การท่องเที่ยวในต่างประเทศถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งของพ่อแม่และลูกไปพร้อมๆกัน แต่หลายๆคนคิดไม่ตกและเป็นกังวลว่าจะจัดการพาเจ้าตัวน้อยขึ้นเครื่องบินอย่างไร หากเปรียบเทียบแล้วการพาลูกขึ้นเครื่องบินก็เสมือนเป็นการสอบปลายภาคของคุณพ่อคุณแม่ ที่ต้องงัดทุกกลยุทธ์มาจัดการกับคุณลูกให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนด แต่เรื่องที่คิดว่ายากก็สามารถทำให้ง่ายได้ หากเรามีการเตรียมตัวที่ดี ดังนั้น วันนี้จึงขอเสนอเทคนิคการพาลูกขึ้นเครื่องบิน ให้ได้อ่านกันครับ
1.
เตรียมพร้อมตั้งแต่ก่อนขึ้นบิน
ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุด เพราะการวางแผนจะทำให้เราไม่ต้องปวดหัวหรือเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากโดยไม่จำเป็น
-ไฟล์ทกี่โมง เช้า บ่าย หรือไฟลท์ดึก หากบินในเวลาที่ลูกหลับปกติอาจช่วยทุ่นแรงได้
-คิดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ลูกปวดฉี่ ปวดท้อง นอนไม่หลับ หิว อยากเล่น ฯลฯ คุณก็จะได้เตรียมของเท่าที่จำเป็น จัดกระเป๋าออกเป็นสองส่วน ส่วนที่มีโอกาสใช้งานสูงไว้ในกระเป๋าหลักเดียวกัน ได้แก่ นม น้ำ ขนม กระดาษเปียก ผ้าออม ของเล่น ชุดสำรอง ฯลฯ เราสามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งได้ ส่วนกระเป๋ารองที่ต้องเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระ หากอยู่รวมกันหมดเวลาหาของจะลำบาก
-ไปถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เป็นไปได้เช็คอินออนไลน์จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการต่อคิว
-ถ้ามากับเด็กเล็ก สามารถขออนุญาตผ่านเข้าช่อง ตม.เลนพิเศษ ได้ครับ
2.การซื้อตั๋วและการเลือกที่นั่ง
สายการบินส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าโดยสารเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี โดยให้นั่งบนตัก แต่ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมและภาษี ส่วนเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไปจะต้องเสียค่าโดยสาร โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน สำหรับการบินไทย เด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจะคิดค่าโดยสารที่อัตรา 75% ของค่าโดยสารปกติ
ปกติแล้วที่นั่งด้านหน้าตอนแรกของชั้นประหยัด จะเป็นที่นั่งสำรองไว้เป็นพิเศษ และเป็นตำแหน่งที่ติดตั้ง Baby Cot สำหรับเด็กทารก หากมีเด็กเล็กมาด้วยสามารถ Request ตรงนี้ได้ กรณีเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปต้องนั่งเก้าอี้ของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ลูกอย่าลืมเช็คที่นั่งมีกี่แถว เป็น 2-4-2 หรือ 3-4-3 การนั่งติดหน้าต่างจะช่วยดึงดูดความสนใจลูกได้ แต่ถ้ามาสามคน พ่อ แม่ ลูก แล้วเครื่องเป็น 2-4-2 แสดงว่าจะพ่อ หรือ แม่จะต้องแยกไปนั่งที่อื่น อันนี้ต้องเลือกตัดสินใจ หากอย่างเช็ค Format ที่นั่ง พร้อมความเห็น เข้าไปดูได้ที่ www.seatguru.com
3.เครื่องบินขึ้นและลง
