หลังจากโดนปฏิเสธวีซ่าเมื่อสามปีก่อน
คราวนี้ได้มีโอกาสไปขอวีซ่าใหม่อีกรอบ
ก็เลยอยากมาแชร์กันบ้าง
เริ่มต้นด้วยการรอคิว ผ่านการตรวจความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ด้านนอกจัดเอกสารให้
ต่อคิวรอสัมภาษณ์
เริ่มจากสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ไทย ผู้หญิงผมยาว
บทสนทนา (นิคใช้แทนตัวผมนะครับ)
จนท : คุณมาขอวีซ่าเพื่อไปทำอะไรคะ
นิค :ไปเที่ยวครับ
จนท : เคยขอวีซ่ามาก่อนไหมคะ
นิค : เคยครับ
จนท : แล้วได้ไหมคะ
นิค :ไม่ครับ
จนท :แสกนลายนิ้วมือคะ
ทำตามจนเสร็จ
จนท : ต่อแถวด้านโน้นเลยค่ะ
ทีนี้ก็ถึงคราวต้องสัมภาษณ์กับ จนท.ต่างชาติ
วันนี้ได้สัมภาษณ์กับ จนทผู้ชาย หน้าคล้ายนักแสดง ดูท่าทางอายุยังน้อย
บทสนทนา
จนท : คุณ นิค มาขอวีซ่าไปทำอะไรครับ
นิค : ไปเที่ยวครับ
จนท : ดูเหมือนว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ (ไม่รู้ดูยังไง)
นิค : Yes, of course , not as native .
จนท : me too.
How long will you stay in US ?
นิค : its about 10 days . do you wanna see my plan ?
จนท : No ,no need (พิมพ์ไป) , are you a student ?do you have transcript ?
นิค : Yes i'm a student , but I don't bring transcript here .
จนท : How about your GPA ?
นิค : Its 2.xx
จนท : Do you have document guarantees that you are a student ?
นิค : Yes ,Here (ยื่นใบรองรองการเป็นนักศึกษา)
จนท : OK, I'll approve you the VISA.
นิค : (ทำหน้างงงง) Thank you .
จนท : Good luck Have fun.
นิค : You too .
(บทสนทนา ภาษาอังกฤษคร่าวๆ)
ข้อแตกต่างจากครั้งแรกที่โดนปฏิเสธคือ
DS-160
-ใส่ชื่อโรงแรมในช่องผู้ติดต่อ ครั้งที่แล้วใส่ชื่อเพื่อนที่เรียนอยู่
-กรอกแผนว่าจะไปวันไหนชัดเจนกว่าเดิม และครั้งที่แล้ว บอกไป สามสัปดาห์
ครั้งนี้บอกไป สิบวัน
- ครั้งก่อนพาสว่างเปล่าครั้งนี้มีเคยไปออสเตรเลียสิงคโปร์ซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามนะ แต่เรากรอกลงในDS 160
ตอนสัมภาษณ์ก็พูดน้ำเสียงมั่นใจในคำตอบตอบรวมทั้งพูดความจริงประมาณนี้
สิ่งที่เตรียมไปแต่เขาไม่ดู
สเตดเม้นท์การเงิน
ใบจองโรงแรม
ใบจองตั๋ว
ประกันภัย
แผนการท่องเที่ยว
ทะเบียนรถที่เป็นเจ้าของ
เพิ่มเติม
ตอนนี้ สถานะนักศึกษา
สปอนเซอร์คือ พ่อ (แต่เขาไม่ถามอะไรเลย)
สรุปคือรอพาสปอร์ต เจ็ดวัน คือยังไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าเท่าไหร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทั้งนี้ก็อยากให้ผู้ที่ต้องการขอวีซ่าและ ไม่มีเจตนาที่จะไปทำอะไรผิดกฎหมาย ขอวีซ่าผ่าน
เพราะว่าไปก็รู้สึก เจ็บปวดเหมือนกันที่เคยขอวีซ่าไม่ผ่านทั้งที่มีเจตนาไปเที่ยวจริงๆ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าสหรัฐอเมริกา รอบสอง
คราวนี้ได้มีโอกาสไปขอวีซ่าใหม่อีกรอบ
ก็เลยอยากมาแชร์กันบ้าง
เริ่มต้นด้วยการรอคิว ผ่านการตรวจความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ด้านนอกจัดเอกสารให้
ต่อคิวรอสัมภาษณ์
เริ่มจากสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ไทย ผู้หญิงผมยาว
บทสนทนา (นิคใช้แทนตัวผมนะครับ)
จนท : คุณมาขอวีซ่าเพื่อไปทำอะไรคะ
นิค :ไปเที่ยวครับ
จนท : เคยขอวีซ่ามาก่อนไหมคะ
นิค : เคยครับ
จนท : แล้วได้ไหมคะ
นิค :ไม่ครับ
จนท :แสกนลายนิ้วมือคะ
ทำตามจนเสร็จ
จนท : ต่อแถวด้านโน้นเลยค่ะ
ทีนี้ก็ถึงคราวต้องสัมภาษณ์กับ จนท.ต่างชาติ
วันนี้ได้สัมภาษณ์กับ จนทผู้ชาย หน้าคล้ายนักแสดง ดูท่าทางอายุยังน้อย
บทสนทนา
จนท : คุณ นิค มาขอวีซ่าไปทำอะไรครับ
นิค : ไปเที่ยวครับ
จนท : ดูเหมือนว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ (ไม่รู้ดูยังไง)
นิค : Yes, of course , not as native .
จนท : me too.
How long will you stay in US ?
นิค : its about 10 days . do you wanna see my plan ?
จนท : No ,no need (พิมพ์ไป) , are you a student ?do you have transcript ?
นิค : Yes i'm a student , but I don't bring transcript here .
จนท : How about your GPA ?
นิค : Its 2.xx
จนท : Do you have document guarantees that you are a student ?
นิค : Yes ,Here (ยื่นใบรองรองการเป็นนักศึกษา)
จนท : OK, I'll approve you the VISA.
นิค : (ทำหน้างงงง) Thank you .
จนท : Good luck Have fun.
นิค : You too .
(บทสนทนา ภาษาอังกฤษคร่าวๆ)
ข้อแตกต่างจากครั้งแรกที่โดนปฏิเสธคือ
DS-160
-ใส่ชื่อโรงแรมในช่องผู้ติดต่อ ครั้งที่แล้วใส่ชื่อเพื่อนที่เรียนอยู่
-กรอกแผนว่าจะไปวันไหนชัดเจนกว่าเดิม และครั้งที่แล้ว บอกไป สามสัปดาห์
ครั้งนี้บอกไป สิบวัน
- ครั้งก่อนพาสว่างเปล่าครั้งนี้มีเคยไปออสเตรเลียสิงคโปร์ซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามนะ แต่เรากรอกลงในDS 160
ตอนสัมภาษณ์ก็พูดน้ำเสียงมั่นใจในคำตอบตอบรวมทั้งพูดความจริงประมาณนี้
สิ่งที่เตรียมไปแต่เขาไม่ดู
สเตดเม้นท์การเงิน
ใบจองโรงแรม
ใบจองตั๋ว
ประกันภัย
แผนการท่องเที่ยว
ทะเบียนรถที่เป็นเจ้าของ
เพิ่มเติม
ตอนนี้ สถานะนักศึกษา
สปอนเซอร์คือ พ่อ (แต่เขาไม่ถามอะไรเลย)
สรุปคือรอพาสปอร์ต เจ็ดวัน คือยังไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าเท่าไหร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้