[Movie Review] X-Men: Apocalypse - ป่วยเป็นแบทซุปซินโดรม by ตั๋วหนังมันแพง



[หนังโรงเรื่องที่ 136] X-Men: Apocalypse - ป่วยเป็นแบทซุปซินโดรม ; (Bryan Singer,2016) by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนน : 7.5/10

*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ : เป็นการรีบู้ตเนื้อเรื่องใหม่ต่อเนื่องจากภาค Day of the Future Past ซึ่งกล่าวถึงการปรากฏตัวของ 'Apocalypse' (Oscar Isaac)มิวแทนต์ตัวแรกของโลกที่เคยปกครองอียิปต์ในยุคไอยคุปมาก่อน หลังจากหลับไหลมาเป็นเวลานับพันๆปีก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกยุคสงครามเย็นและมีเป้าหมายจะทำลายล้างอารยธรรมของโลกปัจจุบันให้สิ้นซาก เดือดร้อนไปถึงบรรดาพรรคพวกว่าที่ X-Men อย่าง เซเวียร์ (James McAvoy), เรเวน (Jennifer Lawrence) และแฮงค์ (Nicholas Hoult) ต้องออกไปปราบเหล่าร้ายอีกครั้ง

อย่างที่จั่วหัวไว้ข้างต้นว่าสำหรับ X-Men ในภาคนี้ที่มีคนคาดหวังไว้สูงนั้นกลับพลิกผันกลายออกมาเป็นหนังที่ป่วยเป็นโรค 'แบทซุปซินโดรม' ไปอย่างน่าเสียดาย กล่าวโดยง่ายคือหนังใช้เวลาราวๆชั่วโมงครึ่งกับการอารัมภบทปูเนื้อเรื่องได้ทรมาณคนดูมาก จนเกิดความเยิ่นเย้อชวนหลับเฉกเช่นเดียวกับหนังที่มีข้อเสียคล้ายๆกันอย่าง Batman v Superman ที่สำคัญคือในหลายๆฉากนั้นมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเนื้อเรื่องซักเท่าไหร่ มันเลยออกมาเป็นลักษณะงานที่ลวกๆจนคนดูอย่างเราต้องแปลกใจ

ในช่วงต้นเรื่องนั้นหนังจะแบ่งโฟกัสออกเป็นสองส่วน คือช่วงทัวร์โรงเรียนเซเวียร์ที่พาเราไปรู้จักกับเหล่ามิวแทนท์รุ่นเยาว์ทั้งหลายทีละคนๆ สลับกับการตามหาเด็กเข้าสังกัดของบอสใหญ่ฝ่ายตัวร้ายอย่าง 'อโพคาลิปส์' ที่เที่ยวตระเวนหาลูกทีมเฟี้ยวๆไปทั่วเพื่อให้ครบหัวตำแหน่ง 'จตุรราชา' ตามตำนาน ... ซึ่งขอบอกเลยว่าช่วงนี้เป็นอะไรที่ชวนหาวนอนมากๆ หนังทำกับคนดูอย่างเราเสมือนว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เกี่ยวกับ X-Men ยังไงยังงั้น มันเป็นการอินโทรที่สิ้นเปลืองในหลายๆฉากซึ่งเอาจริงๆมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเนื้อเรื่องหลักด้วยซ้ำ (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึง The Expendables 3 ตอนสตอลโลนไปตามหาลูกทีม)

ซึ่งเอาเข้าจริงๆกว่าเนื้อเรื่องจะเข้าถึงจุดแตกหักและเกิดฉากแอคชั่นจริงๆขึ้นมันก็ปาเข้าไปราวๆ 40 นาทีสุดท้ายของเรื่องแล้ว (หนังมีความยาวทั้งหมด 2ชม24นาที) ประเด็นคือคิวบู๊ก็ดันไม่ถึงใจซะอีก การต่อสู้ระหว่างทีม X-Men ปะทะ ทีมอาโปนั้นมีสเกลที่ก๊องแก๊งมาก ชนิดว่ามีตัวละครเข้ามามีส่วนร่วมไม่ถึงโหลเข้ามาปล่อยพลังคนละนิดคนละหน่อยพอเป็นพิธีแล้วก็จบไป

ไอ้ครั้นตัวบอสใหญ่อย่างอาโปก็บ้าน้ำลายเหลือเกิน พูดเก่งกว่าใช้พลังอีกมั้ง! นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งตัวร้ายที่ไม่มีราศีจับเอาซะเลย (อาภัพพอๆกับอัลตรอน) แล้วสิ่งนึงที่สงสัยคือมนุษย์กลายพันธุ์มีเยอะแยะ ดันไปทาบทามตัวกากๆอย่าง Angel/Storm มาเข้าทีมทำไมฟะ? ยอมรับว่าแมกนีโต้นี่เทพจริง .. ส่วนไซล็อคนั้นละไว้ในฐานะที่ชุดสวยกระชากใจละกัน, แล้วด้วยเซนส์หนังที่แปลกๆก็ทำให้ในบางฉากที่มันควรจะน่าเกรงขาม มันก็กลายเป็นฉากชวนขำไปเสียฉิบ เรียกได้ว่าพากันวาปมาทีไรก็ขำทุกที ไม่รู้ว่านี่ตัวโกงหรือตัวโจ้กกันแน่

สิ่งนึงที่ค่อนข้างดีใจก็คือการที่วูฟเวอรีนไม่เข้ามามีบทบาทหลักในเรื่อง (ซักที!) และการที่หนังกลับมาให้ความสำคัญกับมิวแทนท์สายปล่อยพลังทั้งหลายอีกครั้ง หลังจากในภาคก่อนๆโดนสายประชิดตัวกดซะจมดินแบบน่าอนาถใจ อาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นอีกนิมิตหมายที่ดีในการปรับบาลานซ์ให้ฮีโร่ทุกตัวมีความสำคัญเท่าๆกันมากขึ้น

สรุป!  X-Men: Apocalypse ก็เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของคนดูได้ดีเท่าที่ควร ทั้งปัญหาจากบทที่มี plot hole เยอะโข แล้วก็การใช้เวลาฉายที่ยืดเยื้อเกินความจำเป็นและคิวบู๊ที่น้อยก็อาจจะทำให้แฟนๆหลายคนรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าหนังมีเซนส์ที่ดีกว่านี้ก็อาจจะคุมโทนได้ขึงขังจริงจังกว่านี้ก็ได้

หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่