หลายคนที่นั่งเครื่องบินเป็นประจำจะรู้ว่าความดันอากาศจะมีผลต่อหูในช่วงเวลาเครื่องบินขึ้นและลง หากเราเดินทางพร้อมเจ้าตัวน้อยให้เราเตรียมขนมให้ทาน ดื่มน้ำ ดื่มนม หรือ กลืนน้ำลาย ในช่วงเวลานั้น หากลูกเริ่มเข้าใจเหตุผลให้อธิบายเพื่อให้เขาได้เตรียมพร้อมในสิ่งที่กำลังจะเจอ
4.อาหาร ขนม และ Children’s Meal
หากลูกมีปัญหาเรื่องการกิน ควรจะเตรียมอาหารไปเองในปริมาณที่พอเหมาะ อย่าลืมเผื่อตอนเดินทางถึงสนามบินด้วย นอกจากนี้หากลูกกินอาหารเด็กได้ สามารถแจ้งขอ Children’s Meal ได้ก่อนที่จะทำการบินหรือขอผ่านออนไลน์ล่วงหน้าได้ นมและน้ำจะได้รับการยกเว้นให้เอาขึ้นเครื่องได้ในปริมาณเหมาะสม
5.ของเล่น การ์ตูน เกม อุปกรณ์สันทนาการ
โดยปกติแล้วประเภทของเล่นที่ไม่ควรพกขึ้นเครื่องบิน ได้แก่ ของเล่นที่ทำให้เกิดเสียง ของเล่นที่ใช้พื้นที่มากเกินไป และของเล่นที่อาจเป็นอันตราย แม้ว่าแต่สายการบินจะมีของเล่นเล็กๆน้อยๆ สำหรับเด็ก แต่อย่าคาดหวังมาก ควรจะเอาของที่ลูกชอบไปเองด้วย เช่น อาจจะตุ๊กตาที่ลูกชอบเอาไว้นั่งเป็นเพื่อน หรือนิทานเล็กโปรด เป็นต้น
6.ไม่มีเวลานอก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
หากคิดว่าเลือกไฟล์ทกลางคืนเพื่อให้ลูกจะเริ่มง่วงนอนตอนขึ้นเครื่อง แล้วเราก็จะได้นอนพัก พอถึงจะได้มีแรงเที่ยวกันต่อเลย ใช่ครับ! นั้นคือไฟล์ทในอุดมคติเลย แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ลูกตื่นเต้นเพราะขึ้นเครื่องครั้งแรก บวกกับพลังมหาศาล เพราะรู้ว่ากำลังจะได้ไปเที่ยวหรือตื่นเต้นเพราะเป็นสถานที่ใหม่ ไม่ยอมหลับยอมนอน พอจะหลับก็ก่อนเครื่องจะถึงที่หมายก่อน 1 ชั่วโมง นั้นแปลว่าคุณแทบจะไม่ได้นอนนะ บนเครื่องเราจะต้องพร้อมตลอดเวลา นอนเอาแรงโดยเฉพาะก่อนเดินทางให้เต็มที่ ถ้าลูกหลับตอนนั้นถือว่าคือ โบนัสล่ะกัน
7.อย่าปล่อยให้ลูกร้องโดยไม่ทำอะไร
คนที่มีลูกและเคยพาลูกขึ้นเครื่องบินจะเข้าใจกับสถานการณ์นี้ การที่ลูกร้องไห้เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับการนั่งเครื่องบินของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อมาถึงจุดนี้คุณต้องใจเย็นมากๆ อย่ากังวลเรื่องผู้โดยสารคนอื่น ลูกรับรู้ได้ว่าคุณกำลังสติแตก ถ้าคุณควบคุมตัวเองอารมณ์ไม่ได้ ยากที่ลูกจะหยุดร้องไห้ ทำเหมือนทุกครั้งที่คุณเคยทำให้เขาหยุดร้อง เมื่อเหตุการณ์สงบ ทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ
8.สร้างมิตร อย่าสร้างศัตรูเพิ่ม
หากในไฟล์ทเดียวกับเรามีครอบครัวที่มีเด็กเล็กเหมือนกัน ถ้าหากคุณสามารถผูกมิตรได้ก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ เมื่อเราเกิดปัญหาระหว่างการเดินทางหรือต้องการขอความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ เขาอาจสามารถช่วยหรือแบ่งปันให้กันได้ ส่วนแอร์โฮสเตสแม้จะได้รับการฝึกฝนให้ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือเด็กเล็ก แต่ต้องไม่ลืมว่าแอร์โฮสเตสหนึ่งคนอาจต้องดูแลผู้โดยสาร 40 คน หากคุณขอความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตร คุณก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรเช่นกัน มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรูเป็นไหนๆนะ
9.รถเข็นเด็ก
