[CR] 1 วันชิลชิล ใน YUFUIN – Slow life day


การเดินทางไปยูฟูอิน หลายๆคนคงเคยได้ยิน รถไฟ Yufuin no Mori กัน เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะลองขึ้นซักครั้ง
ความพิเศษของรถไฟ Yufuin no Mori คือภายนอกจะทาสีเขียวตัดด้วยแถบสีทอง ดูคลาสสิคมากๆ ภายในก็ตกแต่งหรูหราเชียวค่ะ
มีกระจกบานใหญ่ดูวิวกันได้เต็มๆเลย รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จากกระทู้นี้เลยนะคะ http://pantip.com/topic/32873299

แต่...เราก็จองไม่ทันค่ะ เพราะตามแพลน Yufuin อยู่วันที่ 2 ของการเดินทาง คนส่วนใหญ่เค้าจะจองกันล่วงหน้าเป็นอาทิตย์-2 อาทิตย์เลย เราถึงฟุกุโอกะวันที่ 7 มีนาคม Yufuin no Mori ว่างอีกทีประมานวันที่ 10,11 เลยค่ะ เป็นรถไฟที่ hot hit จริงๆนะคะ ใครอยากลองนั่ง วางแผนกันดีๆน้าาาาา
ที่ออกตั๋วในสถานนี Hakata เค้าจะตั้งป้ายไว้ที่หน้าเค้าเตอร์เลยค่ะว่าวันไหน เวลาไหนยังว่างอยู่ (ลืมถ่ายภาพมาให้ดูเลย ตอนนั้นกำลังผิดหวังและหาทางอื่นอยู่ T___T”) นี่ขนาดเตรียมใจมาแล้วนะว่าคงไม่ว่างหรอก 555

สุดท้ายเราก็ต้องไปรถไฟปกติค่ะ โดยขึ้นรถไฟ Yufu 1 รอบ 7.45 จาก Hakata ถึง Yufuin 10.02 ส่วนขากลับ เราเลือกกลับ Yufu 4 รอบ 14.16
สรุปแล้วเรามีเวลาใน Yufuin ทั้งหมด 4 ชม. กว่าๆ ดูเหมือนเยอะใช่มั๊ยคะ หลายคนคงมีคำถามว่าควรใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ดี ???
ตอนแรกเพื่อนบอก 2 ชม.ก้พอ ลองอ่านตามกระทู้อื่นๆ ก็บอกประมาณ 2-3 ชม. เท่าที่พิจารณาความเยอะของตัวเองแล้ว กะเวลา ช้อป ชิม แชะ แล้ว
2 ชม. ไม่พอแน่นอน 4 ชม. นี่กำลังดีเลยค่ะ เดินเล่นถ่ายรูปชิลๆ แวะทุกร้านที่อยากแวะเพราะที่นี่มีอะไรให้ค้นหาเยอะมากจริงๆ เราเดินเล่นที่นี่แบบ slow life มากกกกกกกกกกกก ไม่ต้องรีบร้อนเหมือนเมืองอื่นๆเลย

พอออกจากสถานีมาก็จะเห็น Mt.Yufu อยู่ตรงหน้า ในมือเราก็มีแผนที่นะ (ขอได้ที่สถานีเลย) แต่สุดท้ายก็พึ่ง Google map นี่แหล่ะ
แนะนำว่า pin สถานที่ ร้านต่างๆที่อยากไปไว้ก่อนเลย เราจะได้รู้ว่าแต่ละที่อยู่ตรงไหนบ้าง จะได้ไม่เสียเวลาเดินกลับไปกลับมาเนอะ

ร้านที่ 1 : Nico เป็นร้านโดนัทค่ะ เดินตรงจากสถานีมาประมาน 200 เมตร ก็ถึงละ เหมือนโดนดึงเข้าร้านไปโดยไม่รู้ตัว มีโดนัทหลายแบบไม่ว่าจะเป็น original ดิปชอคโกแลต ดิปชาเขียว แบบลูกกลมๆเล็กๆก็มีนะ แนะนำค่ะ original อร่อยมาก เนื้อโดนัทจะคล้ายกับปาท่องโก๋เนื้อแน่นนิดๆ






ร้านที่ 2 : B Speak คือเราไปเช้าแล้วนะแบบ 10 โมงครึ่ง  คิดว่าคงได้กินแบบ small size แน่ๆจะได้ลอง 2 รสเลย สรุปเจอป้ายตั้งอยู่ว่า SOLD OUT จร้า ก้ต้องลงเอยด้วยการซื้อ BIG ROLL มาลองชิมดู เนื้อนุ่มเด้งดึ๊งๆเลย (คหสต เราว่ารสชาติค่อนข้างไข่ไปหน่อย แต่แป้งนุ่มจริง ความหวานกำลังดี)






ระหว่างทางก็เจอร้านดูดี อยากเข้าแต่ปิดง่าาาา อดเลย


ร้านที่ 3 บอกก่อนเลยว่าไม่ได้อยู่ในแพลนนะ แต่เดินผ่านแล้วกลิ่นมันยั่วยวนซะจนต้องลอง มี 3 อย่าง คือหมูปิ้ง ไก่ปิ้ง และหนังไก่ปิ้ง ที่สุดยอดและขายดีมากกๆๆ คือหนังไก่ปิ้ง ทีเด็ดมันอยู่ที่น้ำซอสที่คุณลุงทาลงบนเนื้อนี่แหล่ะ รสชาติหวานๆเค็มๆกลมกล่อมกำลังดี ไม้ละ 150 Yen เอง ต้องลอง !



