ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมืองชะอำ – หัวหินนั้นเป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของคนไทยมาช้านาน
ผมจำได้ว่าในสมัยที่ผมเป็นเด็ก ถ้าครอบครัวไหนได้มาเที่ยวทะเลชะอำ – หัวหิน ครอบครัวนั้นก็จะดูโก้ไม่เบาเลยทีเดียว
แต่สำหรับผม ชะอำ - หัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ผมไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเที่ยวกับที่ทำงาน
แบบไปเช้า – เย็นกลับ เสียเป็นส่วนใหญ่ ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 กลับถึงบ้าน 3 ทุ่ม ใช้เวลานั่งรถนานกว่าได้เที่ยว
ครั้งนี้โชคดี ผมมีโอกาสได้เข้าพักเยี่ยมชมโรงแรม โซ โซฟิเทล หัวหิน เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน
ขอออกตัวก่อนว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทางโรงแรมออกให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าเดินทางแต่ไม่มีการจัดฉากอะไรให้เกินจริง
นักท่องเที่ยวที่มาพักหากเลือกที่จะทำในแบบที่ผมทำ ก็จะได้รับในสิ่งเดียวกันกับผมนะครับ
ช่วงสาย ๆ ของวันนี้ผมควบเจ้าความหวังของหมู่บ้านออกจากบ้านที่ จ.อ่างทองในราว 8.00 น. ตั้งใจจะให้ถึงที่โรงแรมประมาณเที่ยง
เพราะผมขอพนักงานเขาเช็คอินก่อนกำหนดเอาไว้จากเดิมเวลาปกติคือ 14.00 น.
ขับรถติงนังมาเรื่อย ก่อนเที่ยงไม่กี่มากน้อย เจ้าการ์มิน ตัวนำทางในรถก็พาผมเลี้ยวซ้ายที่แยกชะอำ
ลัดเลาะมาตามทาง ไม่นานนักผมก็มาถึงแล้วจ้า โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน
เมื่อจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว เดินเข้ามาในตัวโรงแรม จะพบกับวงเวียนเล็ก ๆ
มีเจ้ากระต่ายตัวโต ถือนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่ เป็นนัยเพื่อบอกว่า ให้ทิ้งเวลา ทิ้งงานต่างๆ ทุกอย่างไว้ที่มัน
จากนั้นกลับหลังหันเดินขึ้นบันไดไปเช็คอินกันเลย
ล๊อบบี้ที่นี่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ มีคุณพนักงานรับลงทะเบียน ยืนรอให้บริการอยู่
ซักครู่ก็มีน้องพนักงานเดินถือถาดน้ำเย็นสมุนไพร มีตะไคร้ กระเจี๊ยบ ใบโหระพา
นำมาผสมกันในกาสีแดงสดใส ชงให้ทาน ทำให้ผมลืมเรื่องอากาศร้อนไปได้เสียสนิท
หลัก ๆ ก็คงจะช่วยในเรื่องสุขภาพช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี
โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังคือ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค ออกแบบร่วมสมัย
โดยเน้นโครงสร้างที่เป็นเชิงเส้น
ให้ความรู้สึกแข็งแรงมั่นคงและมีความดิบอยู่ในตัว แต่ใช้ไม้จากธรรมชาติมาผสมให้ดูมีอารมณ์ที่อ่อนโยนลง
ตัวโรงแรมออกแบบเป็นรูปตัว U ฝั่งซ้ายและขวาเป็นตึกห้องพักขนานกันไปทั้ง 2 ข้าง
โดยมีสระว่ายน้ำ 2 สระ ทอดยาวกั้นกลางเอาไว้
ฮูหยินของผมเห็นเจ้าเสือดาวที่ล๊อบบี้ตัวนี้ รีบวิ่งมาถ่ายรูปคู่เลย ดูออกไหมครับ ใครแม่เสือและใครลูกเสือ