ในสนามบิน เราสามารถเข็นรถเข็นเด็กเข้าไปได้ถือประตูทางเข้าเครื่อง แล้วจะมีเจ้าหน้าที่รอรับเอารถเข็นเด็กเข้าไปเก็บไว้ ส่วนการรับรถเข็นคืน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะรับรถเข็นเด็กคืนได้ที่หน้าประตูทางลง แต่ก็มีบางครั้งที่ให้ไปรับที่สายพานเลยก็มี ดังนั้นควรถามแอร์โฮสเตสหรือเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ประตูทางออก ทุกครั้ง
10.มีแผนสำรองเสมอ
ไม่เฉพาะการเตรียมตัวของลูกเท่านั้น พ่อและ/หรือแม่ที่เดินทางไปด้วยกันก็ควรต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ซึ่งรวมถึงระหว่างอยู่สนามบินและระหว่างอยู่ในเครื่องบิน ตัวอย่างเช่น
-ของมีค่าที่เกินจำเป็นก็ควรจะเก็บไว้ที่บ้านหรือหากต้องเอาไปควรจะแยกเก็บไว้ให้มิดชิด จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลังทั้งเรื่องลูกและทรัพย์สิน
-ควรแยกเงินหรือบัตรเครดิตส่วนหนึ่งออกจากกระเป๋าเงิน
-เขียนชื่อพ่อแม่ เบอร์โทรศัพท์ โรงแรมที่พัก ไว้ติดตัวลูกเสมอ
-ถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตและวีซ่า เก็บไว้ในมือถือ เผื่อมีกรณีจำเป็น เป็นต้น
การท่องเที่ยวเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเด็กเรียนรู้ การไปในสถานที่ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทั้งสภาพอากาศ อาหารการกิน สภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขา เมื่อผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้ไปได้ เขาก็จะเติมโตมากขึ้นไปอีกขั้น แม้เขาโตขึ้นลูกอาจจะจำเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ แต่สำหรับคนที่เป็นพ่อแม่แล้วเชื่อเลยว่าจะเก็บภาพแห่งความทรงจำที่ดีเหล่านี้ให้อยู่กับเราตลอดไป
หากสนใจติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/kidsroplok/
พาลูกขึ้นเครื่องบิน เตรียมตัว พาลูกเที่ยว
1.เตรียมพร้อมตั้งแต่ก่อนขึ้นบิน
ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุด เพราะการวางแผนจะทำให้เราไม่ต้องปวดหัวหรือเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากโดยไม่จำเป็น
-ไฟล์ทกี่โมง เช้า บ่าย หรือไฟลท์ดึก หากบินในเวลาที่ลูกหลับปกติอาจช่วยทุ่นแรงได้
-คิดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ลูกปวดฉี่ ปวดท้อง นอนไม่หลับ หิว อยากเล่น ฯลฯ คุณก็จะได้เตรียมของเท่าที่จำเป็น จัดกระเป๋าออกเป็นสองส่วน ส่วนที่มีโอกาสใช้งานสูงไว้ในกระเป๋าหลักเดียวกัน ได้แก่ นม น้ำ ขนม กระดาษเปียก ผ้าออม ของเล่น ชุดสำรอง ฯลฯ เราสามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งได้ ส่วนกระเป๋ารองที่ต้องเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระ หากอยู่รวมกันหมดเวลาหาของจะลำบาก
-ไปถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เป็นไปได้เช็คอินออนไลน์จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการต่อคิว
-ถ้ามากับเด็กเล็ก สามารถขออนุญาตผ่านเข้าช่อง ตม.เลนพิเศษ ได้ครับ
2.การซื้อตั๋วและการเลือกที่นั่ง
