สวัสดีครับ วันนี้ผมขอมาแนะนำคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง สำหรับท่านที่สนใจทุกท่าน

ภาพอาคารคณะวิทยาศาสตร์1(อาคารบรรยายและสำนักงาน)-----ขอบคุณภาพจาก อาเจี๊ยบ รอบรั้วราม
1.หลักสูตร
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าที่คณะวิทยาศาสตร์สอนอะไรบ้าง
คณะวิทยาศาสตร์ รามคำแหง ในปัจจุบันประกอบไปด้วย 8 ภาควิชา และ 6 สาขาวิชา ซึ่งเปิดสอนในหลักสูตรต่างๆ ได้แก่
1.ภาควิชาคณิตศาสตร์ www.math.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ (มี 3 แผนการศึกษา)
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์
2.ภาควิชาสถิติ www.stat.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการสถิติ
2.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการวิจัยดำเนินงาน
3.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสนับสนุนการตัดสินใจ
3.ภาควิชาเคมี www.chem.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมีประยุกต์
3.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเคมีประยุกต์
4.ภาควิชาฟิสิกส์ www.physics.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์
5.ภาควิชาชีววิทยา www.bio.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
3.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
6.ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ www.cs.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
2.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
7.ภาควิชาเทคโนโลยีวัสดุ www.mtech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีวัสดุ
8.ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร www.foodtech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร
และ 6 สาขาวิชา ได้แก่
1.สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ www.elec.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
2.สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ www.biotech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ
3.สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร www.agritech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
4.สาขาวิชาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม www.ev.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
5.สาขาวิชาวิชารังสีเทคนิค www.rt.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชารังสีเทคนิค
6.สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย www.rsa.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.การแพทย์แผนไทยบัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย
ที่นที่สนใจจะดูข้อมูลหลักสูตรแบบละเอียดเชิญได้ที่...
http://www.ru.ac.th/th/center_study_plan/10/1425007167_08_science_58.pdf

หุ่นจำลองมนุษย์ เพื่อใช้แทนมนุษย์ในการสแกนด้วยเครื่องเอกซเรย์ทั่วไปและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ของสาขาวิชารังสีเทคนิค
