ท่านคิดว่าธุรกิจ Skin Care อยู่ในขั้น Over supply (สินค้าล้นตลาด) แล้วหรือยังอยากลงทุนในวงการนี้ครับควรยืนอยู่จุดไหนดี ?

ภาพรวมตลาดสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ที่มีมูลค่าตลาด 4,375 ล้านบาท จะมีการเติบโตติดลบ 1% ซึ่งถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางด้านการเมือง ทำให้คนเดินทางออกจากบ้านลดลง แต่หลังจากที่เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ และผู้บริโภคมีความมั่นใจในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นคาดว่าตลาดสกินแคร์ในภาพรวมของปีนี้จะยังสามารถเติบโตได้ถึง 6-7% หรือมีมูลค่าที่ระดับหมื่นล้านบาทได้ดังนั้นการแข่งขันของตลาดครึ่งปีหลังของตลาดสกินแคร์ คาดว่าจะยังคงทวีการแข่งขันอย่างรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่เจ้าตลาดอย่างโอเลย์ ของค่ายพีแอนด์จี, พอนด์ส จากยูนิลีเวอร์ หรือลอรีอัลที่รุกตลาดอย่างหนักภายใต้แบรนด์การ์นิเย่ เห็นได้จากล่าสุดที่ทุกค่ายเริ่มโหมตลาดกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โอเลย์เน้นสินค้าครบกลุ่มการแข่งขันของตลาดสกินแคร์มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเจ้าตลาดอย่างแบรนด์โอเลย์ ซึ่งนายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและสื่อสารการตลาด บริษัท พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง(ประเทศไทย) จำกัด หรือพีแอนด์จี บอกว่า นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมและค้นหานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว สิ่งที่ทำให้แบรนด์โอเลย์แข็งแกร่ง คือการมีสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นโอเลย์ รีเจอเนอริช ที่จับกลุ่มแมจทีส, โอเลย์ ไวท์ เรเดียน จับกลุ่มผู้หญิงทำงาน, โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็คส์ จับกลุ่มตลาดระดับล่างทั้งนี้ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึง ทางพีแอนด์จีมีแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อสร้างสีสันในตลาดสกินแคร์ เนื่องจากมองว่าตลาดสกินแคร์ในประเทศไทยยังมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งเมื่อเทียบตลาดกับประเทศเกาหลีใต้แล้ว จะเห็นได้ว่ามูลค่าตลาดสกินแคร์ในเกาหลีใต้มีสูงถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้นอย่างไรก็ตาม นายเมธี มองตลาดสกินแคร์ในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ขณะที่การแข่งขันในตลาดก็ทวีความรุนแรงเช่นกัน เนื่องจากมีทั้งอินเตอร์แบรนด์และโลคัลแบรนด์ที่เร่งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากที่สุดพอนด์สต่อยอดรักษาแชร์ขณะที่พอนด์สเอง ซึ่งรั้งตำแหน่งเบอร์สองในตลาด ยังคงโหมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรุกตลาดต่างจังหวัด และการจับกลุ่มผู้หญิงทำงาน ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวนวัตกรรมอีซี่ แค็ป เพื่อเจาะตลาดลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย และยังเป็นการตีกันคู่แข่งอย่างการ์นิเย่ที่รุกตลาดด้วยการส่งสินค้าซองไปในช่วงที่ผ่านมานางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดครีมบำรุงผิวแบบซองมีมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 62% ของตลาดเจเนอรัลเทรด โดยพอนด์สครองตำแหน่งเจ้าตลาด พร้อมจัดกิจกรรมด้วยการส่งคาราวานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อบุกไปแนะนำนวัตกรรมซองแบบใหม่ "อีซี่แค็ป" ให้แก่ 50,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ด้วยการเปิดปฏิบัติการตกแต่งร้านค้าให้เป็นสีชมพู พร้อมแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง 500,000 ชิ้นทั่วประเทศภายใน 1 วัน เพื่อให้สาวๆ ได้ทดลองใช้กันทั่วประเทศนอกจากนี้พอนด์ส ยังได้รุกตลาดด้วยการเสริมทัพในผลิตภัณฑ์พอนด์ส ฟลอเรส ไวท์ ด้วยการเปิดตัวซีรี่ส์รักต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ปีที่ 3 ชื่อ "The Diary"  (ไดอารี่รัก) เพื่อเป็นการเร่งตลาดในกลุ่มไวเทนนิง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนที่มากสุดคิดเป็น 50% จากมูลค่าตลาดรวมการ์นิเย่ต่อยอดฟอร์เมนด้านค่ายลอรีอัลเองจะเห็นได้ว่ามีการรุกตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะการใช้สื่อช่องทางอินสโตร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง รวมทั้งลอรีอัลได้เริ่มรุกตลาดอย่างหนักทั้งในส่วนของแบรนด์ลอรีอัล และการ์นิเย่ ที่ล่าสุดได้เปิดตัวการ์นิเย่ฟอร์เมน ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ลอรีอัลรุกตลาดอย่างหนัก แต่รวมถึงประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียด้วย ส่งผลให้ลอรีอัลสามารถมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 19.1% แบ่งเป็นแบรนด์ลอรีอัล 7.9% และการ์นิเย่ 11.2% ปัจจุบันมูลค่าตลาดสกินแคร์ 4 เดือนแรกของปีนี้มีราว 4,375 ล้านบาทนั้น สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มไวเทนนิงหรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว 50% มีการเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 3% กลุ่มเอนไทร์เอจจิ้ง หรือผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย 33% การเติบโตคงที่ กลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไป 9% เติบโตติดลบ 2%  และผลิตภัณฑ์เฉพาะจุด 8% เติบโต 1%
ขณะที่เจ้าตลาดยังคงเป็นแบรนด์โอเลย์ มีส่วนแบ่งตลาด 27.3% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.3%  ตามด้วยแบรนด์พอนด์ส 18.1% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 19.8% ลอรีอัล 7.9% และการ์นิเย่ 11.2%

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่