สายการบินส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าโดยสารเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี โดยให้นั่งบนตัก แต่ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมและภาษี ส่วนเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไปจะต้องเสียค่าโดยสาร โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน สำหรับการบินไทย เด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจะคิดค่าโดยสารที่อัตรา 75% ของค่าโดยสารปกติ
ปกติแล้วที่นั่งด้านหน้าตอนแรกของชั้นประหยัด จะเป็นที่นั่งสำรองไว้เป็นพิเศษ และเป็นตำแหน่งที่ติดตั้ง Baby Cot สำหรับเด็กทารก หากมีเด็กเล็กมาด้วยสามารถ Request ตรงนี้ได้ กรณีเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปต้องนั่งเก้าอี้ของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ลูกอย่าลืมเช็คที่นั่งมีกี่แถว เป็น 2-4-2 หรือ 3-4-3 การนั่งติดหน้าต่างจะช่วยดึงดูดความสนใจลูกได้ แต่ถ้ามาสามคน พ่อ แม่ ลูก แล้วเครื่องเป็น 2-4-2 แสดงว่าจะพ่อ หรือ แม่จะต้องแยกไปนั่งที่อื่น อันนี้ต้องเลือกตัดสินใจ หากอย่างเช็ค Format ที่นั่ง พร้อมความเห็น เข้าไปดูได้ที่ www.seatguru.com
3.เครื่องบินขึ้นและลง
หลายคนที่นั่งเครื่องบินเป็นประจำจะรู้ว่าความดันอากาศจะมีผลต่อหูในช่วงเวลาเครื่องบินขึ้นและลง หากเราเดินทางพร้อมเจ้าตัวน้อยให้เราเตรียมขนมให้ทาน ดื่มน้ำ ดื่มนม หรือ กลืนน้ำลาย ในช่วงเวลานั้น หากลูกเริ่มเข้าใจเหตุผลให้อธิบายเพื่อให้เขาได้เตรียมพร้อมในสิ่งที่กำลังจะเจอ
4.อาหาร ขนม และ Children’s Meal
หากลูกมีปัญหาเรื่องการกิน ควรจะเตรียมอาหารไปเองในปริมาณที่พอเหมาะ อย่าลืมเผื่อตอนเดินทางถึงสนามบินด้วย นอกจากนี้หากลูกกินอาหารเด็กได้ สามารถแจ้งขอ Children’s Meal ได้ก่อนที่จะทำการบินหรือขอผ่านออนไลน์ล่วงหน้าได้ นมและน้ำจะได้รับการยกเว้นให้เอาขึ้นเครื่องได้ในปริมาณเหมาะสม
5.ของเล่น การ์ตูน เกม อุปกรณ์สันทนาการ
โดยปกติแล้วประเภทของเล่นที่ไม่ควรพกขึ้นเครื่องบิน ได้แก่ ของเล่นที่ทำให้เกิดเสียง ของเล่นที่ใช้พื้นที่มากเกินไป และของเล่นที่อาจเป็นอันตราย แม้ว่าแต่สายการบินจะมีของเล่นเล็กๆน้อยๆ สำหรับเด็ก แต่อย่าคาดหวังมาก ควรจะเอาของที่ลูกชอบไปเองด้วย เช่น อาจจะตุ๊กตาที่ลูกชอบเอาไว้นั่งเป็นเพื่อน หรือนิทานเล็กโปรด เป็นต้น
6.ไม่มีเวลานอก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
หากคิดว่าเลือกไฟล์ทกลางคืนเพื่อให้ลูกจะเริ่มง่วงนอนตอนขึ้นเครื่อง แล้วเราก็จะได้นอนพัก พอถึงจะได้มีแรงเที่ยวกันต่อเลย ใช่ครับ! นั้นคือไฟล์ทในอุดมคติเลย แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ลูกตื่นเต้นเพราะขึ้นเครื่องครั้งแรก บวกกับพลังมหาศาล เพราะรู้ว่ากำลังจะได้ไปเที่ยวหรือตื่นเต้นเพราะเป็นสถานที่ใหม่ ไม่ยอมหลับยอมนอน พอจะหลับก็ก่อนเครื่องจะถึงที่หมายก่อน 1 ชั่วโมง นั้นแปลว่าคุณแทบจะไม่ได้นอนนะ บนเครื่องเราจะต้องพร้อมตลอดเวลา นอนเอาแรงโดยเฉพาะก่อนเดินทางให้เต็มที่ ถ้าลูกหลับตอนนั้นถือว่าคือ โบนัสล่ะกัน
7.อย่าปล่อยให้ลูกร้องโดยไม่ทำอะไร