2.การเข้าศึกษา ระบบการศึกษา และค่าใช้จ่าย
1.การเข้าศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น
ทุกหลักสูตรในระดับปริญญาตรี ไม่ต้องสอบคัดเลือก สามารถเข้ามาสมัครในช่วงการรับสมัครของมหาวิทยาลัยได้เลย ยกเว้นหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต และวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชารังสีเทคนิคเท่านั้นที่จะต้องผ่านการสอบคัดเลือก ส่วนหลักสูตรบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามประกาศในแต่ละปีการศึกษา
2.ระบบการศึกษานั้นใช้ระบบทวิภาค และเปิดสอนซัมเมอร์ด้วย ซึ่งผู้เรียนจะต้องดูรายละเอียดจาก มร.30 แต่โดยปกติแล้ววิชาพื้นฐานหรือวิชาเอกที่เป็นพื้นฐานนั้นมักจะเปิดสอนทุกเทอมอยู่แล้ว ซึ่งในบางภาควิชาจะมีตารางกำหนดไว้ว่าในเทอมนี้จะเปิดวิชานี้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เรียนต้องติดตามจากภาควิชานั้นๆ
ในเรื่องของการเข้าฟังบรรยายและการเข้าห้องปฎิบัตินั้น คณะวิทยาศาสตร์ รามคำแหงก็เหมือนคณะอื่นๆในรามฯ คือ
ไม่ได้บังคับให้เข้าห้องเรียน(แต่ไม่ได้แนะนำว่าไม่ต้องเข้า)
อยู่ที่ว่าผู้เรียนจะสอบผ่านหรือเปล่า เว้นเสียแต่ว่าวิชาปฎิบัติการบางวิชา(โดยเฉพาะในรหัสสูงๆ)
ถ้าผู้เรียนไม่เข้าชั้นเรียน อาจไม่มีสิทธิ์สอบเลยก็ได้ อีกทั้งในหลายๆวิชาจะมีการนำนักศึกษาไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆเหมือนมหาวิทยาลัยปิด ดังนั้น ทางทีดีควรจะเข้าชั้นเรียนทุกๆวิชาอยู่แล้วเพื่อประโยชน์แก่ตัวนักศึกษาเอง
3.ค่าใช้จ่ายหน่วยกิตละ 25 บาทเหมือนคณะอื่นๆในรามคำแหงและจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย และค่าหนังสือพิมพ์ข่าวราม รวมกันประมาณ 600 บาท และค่าแลปซึ่งเป็นไปตามแต่ละหลักสูตรจะประกาศเอาไป โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท หลักสูตร
ยกเว้นสาขาวิชารังสีเทคนิค และ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยที่จัดการเรียนการสอนแบบพิเศษ โดยค่าเทอมจะพอๆกับมหาวิทยาลัยอื่น คือ 150,000 บาทตลอดหลักสูตรโดยประมาณ
สำหรับท่านใดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็
สามารถกู้ กยศ. ได้[/b]และมีทุนการศึกษาให้โดยทุนของมหาวิทยาลัยจะมีหลักๆ 4 ทุน คือ 1.ทุนเรียนดี 5A (สำหรับผู้มีผลการเรียนดี) 2.ทุนนักกีฬา 3.ทุนนักศึกษาผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์พิเศษ 4.ทุนสมเด็จพระเทพฯ และทางคณะวิทยาศาสตร์เองก็ได้มอบทุนให้แก่นักศึกษาจะมี 2 ทุน ได้แก่ 1.ทุนเรียนดี 2.ทุนกิจกรรม

รองศาสตราจารย์ ดร.กุลยา โอตากะกับนักศึกษาในกระบวนวิชาCMS1107ปฎิบัติการเคมี1

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ศิรินาวินกับนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเยี่ยมชมสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
3.การเรียนและการใช้ชีวิตในรามคำแหง
