เครื่องบิน อันโตนอฟ อัน-225 มรียา ซึ่งเป็นอากาศยานที่มีลำตัวยาวและน้ำหนักมากที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา ลงจอดที่สนามบินเมืองเพิร์ท ทางภาคตะวันตกของออสเตรเลีย เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (15 พ.ค.) ซึ่งถือไปการไปเยือนแดนจิงโจ้ครั้งแรกของเครื่องบินรุ่นดังกล่าว และได้รับความสนใจจากสื่อและผู้คร่ำหวอดในแวดวงการบินจำนวนมาก
เอเจนซีส์ - สื่อมวลชนและผู้ชมหลายหมื่นต่างมุ่งหน้าไปยังสนามบินเมืองเพิร์ทเพื่อเฝ้าดูการลงจอดของเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเดินทางไปถึงออสเตรเลียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.)
อันโตนอฟ อัน-225 มรียา (Antonov An-225 Mriya) ซึ่งมีความยาวหัวจรดท้าย 84 เมตร และหนักราว 175 ตันเมื่อไม่มีการบรรจุเชื้อเพลิงและสินค้า ร่อนลงจอดอย่างสง่างามที่สนามบินเพิร์ทก่อนเวลา 12.00 น. เพียงเล็กน้อย ซึ่งช้ากว่ากำหนดเกือบ 2 ชั่วโมง
เครื่องบินลำนี้ถูกใช้เพื่อขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งครั้งนี้มันได้นำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าน้ำหนัก 117 ตันจากกรุงปรากมาส่งยังออสเตรเลีย
เดวิด ไอร์ ผู้บริหารเว็บไซต์ Aviation WA ซึ่งนำเสนอข่าวสารและภาพเกี่ยวกับแวดวงการบินในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ระบุว่า อันโตนอฟ อัน-225 มรียา ถือเป็นอากาศยานที่มีลำตัวยาวและน้ำหนักมากที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา และยังมีระยะระหว่างปลายปีกทั้ง 2 ข้าง (wingspan) ยาวที่สุดในบรรดาเครื่องบินที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
เครื่องบิน อันโตนอฟ อัน-225 มรียา ขณะเตรียมเดินทางออกจากกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อวันที่ 10 พ.ค. โดยจะมุ่งหน้าไปยังกรุงปรากเพื่อขนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปส่งที่ออสเตรเลีย
“นี่เป็นครั้งแรกที่มันเดินทางมาออสเตรเลีย จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่ผู้สนใจด้านการบินทั่วออสเตรเลียให้ความสำคัญมาก” ไอร์ กล่าว
“แค่ได้เห็นมันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแล้ว โดยปกติเราแทบไม่มีโอกาสพบเห็นเครื่องบินขนาด 6 เครื่องยนต์เลย”
“มันมีแพนหางถึง 2 อัน แทนที่จะเป็นอันเดียวเหมือนเครื่องบินขนาดใหญ่ทั่วๆ ไป จึงทำให้รูปลักษณ์ของมันดูแปลกตา”
“ผมคิดว่าเสียงของมันดังกว่าเครื่องบินส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ดังจนเกินไปนัก และการได้เห็นเครื่องบินใหญ่ขนาดนี้ลอยอยู่ในอากาศก็เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก”
เครื่องบินลำนี้สามารถเทคออฟด้วยน้ำหนักรวมสูงสุดราว 640 ตัน
“มันใช้ขนส่งสินค้าได้สารพัด แม้กระทั่งหัวรถจักร และยังเป็นเจ้าของสถิติบรรทุกน้ำหนักสินค้าทางอากาศได้มากที่สุดด้วย” ไอร์ เผย
“มันบรรทุกสินค้าได้สูงสุด 253 ตัน ซึ่งน่าจะเทียบได้กับรถถังของรัสเซีย 4 คัน”
เครื่องบินรุ่นนี้เคยนำสินค้าที่ยาวที่สุด ได้แก่ ใบกังหันลมยาว 42 เมตรจากนครเทียนจินของจีน ไปส่งยังเดนมาร์ก
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049189
สื่อจิงโจ้ฮือฮา “เครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” ลงจอดครั้งแรกที่เพิร์ท (ชมคลิป)
เอเจนซีส์ - สื่อมวลชนและผู้ชมหลายหมื่นต่างมุ่งหน้าไปยังสนามบินเมืองเพิร์ทเพื่อเฝ้าดูการลงจอดของเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเดินทางไปถึงออสเตรเลียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.)
อันโตนอฟ อัน-225 มรียา (Antonov An-225 Mriya) ซึ่งมีความยาวหัวจรดท้าย 84 เมตร และหนักราว 175 ตันเมื่อไม่มีการบรรจุเชื้อเพลิงและสินค้า ร่อนลงจอดอย่างสง่างามที่สนามบินเพิร์ทก่อนเวลา 12.00 น. เพียงเล็กน้อย ซึ่งช้ากว่ากำหนดเกือบ 2 ชั่วโมง
เครื่องบินลำนี้ถูกใช้เพื่อขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งครั้งนี้มันได้นำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าน้ำหนัก 117 ตันจากกรุงปรากมาส่งยังออสเตรเลีย
เดวิด ไอร์ ผู้บริหารเว็บไซต์ Aviation WA ซึ่งนำเสนอข่าวสารและภาพเกี่ยวกับแวดวงการบินในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ระบุว่า อันโตนอฟ อัน-225 มรียา ถือเป็นอากาศยานที่มีลำตัวยาวและน้ำหนักมากที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา และยังมีระยะระหว่างปลายปีกทั้ง 2 ข้าง (wingspan) ยาวที่สุดในบรรดาเครื่องบินที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่มันเดินทางมาออสเตรเลีย จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่ผู้สนใจด้านการบินทั่วออสเตรเลียให้ความสำคัญมาก” ไอร์ กล่าว
“แค่ได้เห็นมันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแล้ว โดยปกติเราแทบไม่มีโอกาสพบเห็นเครื่องบินขนาด 6 เครื่องยนต์เลย”
“มันมีแพนหางถึง 2 อัน แทนที่จะเป็นอันเดียวเหมือนเครื่องบินขนาดใหญ่ทั่วๆ ไป จึงทำให้รูปลักษณ์ของมันดูแปลกตา”
“ผมคิดว่าเสียงของมันดังกว่าเครื่องบินส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ดังจนเกินไปนัก และการได้เห็นเครื่องบินใหญ่ขนาดนี้ลอยอยู่ในอากาศก็เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก”
เครื่องบินลำนี้สามารถเทคออฟด้วยน้ำหนักรวมสูงสุดราว 640 ตัน
“มันใช้ขนส่งสินค้าได้สารพัด แม้กระทั่งหัวรถจักร และยังเป็นเจ้าของสถิติบรรทุกน้ำหนักสินค้าทางอากาศได้มากที่สุดด้วย” ไอร์ เผย
“มันบรรทุกสินค้าได้สูงสุด 253 ตัน ซึ่งน่าจะเทียบได้กับรถถังของรัสเซีย 4 คัน”
เครื่องบินรุ่นนี้เคยนำสินค้าที่ยาวที่สุด ได้แก่ ใบกังหันลมยาว 42 เมตรจากนครเทียนจินของจีน ไปส่งยังเดนมาร์ก
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049189