นั่งรออยู่ไม่นาน ผมก็ได้คีย์การ์ดมา เอาล่ะ ไปห้องพักกันเลย
ห้องพักของผมในครั้งนี้เป็นแบบ โซ เนเจอร์
การออกแบบห้องพักแบบ โซ เนเจอร์นี้ จะอิงกับธรรมชาติเน้นการใช้ไม้เป็นหลัก
แล้วนำความดิบของปูนเปลือยมาผสม
แฝงไว้ด้วยความขี้เล่น สดใส ด้วยรูปภาพติดผนัง และโซฟาลายผีเสื้อ ของนักออกแบบชาวฝรั่งเศส
ที่เข้ามาเติมเต็มผสมผสานให้ห้องพักดูลงตัวมากขึ้น
มุมทำงาน – อ่านหนังสือก็ยังมีการวาดภาพตกแต่งเป็นรูปกิ่งไม้เอาไว้
ไฮไลต์ที่อยากนำเสนอคือหลังม่านบังแดดบริเวณหัวเตียงนั้น แอบมีเตียงน้อยๆของคุณหนูตัวเล็กซ่อนไว้ด้วย
สีสันสดใสสมวัยเจ้าตัวเล็กมาก
ฮูหยินของผมเห็นแล้วกรี๊ดลั่นบอกว่าคืนนี้พี่จะนอนเตียงเด็ก แล้วให้ผมนอนเตียงใหญ่คนเดียว
ดีเหมือนกัน ผมจะได้กลิ้งให้เต็มเตียงเลย
มาชมห้องน้ำกันบ้าง มีอ่างล้างหน้า แปรงฟัน ให้ 2 จุด พร้อมกระจกเงาบานใหญ่
จุดเด่นของห้องน้ำเลยก็คือ เรนชาวเวอร์ ที่มีขนาดใหญ่มาก ผมเองพักโรงแรมต่าง ๆ มาก็หลายที่
ก็เพิ่งมาเจอที่นี่แหละ บิ๊กบึ้มมาก ยืนอาบแล้วให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางฝนเลย
อ่างอาบน้ำก็มีเกลือหอมใส่โหลเอาไว้ ให้ผสมกับน้ำเวลาแช่ตัว
ใต้อ่างล้างหน้าจะเป็นที่เก็บผ้าเช็ดตัว และกล่องใส่ของใช้ในห้องน้ำ
ห้องส่งแฟกซ์ 555 แยกออกมาเป็นห้องเล็กอีก 1 ห้อง สามารถปิดประตูได้
ต่อมา ผมจะพาไปชมสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่กันครับ
เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึง 3 ทุ่ม
สระว่ายน้ำแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้คุณหนูตัวน้อยมาใช้บริการนะครับ
เห็นแดดร้อน ๆ แบบนี้ แต่แขกที่มาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติก็สู้ไม่ถอย
ส่วนผมขอนั่งดูอยู่ในร่มก็แล้วกันนะครับ
ใกล้กับสระว่ายน้ำผู้ใหญ่นี้ จะมีแกลเลอรี่งานศิลปะให้ชม โดยภาพวาดต่าง ๆ นี้จะถูกเปลี่ยนแบบใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน
หากถูกใจก็สามารถซื้อกลับบ้านได้นะครับ
ชั้นบนของแกลเลอรี่จะเป็นบาร์นั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มชื่อว่า ไฮโซ บาร์
สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้ด้วย
ตอนเย็นแดดร่มลมตก ขึ้นมานั่งชมวิวทะเลจากบาร์แห่งนี้ก็ดูเป็นกิจกรรมที่เข้าท่าเหมือนกันนะครับ
ด้านล่างติด ๆ กันกับไฮโซ บาร์นั้น เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำอีกแห่งของโรงแรม
ออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอดยาวไปจนเกือบถึงชายหาด
คุณหนูตัวน้อยสามารถมาใช้บริการสระว่ายน้ำแห่งนี้ได้นะครับ
เก้าอี้สีสันสดใสริมสระ มองแล้วสบายตา
ช่วงบ่ายแดดร้อน ๆ แบบนี้ ก็เห็นจะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่มาใช้บริการ
ส่วนเรา ๆ ก็คงจะลงมาใช้บริการกันในช่วงบ่ายจัด ๆ ที่ไม่ค่อยมีแดดแล้วนะครับ
ซุ้มเก้าอี้ที่ประดับด้วยผ้าม่านสวย ๆ เย็นนี้ผมขอจอง