อย่างที่ได้กล่าวแล้วว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับเข้าเรียน แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็ต้องเข้าอยู่ดี เพราะสาขาต่างๆก็ล้วนแล้วแต่มีวิชชาปฎิบัติการทั้งนั้น ในการใช้ชีวิตที่รามคำแหงนั้นแน่นอนว่า เมื่อท่านเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1นั้น ต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี(รามฯบางนา,ราม2) เพราะเนื่องจากจะมีการบรรยายกระบวนวิชาพื้นฐานที่นั้น และนักศึกษาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่รามฯ2เป็นเวลา 1 ปี (หากศึกษาตามหลักสูตร ) เว้นแต่ท่านเรียนพรีดีกรีและได้เก็บวิชาพื้นฐานไปหมดแล้ว หรือลงทะเบียนมากกว่าที่หลักสูตรกำหนด เช่น ลงเทอมละ24หน่วยกิต ดังนี้เมื่อขึ้นเทอม2 ท่านก็อาจย้ายไปอยู่ที่รามฯ1 เลยก็ได้ เพราะเก็บวิชาพื้นฐานแทบหมดแล้ว แต่นักศึกษาบางคนก็ไปอยู่ที่ราม1แต่แรกเลย แล้วอาศัยนั่งรถไปเรียนที่รามฯ2เอา หรือดูจากวิดีโอคำบรรยายย้อนหลังแทนการเดินทางไปเรียน ซึ่งทั้งนี้อยู่ที่ว่าท่านจะวางแผนไว้อย่างไร
การเรียน
การเรียนการสอนนั้นก็เหมือนมหาวิทยาลัยปิดโดยทั่วไป มีการบรรยาย มีปฎิบัติการ มีการบ้าน รายงาน วิจัย โปรเจคท์ ดังนั้นการที่ไปนั่งเรียนเต็มเวลาจะทำให้ท่านได้เปรียบ แต่การเรียนที่รามนั้นเนื่องด้วยไม่ค่อยมีใครมาตามจู้จี้ ฉะนั้นถ้าท่านไม่สามารถคุมตัวเองได้ท่านอาจจะเรียนชนิดที่ว่า "โอลิมปิค2รอบ" ก็เป็นได้
แต่ในการเรียนนั้นก็มีจุดที่ช่วยให้เรียนง่ายขึ้นอยู่บ้าง เช่น ตำรา มหาวิทยาลัยรามคำแหงผลักดัน(ทั้งผลักและดัน) ให้อาจารย์พยายามเขียนตำราออกมาให้มากเท่าที่ทำได้ หรือถ้าไม่ทำเป็นตำรา ก็ต้องทำเป็นเอกสารประกอบการสอนให้เป็นรูปร่างขึ้นมา ก็เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เราไม่ได้คัดเลือกเด็กไงครับ เด็กที่มาเรียนที่รามจึงมีตั้งแต่ หัวกระทิ เด็กสามัญ เด็กเนิบๆ(ศัพท์ของศ.ดร.สมยศ) มีทั้งสาวน้อย และสาวใหญ่ บางท่านเกษียณอายุมาก็มาสมัครนักศึกษามานั่งเรียนซะงั้น ดังนั้นนักศึกษาที่มีพื้นฐานต่างกัน ถ้าหากเอาตำราฝรั่งมาถ่ายเอกสารเเจกเด็ก คงแย่กันแน่ ก็เลยต้องเขียนตำราขึ้นมา เป็นอานิสงค์ที่ทำให้เราสามารถทบทวนเนื้อหาวิชาได้ง่ายขึ้น หรืออีกเรื่องหนึ่งคือ บางสาขา เช่น ฟิสิกส์ ที่มีนักศึกษาอยู่ไม่กี่คน ทำให้บางวิชานี่นั่งเรียนตัวต่อตัวเลยทีเดียว ทำให้การสอนเป็นเรื่องง่าย...หรือเปล่า (จ่ายวิชาละ75บาท แต่ได้นั่งเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์นี่นับว่าคุ้มมากเเล้วนะครับ 555 ---ผศ.ดร.ประสบชัย วิริยะศรีสุวัฒนา)
การใช้ชีวิต
ที่รามไม่มีหอในให้นักศึกษา ดังนั้นนักศึกษาก็ต้องหาหอนอกอาศัย ซึ่งทั้งที่ราม1 และราม2 ก็มีหอหลากหลายเจ้าให้บริการ ก็เลือกได้ตามสะดวก สำหรับเรื่องเพื่อนนั้น อยู่ที่ตัวท่านเองว่าจะคบหาสมาคมกับใคร แต่ถ้าท่านเข้าห้องเรียน ไม่มีทางที่ท่านจะไม่มีเพื่อนแน่นอน ซึ่งทางคณะได้จัดกิจกรรมรับน้องให้นักศึกษาทุกปี และแต่ละสาขาวิชาก็จะมีกิจกรรมของตนด้วย ส่วนกิจกรรมนั้นที่รามก็มีให้ทำมาก เช่น ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่ม ซุ้ม ชมรมต่างๆในราม ซึ่งมีทุกรูปแบบ อย่างที่ดังๆก็เช่น ชมรมปาฐกถาและโต้วาที ที่เป็นสถานที่กำเนิดนักพูดหลายท่าน เช่น อาจารย์ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช อาจารย์จตุพล ชมภูนิช อาจารย์สมชาย หนองฮี ก็สุดที่แต่ที่จะแสวงหา เพราะที่รามไม่ได้บังคับว่านักศึกษาต้องร่วมกิจกรรมใดๆหรือไม่