คนที่มีลูกและเคยพาลูกขึ้นเครื่องบินจะเข้าใจกับสถานการณ์นี้ การที่ลูกร้องไห้เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับการนั่งเครื่องบินของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อมาถึงจุดนี้คุณต้องใจเย็นมากๆ อย่ากังวลเรื่องผู้โดยสารคนอื่น ลูกรับรู้ได้ว่าคุณกำลังสติแตก ถ้าคุณควบคุมตัวเองอารมณ์ไม่ได้ ยากที่ลูกจะหยุดร้องไห้ ทำเหมือนทุกครั้งที่คุณเคยทำให้เขาหยุดร้อง เมื่อเหตุการณ์สงบ ทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ
8.สร้างมิตร อย่าสร้างศัตรูเพิ่ม
หากในไฟล์ทเดียวกับเรามีครอบครัวที่มีเด็กเล็กเหมือนกัน ถ้าหากคุณสามารถผูกมิตรได้ก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ เมื่อเราเกิดปัญหาระหว่างการเดินทางหรือต้องการขอความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ เขาอาจสามารถช่วยหรือแบ่งปันให้กันได้ ส่วนแอร์โฮสเตสแม้จะได้รับการฝึกฝนให้ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือเด็กเล็ก แต่ต้องไม่ลืมว่าแอร์โฮสเตสหนึ่งคนอาจต้องดูแลผู้โดยสาร 40 คน หากคุณขอความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตร คุณก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรเช่นกัน มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรูเป็นไหนๆนะ
9.รถเข็นเด็ก
ในสนามบิน เราสามารถเข็นรถเข็นเด็กเข้าไปได้ถือประตูทางเข้าเครื่อง แล้วจะมีเจ้าหน้าที่รอรับเอารถเข็นเด็กเข้าไปเก็บไว้ ส่วนการรับรถเข็นคืน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะรับรถเข็นเด็กคืนได้ที่หน้าประตูทางลง แต่ก็มีบางครั้งที่ให้ไปรับที่สายพานเลยก็มี ดังนั้นควรถามแอร์โฮสเตสหรือเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ประตูทางออก ทุกครั้ง
10.มีแผนสำรองเสมอ
ไม่เฉพาะการเตรียมตัวของลูกเท่านั้น พ่อและ/หรือแม่ที่เดินทางไปด้วยกันก็ควรต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ซึ่งรวมถึงระหว่างอยู่สนามบินและระหว่างอยู่ในเครื่องบิน ตัวอย่างเช่น
-ของมีค่าที่เกินจำเป็นก็ควรจะเก็บไว้ที่บ้านหรือหากต้องเอาไปควรจะแยกเก็บไว้ให้มิดชิด จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลังทั้งเรื่องลูกและทรัพย์สิน
-ควรแยกเงินหรือบัตรเครดิตส่วนหนึ่งออกจากกระเป๋าเงิน
-เขียนชื่อพ่อแม่ เบอร์โทรศัพท์ โรงแรมที่พัก ไว้ติดตัวลูกเสมอ
-ถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตและวีซ่า เก็บไว้ในมือถือ เผื่อมีกรณีจำเป็น เป็นต้น
การท่องเที่ยวเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเด็กเรียนรู้ การไปในสถานที่ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทั้งสภาพอากาศ อาหารการกิน สภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขา เมื่อผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้ไปได้ เขาก็จะเติมโตมากขึ้นไปอีกขั้น แม้เขาโตขึ้นลูกอาจจะจำเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ แต่สำหรับคนที่เป็นพ่อแม่แล้วเชื่อเลยว่าจะเก็บภาพแห่งความทรงจำที่ดีเหล่านี้ให้อยู่กับเราตลอดไป
หากสนใจติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/kidsroplok/