เดินเลยสระว่ายน้ำมาอีกนิดเราจะพบกับชายหาดส่วนตัวของโรงแรม สามารถลงไปเล่นน้ำได้
มีมือยักษ์โผล่ขึ้นมาแต่ปลายนิ้วจากพื้นทรายด้วยนะครับ
วันที่ผมไปนั้น คลื่นแรง ลมแรงพอสมควร
เก้าอี้ชายหาดพร้อมหมอนอิงสีสันสดใสจำนวนมากจัดวางไว้บริการ
ใครร้อนแดด จะสมัครนอนในเต๊นท์โดมเล็ก ๆ ก็ไม่ผิดกติกานะครับ
บาร์ริมชายหาดและห้องอาหารอีกแห่งชื่อว่า บีช โซไซตี้
บรรยากาศดี สามารถนั่งรับลมเย็น ๆ จากชายหาดได้ทั้งวัน
ช่วงที่ผมไปนั้นก็เห็นมีแขกของโรงแรมจับจองที่นั่ง นั่งพักผ่อนกันตลอดทั้งช่วงบ่าย
หากใครหิวก็สามารถสั่งอาหารทานได้เลยนะครับ
ที่บีช โซไซตี้ นี้ก็ยังมีสระว่ายน้ำอีกแห่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากเท่าไรนัก
จุดประสงค์คงมีไว้ให้แช่ตัวแก้ร้อนมากกว่าให้ว่ายกันเป็นจริงเป็นจัง
นั่งพักแก้เหนื่อยสักครู่ก็แล้วกัน...วิวทะเลมองแล้วสบายใจจังครับ
น้ำมะม่วงปั่นที่เธอลองสั่งมาทานดับร้อน ก็อร่อยดี
เย็นนี้ผมมาทานข้าวที่ห้องอาหารบีช โซไซตี้
เดินมาถึงก็พบว่าคุณพี่พนักงานนั้นได้ติดป้ายจองโต๊ะไว้ให้ผมแล้ว
บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ นั่งทานอาหารชมวิวทะเล รับลมเย็น ๆ ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน
เมนูอย่างแรกของเราในวันนี้ Cuttle squid หรือปลาหมึกชุบแป้งทอด ทำเก๋เสิร์ฟมาในจานสังกะสี ให้บรรยากาศบ้าน ๆ พื้นถิ่น
Orzo tomkha คุณเชฟนำเส้นพาสต้ามาดัดแปลงทำเป็นเมล็ดข้าว แล้วปรุงให้เป็นรสต้มข่า
Smoked fish tartine เนื้อปลารมควันสไลด์บาง ๆ วางมาบนหน้าขนมปังราดซอสสูตรพิเศษใส่ผักและลูกเคเปอร์
พิซซ่าแป้งบางอบร้อน ๆ สดใหม่มาจากเตาเป็นรูปทรงวงรี
[SR] + + + Review + + + SO SOFITEL HUA HIN + + +
ผมจำได้ว่าในสมัยที่ผมเป็นเด็ก ถ้าครอบครัวไหนได้มาเที่ยวทะเลชะอำ – หัวหิน ครอบครัวนั้นก็จะดูโก้ไม่เบาเลยทีเดียว
แต่สำหรับผม ชะอำ - หัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ผมไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเที่ยวกับที่ทำงาน
แบบไปเช้า – เย็นกลับ เสียเป็นส่วนใหญ่ ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 กลับถึงบ้าน 3 ทุ่ม ใช้เวลานั่งรถนานกว่าได้เที่ยว
ครั้งนี้โชคดี ผมมีโอกาสได้เข้าพักเยี่ยมชมโรงแรม โซ โซฟิเทล หัวหิน เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน
ขอออกตัวก่อนว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทางโรงแรมออกให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าเดินทางแต่ไม่มีการจัดฉากอะไรให้เกินจริง
นักท่องเที่ยวที่มาพักหากเลือกที่จะทำในแบบที่ผมทำ ก็จะได้รับในสิ่งเดียวกันกับผมนะครับ
ช่วงสาย ๆ ของวันนี้ผมควบเจ้าความหวังของหมู่บ้านออกจากบ้านที่ จ.อ่างทองในราว 8.00 น. ตั้งใจจะให้ถึงที่โรงแรมประมาณเที่ยง
เพราะผมขอพนักงานเขาเช็คอินก่อนกำหนดเอาไว้จากเดิมเวลาปกติคือ 14.00 น.
