่ที่มาเสริฟคืออะไรไม่รู้55555 คุยกะพนักงานไม่ค่อยเข้าใจ สรุปคือรสชาติเฉยๆค่ะ
นั่งชิลไม่ถึงครึ่งชม.แล้วก็ออกเดินกันต่อค่ะ 5555
รถเยอะจริงๆ การข้ามถนนเป็นอะไรที่ลุ้นระทึกมาก
เดินผ่านมาตามถนนหมายเลข36 เดินมาเรื่อยๆจนถึงย่านโรงเรียน ตอนนี้ตอนเย็นพอดีรถมอเตอร์ไซค์เยอะมากก
และก็มีร้านขายของอะไรเต็มไปหมด ตรงนี้มีร้านไอติมเจ้านึงเหมือนจะดังมากๆค่ะ คนต่อแถวยาวแบบทบแล้วทบอีกพันกันเป็นงู
อีนี่ก็อยากลองนะแต่คนเยอะไปรอไม่ไหว มีร้านกาแฟเล็กๆที่มีเก้าอี้ตัวเตี้ยๆอยู่หน้าร้าน
และมีคนหนุ่มสาวแต่งตัวดีนั่งชิลแทะเมล็ดทานตะวันหน้าร้านแบบเวียดนามสไตล์
คือเราชอบไอวัฒนธรรมการกินอะไรแบบนี้ของเค้ามากเลยอ่ะมันดูมีเสน่ห์ดี
แบบแต่งตัวดีๆเลยแต่นั่งกันอย่างชิล น่ารักก
ไม่รู้ขายอะไรแต่น่ากิน น่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง