เอาของ จขกท ก่อนเลย..
ข้อแรกเลย ตรรกะที่ว่าก็คือ ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกเสมอ..
-อันนี้บางทีก็เห็นด้วยนะ เช่น การจะทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่ตามสรีระแล้วเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าผู้ชายก็ไม่สมควรกระทำ
**-แต่ตรรกะที่ว่าคือ..ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นยังไง แต่ถ้าผู้ชายเกิดทำร้ายร่างกายแม้แต่นิดเดียว แล้วเกิดมีมนุษย์กล้องถ่ายไว้ขึ้นมา..พวกนี้ก็จะไม่ฟังความใดๆไม่ว่าจะเพราะผู้หญิงชั่วเอง ไปทำร้ายเขาก่อนฝ่ายชายจึงต้องป้องกันตัว มันรวมถึง เพศที่สามด้วย ที่เห็นกันเป็นประจำ คือทอม ตอนแรกก็จะกวนฝ่ายชายได้อย่างสม่ำเสมอ พอฝ่ายชายทนไม่ไหว เกิดอยากจะต่อยขึ้นมา กลายเป็นว่า "กูเป็นเพศแม่นะ" วลีเด็ดเลยทีเดียว
ข้อสอง.. ตรรกะที่ว่าก็คือ ทำคนอื่นได้..แต่พอตัวเองโดนกลับยอมไม่ได้
-อันนี้เจอบ่อยมาก..ในสังคมโซเซี่ยวทุกวันนี้.. ตามเพจต่างๆ จะเจอบ่อยมากกับพวกนี้ คือตัวเองไปเม้นด่าๆๆๆ ไม่ว่าจะดาราหรือคนปกติ แต่พอมีคนมาเม้นด่าคืน ไม่ว่าจะเจ้าตัว หรือ คนรอบข้างที่เห็นว่ามันไม่ถูกต้อง เจ้าของตรรกะนี้ ก็จะเดือดทันที "กูเม้นของกูมา
อะไร" ทั้งๆที่ตัวเองก็ไปด่าเขา หรือไปเม้นในเพจสาธารณะเองแท้ๆ แต่กลับห้ามคนอื่น
เรื่องของตัวเอง งงปะละ?
ข้อสาม ตรรกะที่ว่าก็คือ วัฒนธรรมไทย อิส เดอะ เบส !
**-
อันนี้ข้อเน้นแรงๆ ว่าบางอย่างก็ดี เพราะการเป็นมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองก็ถือว่าดี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
-อันนี้ก็เจอบ่อยอีกเช่นกัน กับคำว่า ไม่เหมาะสมในประเทศไทย เรื่องล่าสุดเลย ดาราที่ไปเมืองคานส์ แต่งตัววาบหวิวเล็กน้อย ก็มีชาวตรรกะพวกนี้ เข้าไปเม้นด่าว่าไม่สมควรเลย บราๆ ทั้งทีเขาก็ไปเดินเมืองนอก กับ ชุดที่มันไม่ได้โป๊อะไรเลยเพราะมีเซฟตี้ไว้
***- อันนี้น่าจะรวมอยู่ในข้อนี้ การแต่งตัววับๆแวมๆ ไม่ถึงขั้นอนาจาร ก็อยู่ในขอบเขตที่พอรับได้..กลับกลายเป็น ส่งเสริมให้เกิดคดีข่มขืนเพิ่มขึ้นทุกวัน ห้ะ?มันใช่เหรอ ถ้าเอาตามวัฒนธรรมไทยสมัยก่อนจริงๆ พวกเขาแทบไม่มีอะไรปกปิดส่วนบนเลยนี่ ถ้าจะเอาแบบนั้นจริงๆก็ดีนะ.. อรกอย่างคดีข่มขืนต่างๆนี่ บางที ก็มีทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะแต่งแบบนั้นนะ..
ข้อสี่ ตรรกะที่ว่าก็คือ กูไม่สน..กูด่าก่อน
-อันนี้ เจอบ่อย เหมือนจะรวม สามข้อข้างบนเอาไว้เลยทีเดียว ใครไปเพจหลักใหญ่ๆดังๆ แน่นอนเลยว่าต้องเจอพวกนี้สักหนึ่งเม้น โดยพวกนี้จะอ่านแค่หัวข้อ หรือ อ่านแค่แอนมินเพจนั้นๆ สรุปมา โดยไม่สนใจหาความจริงที่แน่นอน เอะอะ กูจะด่าไว้ก่อน
**-ข้อนี้นี่ปัญหาหลักของสังคมตอนนี้เลยมั้ง..ทั้งคนดีๆก็จะทำให้กลายเป็นคนไม่อยากทำดีไป.. ทั้งคนที่อยู่เฉยๆ ก็กลับโดนด่า
***- กรณีนี้ มีตัวอย่าง เช่นข่าวๆหนึ่ง คนดีช่วยเหลือชีวิตเด็ก แต่มีมือดีถ่ายภาพไว้ อาจจะเป็นการหวังดีว่าช่วยชีวิตของเด็กไว้..แต่เปล่าเลย ชาวตรรกะนี้กลับเห็นเรื่องที่มันแปลกกว่านัน คือคนดีๆแอบจับหน้าอกของเด็กคนนั้นที่สลบอยู่..คนดีคนนั้นก็เลยพูดขึ้นมาว่า ถ้าทำดีแล้วโดนแบบนี้ก็จะไม่ทำละ.. คนดีหาย 1ea
****- มีผู้หญิงคนหนึ่งบนรถไฟฟ้า โดนถ่ายประจาร เพราะ หันหน้านี้ชายแก่ ที่กำลังไอ.. แคปชั่นว่า โหย รังเกียจแม้กระทั่งคนแก่ นิสัยไม่ดี บราๆ ชาวตรรกะนี้ก็รุมด่าผู้หญิง โดยไม่มองความจริงสักนิดว่า.. เป็นคุณมิงคงจะนั่งดมน้ำลายใครก็ไม่รู้สินะ โรคต่างๆ สารพัด
ข้อสุดท้าย ตรรกะที่ว่า ก็คือ ห้ามเถียง !
-อันนี้ใช้สำหรับเด็กกับผู้ใหญ่ ใครไม่เคยเจอถือว่าเป็นอย่างเดียวในชีวิตที่โชคดีที่สุด สำหรับคนไทย เราโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเช่น เรื่องคุณครู เราจะมองว่าเป็นเสมือนแม่หรือพ่ออีกคน เวลาเถียงก็จะโดนทำโทษ ทั้งๆที่เด็กบางคนก็เถียงแบบมีเหตุผลทั้งๆที่เรื่องนั้นๆ ครูเป็นฝ่ายผิด..มันก็ทำให้เด็กที่โตมาเป็นอย่างนั้นไปด้วย
**- เจอบ่อยมากในเรื่องนี้ การคุยกับพ่อกับแม่ ตอนแรกก็คุยกันดีๆ พอถึงเรื่องอะไรที่มีการโต้เถียงกันด้วยเหตุผล จะกลายเป็นว่าเราเป็นฝ่ายผิดเสมอ เพราะถึงจะใช้เหตุผลขนาดไหน โดนกลับมาคำเดียว "ห้ามเถียง กูอาบน้ำร้อนมาก่อน" ก็คือจบ.. ทั้งๆที่ผู้ใหญ่บางคนไม่คิดเลยว่า การอาบน้ำร้อนของเขานั้น อาบอย่างถูกวิธีรึเปล่า หรือ อาบแบบยังใช้ขันตักในโอ่งอยู่ทั้งๆที่ก็มีฝักบัวในใช้แล้ว << [ ในที่นี้หมายถึง บางอย่างมันก็โบราณไปแล้วซึ่งก็รู้ว่าบางบ้านยังใช้ขันตักอยู่ บ้านยาย จขกทก็ยังใช้ เปรียบเทียบเฉยๆ ]
อันนี้ก็เท่าที่ จขกทคิดได้ ใครเอือมกับ ตรรกะแปลกๆ ที่เจอในสังคมทุกวันนี้อีกบาง ลองเอามาแชร์กันดูนะ ส่วนตัวอย่างให้มันหายไปเลยละ อ่านแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า
คุณคิดว่า ตรรกะไหนที่เห็นแล้วหงุดหงิด หรือ ควรจะหายไปบ้าง !!
ข้อแรกเลย ตรรกะที่ว่าก็คือ ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกเสมอ..
-อันนี้บางทีก็เห็นด้วยนะ เช่น การจะทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่ตามสรีระแล้วเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าผู้ชายก็ไม่สมควรกระทำ
**-แต่ตรรกะที่ว่าคือ..ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นยังไง แต่ถ้าผู้ชายเกิดทำร้ายร่างกายแม้แต่นิดเดียว แล้วเกิดมีมนุษย์กล้องถ่ายไว้ขึ้นมา..พวกนี้ก็จะไม่ฟังความใดๆไม่ว่าจะเพราะผู้หญิงชั่วเอง ไปทำร้ายเขาก่อนฝ่ายชายจึงต้องป้องกันตัว มันรวมถึง เพศที่สามด้วย ที่เห็นกันเป็นประจำ คือทอม ตอนแรกก็จะกวนฝ่ายชายได้อย่างสม่ำเสมอ พอฝ่ายชายทนไม่ไหว เกิดอยากจะต่อยขึ้นมา กลายเป็นว่า "กูเป็นเพศแม่นะ" วลีเด็ดเลยทีเดียว
ข้อสอง.. ตรรกะที่ว่าก็คือ ทำคนอื่นได้..แต่พอตัวเองโดนกลับยอมไม่ได้
-อันนี้เจอบ่อยมาก..ในสังคมโซเซี่ยวทุกวันนี้.. ตามเพจต่างๆ จะเจอบ่อยมากกับพวกนี้ คือตัวเองไปเม้นด่าๆๆๆ ไม่ว่าจะดาราหรือคนปกติ แต่พอมีคนมาเม้นด่าคืน ไม่ว่าจะเจ้าตัว หรือ คนรอบข้างที่เห็นว่ามันไม่ถูกต้อง เจ้าของตรรกะนี้ ก็จะเดือดทันที "กูเม้นของกูมา
ข้อสาม ตรรกะที่ว่าก็คือ วัฒนธรรมไทย อิส เดอะ เบส !
**- อันนี้ข้อเน้นแรงๆ ว่าบางอย่างก็ดี เพราะการเป็นมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองก็ถือว่าดี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
-อันนี้ก็เจอบ่อยอีกเช่นกัน กับคำว่า ไม่เหมาะสมในประเทศไทย เรื่องล่าสุดเลย ดาราที่ไปเมืองคานส์ แต่งตัววาบหวิวเล็กน้อย ก็มีชาวตรรกะพวกนี้ เข้าไปเม้นด่าว่าไม่สมควรเลย บราๆ ทั้งทีเขาก็ไปเดินเมืองนอก กับ ชุดที่มันไม่ได้โป๊อะไรเลยเพราะมีเซฟตี้ไว้
***- อันนี้น่าจะรวมอยู่ในข้อนี้ การแต่งตัววับๆแวมๆ ไม่ถึงขั้นอนาจาร ก็อยู่ในขอบเขตที่พอรับได้..กลับกลายเป็น ส่งเสริมให้เกิดคดีข่มขืนเพิ่มขึ้นทุกวัน ห้ะ?มันใช่เหรอ ถ้าเอาตามวัฒนธรรมไทยสมัยก่อนจริงๆ พวกเขาแทบไม่มีอะไรปกปิดส่วนบนเลยนี่ ถ้าจะเอาแบบนั้นจริงๆก็ดีนะ.. อรกอย่างคดีข่มขืนต่างๆนี่ บางที ก็มีทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะแต่งแบบนั้นนะ..