ขับรถติงนังมาเรื่อย ก่อนเที่ยงไม่กี่มากน้อย เจ้าการ์มิน ตัวนำทางในรถก็พาผมเลี้ยวซ้ายที่แยกชะอำ
ลัดเลาะมาตามทาง ไม่นานนักผมก็มาถึงแล้วจ้า โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน
เมื่อจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว เดินเข้ามาในตัวโรงแรม จะพบกับวงเวียนเล็ก ๆ
มีเจ้ากระต่ายตัวโต ถือนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่ เป็นนัยเพื่อบอกว่า ให้ทิ้งเวลา ทิ้งงานต่างๆ ทุกอย่างไว้ที่มัน
จากนั้นกลับหลังหันเดินขึ้นบันไดไปเช็คอินกันเลย
ล๊อบบี้ที่นี่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ มีคุณพนักงานรับลงทะเบียน ยืนรอให้บริการอยู่
ซักครู่ก็มีน้องพนักงานเดินถือถาดน้ำเย็นสมุนไพร มีตะไคร้ กระเจี๊ยบ ใบโหระพา
นำมาผสมกันในกาสีแดงสดใส ชงให้ทาน ทำให้ผมลืมเรื่องอากาศร้อนไปได้เสียสนิท
หลัก ๆ ก็คงจะช่วยในเรื่องสุขภาพช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี
โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังคือ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค ออกแบบร่วมสมัย
โดยเน้นโครงสร้างที่เป็นเชิงเส้น
ให้ความรู้สึกแข็งแรงมั่นคงและมีความดิบอยู่ในตัว แต่ใช้ไม้จากธรรมชาติมาผสมให้ดูมีอารมณ์ที่อ่อนโยนลง
ตัวโรงแรมออกแบบเป็นรูปตัว U ฝั่งซ้ายและขวาเป็นตึกห้องพักขนานกันไปทั้ง 2 ข้าง
โดยมีสระว่ายน้ำ 2 สระ ทอดยาวกั้นกลางเอาไว้
ฮูหยินของผมเห็นเจ้าเสือดาวที่ล๊อบบี้ตัวนี้ รีบวิ่งมาถ่ายรูปคู่เลย ดูออกไหมครับ ใครแม่เสือและใครลูกเสือ
นั่งรออยู่ไม่นาน ผมก็ได้คีย์การ์ดมา เอาล่ะ ไปห้องพักกันเลย
ห้องพักของผมในครั้งนี้เป็นแบบ โซ เนเจอร์
การออกแบบห้องพักแบบ โซ เนเจอร์นี้ จะอิงกับธรรมชาติเน้นการใช้ไม้เป็นหลัก
แล้วนำความดิบของปูนเปลือยมาผสม
แฝงไว้ด้วยความขี้เล่น สดใส ด้วยรูปภาพติดผนัง และโซฟาลายผีเสื้อ ของนักออกแบบชาวฝรั่งเศส
ที่เข้ามาเติมเต็มผสมผสานให้ห้องพักดูลงตัวมากขึ้น
มุมทำงาน – อ่านหนังสือก็ยังมีการวาดภาพตกแต่งเป็นรูปกิ่งไม้เอาไว้
ไฮไลต์ที่อยากนำเสนอคือหลังม่านบังแดดบริเวณหัวเตียงนั้น แอบมีเตียงน้อยๆของคุณหนูตัวเล็กซ่อนไว้ด้วย
สีสันสดใสสมวัยเจ้าตัวเล็กมาก
ฮูหยินของผมเห็นแล้วกรี๊ดลั่นบอกว่าคืนนี้พี่จะนอนเตียงเด็ก แล้วให้ผมนอนเตียงใหญ่คนเดียว
ดีเหมือนกัน ผมจะได้กลิ้งให้เต็มเตียงเลย
มาชมห้องน้ำกันบ้าง มีอ่างล้างหน้า แปรงฟัน ให้ 2 จุด พร้อมกระจกเงาบานใหญ่
จุดเด่นของห้องน้ำเลยก็คือ เรนชาวเวอร์ ที่มีขนาดใหญ่มาก ผมเองพักโรงแรมต่าง ๆ มาก็หลายที่
ก็เพิ่งมาเจอที่นี่แหละ บิ๊กบึ้มมาก ยืนอาบแล้วให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางฝนเลย
อ่างอาบน้ำก็มีเกลือหอมใส่โหลเอาไว้ ให้ผสมกับน้ำเวลาแช่ตัว
ใต้อ่างล้างหน้าจะเป็นที่เก็บผ้าเช็ดตัว และกล่องใส่ของใช้ในห้องน้ำ
ห้องส่งแฟกซ์ 555 แยกออกมาเป็นห้องเล็กอีก 1 ห้อง สามารถปิดประตูได้
ต่อมา ผมจะพาไปชมสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่กันครับ
เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึง 3 ทุ่ม