และมหาวิทยาัลยเองก็มีหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมด้วย ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการหาอะไรทำ เช่น สถาบันภาษา ที่เปิดอบรมภาษามากกว่า 10 ภาษา สถาบันคอมพิวเตอร์ที่อบรมคอมพิวเตอร์ทุกระดับ และอบรมการใช้งานโปรแกรมต่างๆ เป็นต้น
ที่สำคัญที่สุดดังที่กล่าวย้ำมาหลายรอบแล้วนั้น คือ การที่ต้องควบคุมตนเองให้ได้ เพราะความอิสระที่ได้รับจากตลาดวิชขารามคำแหงนั้นเป็นเหมือนดาบสองคม หากท่านนำอิสระที่ได้ไปใช้ในทางที่ผิด กิน เที่ยว เล่น จนละเลยการเรียน ท้ายที่สุดท่านก็จะล้มเหลว หากท่านมานะศึกษา ท่านก็จะเป็นเป็นบัณฑิตคณะวิทย์ผู้มีความรู้ความสามารถแน่นอน

กิจกรรมรับน้องของคณะวิทยาศาสตร์
บัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์รุ่นที่ 41
ในการเขียนแนะนำครั้งนี้ก็เป็นการเขียนแบบคร่าวๆ การเรียบเรียงอาจงงๆไปบ้าง แต่ก็มีเจตนาที่จะให้ผู้สนใจ ได้อ่านไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ตัวผมเองก็สุดปัญญาที่จะบอกว่า "รามดีไหม" เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปวัดดีไม่ดี แต่สิ่งที่ผมกล้ายืนยันคือ อาจารย์ทุกท่านพร้อมสอนคุณ มาเรียนที่รามนั้นอยู่ที่ท่านจะใช้ชีวิตอย่างไร ศิษย์เก่าหลายคนก็ได้ดิบได้ดี ไปประกอบวิชาชีพในองค์กรต่างๆ ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ในขณะที่หลายคนล้มเหลว เรียนไม่รู้จักจบจักสิ้น จนต้องย้ายคณะไปเลยก็มี ทั้งนี้ก็เพราะชีวิตที่รามเป็นชีวิตที่สุดแต่ใจจะไขว้คว้าอย่างแท้จริง
ขอบคุณครับ
แนะนำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ภาพอาคารคณะวิทยาศาสตร์1(อาคารบรรยายและสำนักงาน)-----ขอบคุณภาพจาก อาเจี๊ยบ รอบรั้วราม
1.หลักสูตร
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าที่คณะวิทยาศาสตร์สอนอะไรบ้าง
คณะวิทยาศาสตร์ รามคำแหง ในปัจจุบันประกอบไปด้วย 8 ภาควิชา และ 6 สาขาวิชา ซึ่งเปิดสอนในหลักสูตรต่างๆ ได้แก่
1.ภาควิชาคณิตศาสตร์ www.math.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ (มี 3 แผนการศึกษา)
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์
2.ภาควิชาสถิติ www.stat.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการสถิติ
2.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการวิจัยดำเนินงาน
3.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสนับสนุนการตัดสินใจ
3.ภาควิชาเคมี www.chem.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมีประยุกต์
3.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเคมีประยุกต์
4.ภาควิชาฟิสิกส์ www.physics.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์
5.ภาควิชาชีววิทยา www.bio.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
2.วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
3.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
6.ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ www.cs.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