ข้อสี่ ตรรกะที่ว่าก็คือ กูไม่สน..กูด่าก่อน
-อันนี้ เจอบ่อย เหมือนจะรวม สามข้อข้างบนเอาไว้เลยทีเดียว ใครไปเพจหลักใหญ่ๆดังๆ แน่นอนเลยว่าต้องเจอพวกนี้สักหนึ่งเม้น โดยพวกนี้จะอ่านแค่หัวข้อ หรือ อ่านแค่แอนมินเพจนั้นๆ สรุปมา โดยไม่สนใจหาความจริงที่แน่นอน เอะอะ กูจะด่าไว้ก่อน
**-ข้อนี้นี่ปัญหาหลักของสังคมตอนนี้เลยมั้ง..ทั้งคนดีๆก็จะทำให้กลายเป็นคนไม่อยากทำดีไป.. ทั้งคนที่อยู่เฉยๆ ก็กลับโดนด่า
***- กรณีนี้ มีตัวอย่าง เช่นข่าวๆหนึ่ง คนดีช่วยเหลือชีวิตเด็ก แต่มีมือดีถ่ายภาพไว้ อาจจะเป็นการหวังดีว่าช่วยชีวิตของเด็กไว้..แต่เปล่าเลย ชาวตรรกะนี้กลับเห็นเรื่องที่มันแปลกกว่านัน คือคนดีๆแอบจับหน้าอกของเด็กคนนั้นที่สลบอยู่..คนดีคนนั้นก็เลยพูดขึ้นมาว่า ถ้าทำดีแล้วโดนแบบนี้ก็จะไม่ทำละ.. คนดีหาย 1ea
****- มีผู้หญิงคนหนึ่งบนรถไฟฟ้า โดนถ่ายประจาร เพราะ หันหน้านี้ชายแก่ ที่กำลังไอ.. แคปชั่นว่า โหย รังเกียจแม้กระทั่งคนแก่ นิสัยไม่ดี บราๆ ชาวตรรกะนี้ก็รุมด่าผู้หญิง โดยไม่มองความจริงสักนิดว่า.. เป็นคุณมิงคงจะนั่งดมน้ำลายใครก็ไม่รู้สินะ โรคต่างๆ สารพัด
ข้อสุดท้าย ตรรกะที่ว่า ก็คือ ห้ามเถียง !
-อันนี้ใช้สำหรับเด็กกับผู้ใหญ่ ใครไม่เคยเจอถือว่าเป็นอย่างเดียวในชีวิตที่โชคดีที่สุด สำหรับคนไทย เราโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเช่น เรื่องคุณครู เราจะมองว่าเป็นเสมือนแม่หรือพ่ออีกคน เวลาเถียงก็จะโดนทำโทษ ทั้งๆที่เด็กบางคนก็เถียงแบบมีเหตุผลทั้งๆที่เรื่องนั้นๆ ครูเป็นฝ่ายผิด..มันก็ทำให้เด็กที่โตมาเป็นอย่างนั้นไปด้วย
**- เจอบ่อยมากในเรื่องนี้ การคุยกับพ่อกับแม่ ตอนแรกก็คุยกันดีๆ พอถึงเรื่องอะไรที่มีการโต้เถียงกันด้วยเหตุผล จะกลายเป็นว่าเราเป็นฝ่ายผิดเสมอ เพราะถึงจะใช้เหตุผลขนาดไหน โดนกลับมาคำเดียว "ห้ามเถียง กูอาบน้ำร้อนมาก่อน" ก็คือจบ.. ทั้งๆที่ผู้ใหญ่บางคนไม่คิดเลยว่า การอาบน้ำร้อนของเขานั้น อาบอย่างถูกวิธีรึเปล่า หรือ อาบแบบยังใช้ขันตักในโอ่งอยู่ทั้งๆที่ก็มีฝักบัวในใช้แล้ว << [ ในที่นี้หมายถึง บางอย่างมันก็โบราณไปแล้วซึ่งก็รู้ว่าบางบ้านยังใช้ขันตักอยู่ บ้านยาย จขกทก็ยังใช้ เปรียบเทียบเฉยๆ ]
อันนี้ก็เท่าที่ จขกทคิดได้ ใครเอือมกับ ตรรกะแปลกๆ ที่เจอในสังคมทุกวันนี้อีกบาง ลองเอามาแชร์กันดูนะ ส่วนตัวอย่างให้มันหายไปเลยละ อ่านแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า