สระว่ายน้ำแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้คุณหนูตัวน้อยมาใช้บริการนะครับ
เห็นแดดร้อน ๆ แบบนี้ แต่แขกที่มาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติก็สู้ไม่ถอย
ส่วนผมขอนั่งดูอยู่ในร่มก็แล้วกันนะครับ
ใกล้กับสระว่ายน้ำผู้ใหญ่นี้ จะมีแกลเลอรี่งานศิลปะให้ชม โดยภาพวาดต่าง ๆ นี้จะถูกเปลี่ยนแบบใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน
หากถูกใจก็สามารถซื้อกลับบ้านได้นะครับ
ชั้นบนของแกลเลอรี่จะเป็นบาร์นั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มชื่อว่า ไฮโซ บาร์
สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้ด้วย
ตอนเย็นแดดร่มลมตก ขึ้นมานั่งชมวิวทะเลจากบาร์แห่งนี้ก็ดูเป็นกิจกรรมที่เข้าท่าเหมือนกันนะครับ
ด้านล่างติด ๆ กันกับไฮโซ บาร์นั้น เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำอีกแห่งของโรงแรม
ออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอดยาวไปจนเกือบถึงชายหาด
คุณหนูตัวน้อยสามารถมาใช้บริการสระว่ายน้ำแห่งนี้ได้นะครับ
เก้าอี้สีสันสดใสริมสระ มองแล้วสบายตา
ช่วงบ่ายแดดร้อน ๆ แบบนี้ ก็เห็นจะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่มาใช้บริการ
ส่วนเรา ๆ ก็คงจะลงมาใช้บริการกันในช่วงบ่ายจัด ๆ ที่ไม่ค่อยมีแดดแล้วนะครับ
ซุ้มเก้าอี้ที่ประดับด้วยผ้าม่านสวย ๆ เย็นนี้ผมขอจอง
เดินเลยสระว่ายน้ำมาอีกนิดเราจะพบกับชายหาดส่วนตัวของโรงแรม สามารถลงไปเล่นน้ำได้
มีมือยักษ์โผล่ขึ้นมาแต่ปลายนิ้วจากพื้นทรายด้วยนะครับ
วันที่ผมไปนั้น คลื่นแรง ลมแรงพอสมควร
เก้าอี้ชายหาดพร้อมหมอนอิงสีสันสดใสจำนวนมากจัดวางไว้บริการ
ใครร้อนแดด จะสมัครนอนในเต๊นท์โดมเล็ก ๆ ก็ไม่ผิดกติกานะครับ
บาร์ริมชายหาดและห้องอาหารอีกแห่งชื่อว่า บีช โซไซตี้
บรรยากาศดี สามารถนั่งรับลมเย็น ๆ จากชายหาดได้ทั้งวัน
ช่วงที่ผมไปนั้นก็เห็นมีแขกของโรงแรมจับจองที่นั่ง นั่งพักผ่อนกันตลอดทั้งช่วงบ่าย
หากใครหิวก็สามารถสั่งอาหารทานได้เลยนะครับ
ที่บีช โซไซตี้ นี้ก็ยังมีสระว่ายน้ำอีกแห่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากเท่าไรนัก
จุดประสงค์คงมีไว้ให้แช่ตัวแก้ร้อนมากกว่าให้ว่ายกันเป็นจริงเป็นจัง
นั่งพักแก้เหนื่อยสักครู่ก็แล้วกัน...วิวทะเลมองแล้วสบายใจจังครับ
น้ำมะม่วงปั่นที่เธอลองสั่งมาทานดับร้อน ก็อร่อยดี
เย็นนี้ผมมาทานข้าวที่ห้องอาหารบีช โซไซตี้
เดินมาถึงก็พบว่าคุณพี่พนักงานนั้นได้ติดป้ายจองโต๊ะไว้ให้ผมแล้ว
บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ นั่งทานอาหารชมวิวทะเล รับลมเย็น ๆ ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน
เมนูอย่างแรกของเราในวันนี้ Cuttle squid หรือปลาหมึกชุบแป้งทอด ทำเก๋เสิร์ฟมาในจานสังกะสี ให้บรรยากาศบ้าน ๆ พื้นถิ่น
Orzo tomkha คุณเชฟนำเส้นพาสต้ามาดัดแปลงทำเป็นเมล็ดข้าว แล้วปรุงให้เป็นรสต้มข่า
Smoked fish tartine เนื้อปลารมควันสไลด์บาง ๆ วางมาบนหน้าขนมปังราดซอสสูตรพิเศษใส่ผักและลูกเคเปอร์
พิซซ่าแป้งบางอบร้อน ๆ สดใหม่มาจากเตาเป็นรูปทรงวงรี