2.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
7.ภาควิชาเทคโนโลยีวัสดุ www.mtech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีวัสดุ
8.ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร www.foodtech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร
และ 6 สาขาวิชา ได้แก่
1.สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ www.elec.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
2.สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ www.biotech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ
3.สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร www.agritech.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
4.สาขาวิชาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม www.ev.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
5.สาขาวิชาวิชารังสีเทคนิค www.rt.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชารังสีเทคนิค
6.สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย www.rsa.sci.ru.ac.th
เปิดสอน 1 หลักสูตร ได้แก่
1.การแพทย์แผนไทยบัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย
ที่นที่สนใจจะดูข้อมูลหลักสูตรแบบละเอียดเชิญได้ที่...http://www.ru.ac.th/th/center_study_plan/10/1425007167_08_science_58.pdf
หุ่นจำลองมนุษย์ เพื่อใช้แทนมนุษย์ในการสแกนด้วยเครื่องเอกซเรย์ทั่วไปและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ของสาขาวิชารังสีเทคนิค
2.การเข้าศึกษา ระบบการศึกษา และค่าใช้จ่าย
1.การเข้าศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น ทุกหลักสูตรในระดับปริญญาตรี ไม่ต้องสอบคัดเลือก สามารถเข้ามาสมัครในช่วงการรับสมัครของมหาวิทยาลัยได้เลย ยกเว้นหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต และวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชารังสีเทคนิคเท่านั้นที่จะต้องผ่านการสอบคัดเลือก ส่วนหลักสูตรบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามประกาศในแต่ละปีการศึกษา
2.ระบบการศึกษานั้นใช้ระบบทวิภาค และเปิดสอนซัมเมอร์ด้วย ซึ่งผู้เรียนจะต้องดูรายละเอียดจาก มร.30 แต่โดยปกติแล้ววิชาพื้นฐานหรือวิชาเอกที่เป็นพื้นฐานนั้นมักจะเปิดสอนทุกเทอมอยู่แล้ว ซึ่งในบางภาควิชาจะมีตารางกำหนดไว้ว่าในเทอมนี้จะเปิดวิชานี้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เรียนต้องติดตามจากภาควิชานั้นๆ
ในเรื่องของการเข้าฟังบรรยายและการเข้าห้องปฎิบัตินั้น คณะวิทยาศาสตร์ รามคำแหงก็เหมือนคณะอื่นๆในรามฯ คือ ไม่ได้บังคับให้เข้าห้องเรียน(แต่ไม่ได้แนะนำว่าไม่ต้องเข้า) อยู่ที่ว่าผู้เรียนจะสอบผ่านหรือเปล่า เว้นเสียแต่ว่าวิชาปฎิบัติการบางวิชา(โดยเฉพาะในรหัสสูงๆ) ถ้าผู้เรียนไม่เข้าชั้นเรียน อาจไม่มีสิทธิ์สอบเลยก็ได้ อีกทั้งในหลายๆวิชาจะมีการนำนักศึกษาไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆเหมือนมหาวิทยาลัยปิด ดังนั้น ทางทีดีควรจะเข้าชั้นเรียนทุกๆวิชาอยู่แล้วเพื่อประโยชน์แก่ตัวนักศึกษาเอง
3.ค่าใช้จ่ายหน่วยกิตละ 25 บาทเหมือนคณะอื่นๆในรามคำแหงและจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย และค่าหนังสือพิมพ์ข่าวราม รวมกันประมาณ 600 บาท และค่าแลปซึ่งเป็นไปตามแต่ละหลักสูตรจะประกาศเอาไป โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท หลักสูตร ยกเว้นสาขาวิชารังสีเทคนิค และ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยที่จัดการเรียนการสอนแบบพิเศษ โดยค่าเทอมจะพอๆกับมหาวิทยาลัยอื่น คือ 150,000 บาทตลอดหลักสูตรโดยประมาณ
สำหรับท่านใดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็สามารถกู้ กยศ. ได้[/b]และมีทุนการศึกษาให้โดยทุนของมหาวิทยาลัยจะมีหลักๆ 4 ทุน คือ 1.ทุนเรียนดี 5A (สำหรับผู้มีผลการเรียนดี) 2.ทุนนักกีฬา 3.ทุนนักศึกษาผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์พิเศษ 4.ทุนสมเด็จพระเทพฯ และทางคณะวิทยาศาสตร์เองก็ได้มอบทุนให้แก่นักศึกษาจะมี 2 ทุน ได้แก่ 1.ทุนเรียนดี 2.ทุนกิจกรรม
รองศาสตราจารย์ ดร.กุลยา โอตากะกับนักศึกษาในกระบวนวิชาCMS1107ปฎิบัติการเคมี1
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ศิรินาวินกับนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเยี่ยมชมสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
3.การเรียนและการใช้ชีวิตในรามคำแหง
อย่างที่ได้กล่าวแล้วว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับเข้าเรียน แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็ต้องเข้าอยู่ดี เพราะสาขาต่างๆก็ล้วนแล้วแต่มีวิชชาปฎิบัติการทั้งนั้น ในการใช้ชีวิตที่รามคำแหงนั้นแน่นอนว่า เมื่อท่านเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1นั้น ต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี(รามฯบางนา,ราม2) เพราะเนื่องจากจะมีการบรรยายกระบวนวิชาพื้นฐานที่นั้น และนักศึกษาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่รามฯ2เป็นเวลา 1 ปี (หากศึกษาตามหลักสูตร ) เว้นแต่ท่านเรียนพรีดีกรีและได้เก็บวิชาพื้นฐานไปหมดแล้ว หรือลงทะเบียนมากกว่าที่หลักสูตรกำหนด เช่น ลงเทอมละ24หน่วยกิต ดังนี้เมื่อขึ้นเทอม2 ท่านก็อาจย้ายไปอยู่ที่รามฯ1 เลยก็ได้ เพราะเก็บวิชาพื้นฐานแทบหมดแล้ว แต่นักศึกษาบางคนก็ไปอยู่ที่ราม1แต่แรกเลย แล้วอาศัยนั่งรถไปเรียนที่รามฯ2เอา หรือดูจากวิดีโอคำบรรยายย้อนหลังแทนการเดินทางไปเรียน ซึ่งทั้งนี้อยู่ที่ว่าท่านจะวางแผนไว้อย่างไร
การเรียน
การเรียนการสอนนั้นก็เหมือนมหาวิทยาลัยปิดโดยทั่วไป มีการบรรยาย มีปฎิบัติการ มีการบ้าน รายงาน วิจัย โปรเจคท์ ดังนั้นการที่ไปนั่งเรียนเต็มเวลาจะทำให้ท่านได้เปรียบ แต่การเรียนที่รามนั้นเนื่องด้วยไม่ค่อยมีใครมาตามจู้จี้ ฉะนั้นถ้าท่านไม่สามารถคุมตัวเองได้ท่านอาจจะเรียนชนิดที่ว่า "โอลิมปิค2รอบ" ก็เป็นได้