ร้านที่ 4 : Milch มีร้านไอศครีม soft cream ข้างๆกันจะเป็นร้านขาย pudding และชีสเค้ก เราก็ลองกินมันทุกอย่างเลย soft cream ก็รสชาติตามมาตรฐาน แต่มันซอฟมากจริงๆคือละลายเร็วมาก ทั้งๆที่อากาศออกจะเย็นขนาดนี้




ชีสเค้ก มีทั้งร้อนและเย็น เราเลือกกินแบบเย็นค่ะ อร่อยดีค่ะ ต้องลอง


Pudding รส custard อร่อยมากกกก


ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านกาแฟ น่าลองอีกแล้ว


ร้านที่ 5 : ร้านทาโกะยากิยักษ์ มีให้เลือกหลายรส มีระดับความเผ็ดด้วย เราเลือกแบบ original ค่ะ รสชาติดี ปลาหมึกเป็นชิ้นๆเลย หน้าตาน่ากิน แต่กินยากมาก คีบไมค่อยขึ้น ที่สำคัญร้อนคร่า อย่าลืมเป่านะ




ร้านที่ 6 : café kadotyu  เป็นร้านกาแฟ มี bakery ด้วยนิดหน่อย เมนูมีไม่มาก เราเลือกชิม hot chocolate ค่ะ รสชาติดี
สัดส่วนของนมค่อนข้างเยอะเลยทำให้รสชาติคล้ายนมชอคโกแลต โดยปกติชอบ chocolate ที่ข้นๆ ก้ถือว่าโอเคค่ะ




ร้านที่ 7 : LINGON เป็นร้านขายคุกกี้ มีหลายรสมากกกกกกก แบบเลือกไม่ถูกเลย ร้านตกแต่งโดดเด่นสะดุดตา เน้นสีขาวเป็นหลัก เค้าจะใส่คุกกี้ไว้ในขวดโหล และก็จะมีจานวางอยู่หน้าโหล จานแต่ละใบจะมีคุกกี้แค่3-4 ชิ้น หมดและค่อยเติมใหม่ คือเป็นร้านที่น่ารักมากสำหรับเรา ลองชิมไป 3-4 รสอร่อยทุกรสเลย (ลืมถ่ายรูปรสที่ซื้อมา แต่จำได้ว่า marshmallow กับ lingon อร่อยค่ะ) นอกจากนี้ยังมีของน่ารักๆให้เลือกซื้อภายในร้านด้วยนะคะ




หลังจากที่ชิมมาตลอดทาง ในที่สุดเราก็เดินมาถึงทะเลสาบ kirinko น้ำใส สะอาด เห็นปลาว่ายเต็มเลย มีนกกาน้ำด้วย บรรยากาศดี อากาศก็เย็นสบาย


ชิลมากกกกกกกกก อยากนั่งอ่านหนังสือแบบนี้ไปทุกวัน


จากตรงทะเลสาบเราก็เดินเลาะมาเรื่อยๆ ตามป้ายทางไปห้องน้ำ และเราก็มาเจอม้านั่งที่สามารถมองออกไปเห็นวิว ยังไงลองมานั่งพักตรงนี้ดูนะ
นั่งชิลชิลซัก 10-15 นาที หายเหนื่อยแล้วค่อยลุยกันต่อ


ประมาณเที่ยงครึ่ง ตั้งใจว่าจะไปทานกลางวันที่ cafe la ruche มีทั้งกาแฟ ของหวานหลากหลายเมนู มีเมนูที่เป็นอาหารด้วยนะคะ ก็จะเป็นพวกข้าวราดแกงกะหรี่ แบบฝรั่งกึ่งญี่ปุ่น พอเข้าไปในร้าน มีคิวเยอะมาก รออีกประมาณ 10-15 คิวได้ เราก็เลยตัดสินใจแวะหาอะไรกินไปเรื่อยๆดีกว่า แต่ร้านดีงาม บรรยากาศเต็ม 10 เลย คือเป็น terrace ยื่นออกไปมองเห็นทะเลสาบ ไม่ว่าจะนั่งด้านในด้านนอกก็ฟินค่ะ ด้านในเค้าก็จะมีเสียงเปียโนคลอตลอด เพราะอีกฝั่งของร้านจะเป็น Art Gallery มีมุมขายของเก๋ๆด้วยนะคะ


ขออนุญาตนำรูปจาก onsenkyusyu.web.fc2.com มาให้ดูนะคะว่าบรรยากาศมันดีขนาดไหน


Yufuin Marc Chagall Museum


ขากลับ เราก็แวะ ร้าน Bee Honey, Yufuin Floral Village, ร้าน Snoopy และก็ตรงกลับมาที่สถานี

มา yufuin ทั้งที ไม่แช่น้ำร้อนไม่ได้จริงๆ ทริปเช้าไปกลับแบบนี้ขอแค่เท้าก็ยังดี เราเลือกไปแช่ออนเซนเท้าที่บริเวณชานชาลาของสถานี (150 yen) นายสถานีบอกว่า แช่กี่ครั้งก็ได้ใน 1 วัน พอจ่ายเงินเสร็จเค้าก็จะให้ ผ้าขนหนูมาเซตนึงค่ะ ละก็เดินเข้าไปแช่ได้เลย




ทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาแบบพอดีๆ 4 ชม. เป็นวันสบายๆ ที่เราประทับใจที่สุดในทริปเลย ยิ้ม

ถ้าใครมีคำถามหรือกำลังหาข้อมูลเที่ยวเกาะคิวชูอยู่ แนะนำเลยเพจ 'เพื่อนคิวชู'
https://www.facebook.com/kyushutomodachi/

ขอบคุณค่าาา
ชื่อสินค้า:   Yufuin, Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่