แต่ในการเรียนนั้นก็มีจุดที่ช่วยให้เรียนง่ายขึ้นอยู่บ้าง เช่น ตำรา มหาวิทยาลัยรามคำแหงผลักดัน(ทั้งผลักและดัน) ให้อาจารย์พยายามเขียนตำราออกมาให้มากเท่าที่ทำได้ หรือถ้าไม่ทำเป็นตำรา ก็ต้องทำเป็นเอกสารประกอบการสอนให้เป็นรูปร่างขึ้นมา ก็เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เราไม่ได้คัดเลือกเด็กไงครับ เด็กที่มาเรียนที่รามจึงมีตั้งแต่ หัวกระทิ เด็กสามัญ เด็กเนิบๆ(ศัพท์ของศ.ดร.สมยศ) มีทั้งสาวน้อย และสาวใหญ่ บางท่านเกษียณอายุมาก็มาสมัครนักศึกษามานั่งเรียนซะงั้น ดังนั้นนักศึกษาที่มีพื้นฐานต่างกัน ถ้าหากเอาตำราฝรั่งมาถ่ายเอกสารเเจกเด็ก คงแย่กันแน่ ก็เลยต้องเขียนตำราขึ้นมา เป็นอานิสงค์ที่ทำให้เราสามารถทบทวนเนื้อหาวิชาได้ง่ายขึ้น หรืออีกเรื่องหนึ่งคือ บางสาขา เช่น ฟิสิกส์ ที่มีนักศึกษาอยู่ไม่กี่คน ทำให้บางวิชานี่นั่งเรียนตัวต่อตัวเลยทีเดียว ทำให้การสอนเป็นเรื่องง่าย...หรือเปล่า (จ่ายวิชาละ75บาท แต่ได้นั่งเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์นี่นับว่าคุ้มมากเเล้วนะครับ 555 ---ผศ.ดร.ประสบชัย วิริยะศรีสุวัฒนา)
การใช้ชีวิต
ที่รามไม่มีหอในให้นักศึกษา ดังนั้นนักศึกษาก็ต้องหาหอนอกอาศัย ซึ่งทั้งที่ราม1 และราม2 ก็มีหอหลากหลายเจ้าให้บริการ ก็เลือกได้ตามสะดวก สำหรับเรื่องเพื่อนนั้น อยู่ที่ตัวท่านเองว่าจะคบหาสมาคมกับใคร แต่ถ้าท่านเข้าห้องเรียน ไม่มีทางที่ท่านจะไม่มีเพื่อนแน่นอน ซึ่งทางคณะได้จัดกิจกรรมรับน้องให้นักศึกษาทุกปี และแต่ละสาขาวิชาก็จะมีกิจกรรมของตนด้วย ส่วนกิจกรรมนั้นที่รามก็มีให้ทำมาก เช่น ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่ม ซุ้ม ชมรมต่างๆในราม ซึ่งมีทุกรูปแบบ อย่างที่ดังๆก็เช่น ชมรมปาฐกถาและโต้วาที ที่เป็นสถานที่กำเนิดนักพูดหลายท่าน เช่น อาจารย์ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช อาจารย์จตุพล ชมภูนิช อาจารย์สมชาย หนองฮี ก็สุดที่แต่ที่จะแสวงหา เพราะที่รามไม่ได้บังคับว่านักศึกษาต้องร่วมกิจกรรมใดๆหรือไม่
และมหาวิทยาัลยเองก็มีหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมด้วย ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการหาอะไรทำ เช่น สถาบันภาษา ที่เปิดอบรมภาษามากกว่า 10 ภาษา สถาบันคอมพิวเตอร์ที่อบรมคอมพิวเตอร์ทุกระดับ และอบรมการใช้งานโปรแกรมต่างๆ เป็นต้น
ที่สำคัญที่สุดดังที่กล่าวย้ำมาหลายรอบแล้วนั้น คือ การที่ต้องควบคุมตนเองให้ได้ เพราะความอิสระที่ได้รับจากตลาดวิชขารามคำแหงนั้นเป็นเหมือนดาบสองคม หากท่านนำอิสระที่ได้ไปใช้ในทางที่ผิด กิน เที่ยว เล่น จนละเลยการเรียน ท้ายที่สุดท่านก็จะล้มเหลว หากท่านมานะศึกษา ท่านก็จะเป็นเป็นบัณฑิตคณะวิทย์ผู้มีความรู้ความสามารถแน่นอน
กิจกรรมรับน้องของคณะวิทยาศาสตร์
ในการเขียนแนะนำครั้งนี้ก็เป็นการเขียนแบบคร่าวๆ การเรียบเรียงอาจงงๆไปบ้าง แต่ก็มีเจตนาที่จะให้ผู้สนใจ ได้อ่านไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ตัวผมเองก็สุดปัญญาที่จะบอกว่า "รามดีไหม" เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปวัดดีไม่ดี แต่สิ่งที่ผมกล้ายืนยันคือ อาจารย์ทุกท่านพร้อมสอนคุณ มาเรียนที่รามนั้นอยู่ที่ท่านจะใช้ชีวิตอย่างไร ศิษย์เก่าหลายคนก็ได้ดิบได้ดี ไปประกอบวิชาชีพในองค์กรต่างๆ ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ในขณะที่หลายคนล้มเหลว เรียนไม่รู้จักจบจักสิ้น จนต้องย้ายคณะไปเลยก็มี ทั้งนี้ก็เพราะชีวิตที่รามเป็นชีวิตที่สุดแต่ใจจะไขว้คว้าอย่างแท้จริง
ขอบคุณครับ