DAY 0
เคยได้ยินคนพูดกันว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของการไปเที่ยว
คือตอนเก็บกระเป๋า เพราะเรากำลังสนุกกับจินตนาการ ว่าเราจะไปไหน ทำอะไร หรือเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง
ปกติผมก็เป็นแบบนั้นนะ แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้
วันที่เก็บกระป๋า พร้อมหยดน้ำตา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพราะความเชื่อใจ มันมีให้ได้แค่ครั้งเดียว
เมื่อความเชื่อใจมันหมดไป
ความรักที่หอมหวาน จึงหมดลง
และจุดแตกหักมันเริ่มขึ้น
จากคำถามของผมที่ว่า จะเอายังไงต่อไป
และคำตอบของเทอที่ว่า งั้นเราเลิกกัน
ของขวัญวันเกิดปีนี้ คือ ความโสด
ในวันที่ล้มลง แล้วโดนคนที่เคยบอกรักเหยียบซ้ำ
มันช้ำเกินจะบรรยาย เมื่อหัวใจบอกว่าไม่ไหว
สมองจึงสั่งให้ ร่างกายออกเดินทาง
ไปไหนดีหละ?
ภูกระดึงไง เสียงแว่วลอยมาในหัว อยากทำอะไรบ้าๆ จะได้หายบ้าซะที
รีบเคลียงาน และธุระให้เสร็จ เพราะรู้ตัวว่าทริปนี้ไปยาว
ถ้าไม่หาย คงไม่ได้กลับมาอีกแน่นอน
ก่อนจะไปชวนใครหลายๆคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และหนึ่งในนั้นก็คือเทอ
ด้วยความหวังเล็กๆ ที่ว่าอะไรอะไรจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ตอนแรกเทอสนใจอยากไปด้วย เพราะเทอยังไม่เคยไป
ผมรอเทอจนวันหยุดยาว
แต่สุดท้าย เทอก็ไม่ไป
เพราะติดงานวันเกิดเพื่อน
เทอต้องเดินทางกว่า 1320 กม.ในวันหยุดยาว
เพื่อเบิร์ดเดย์เดอะแก๊ง
แต่สำหรับผม
ระยะทาง300กม. คงลำบากไป ที่จะเดินทางมาหาผม
แต่แน่หละ ใครจะบ้าไปกับผม เดินขึ้นภูกระดึงหน้าร้อน
สุดท้าย ก็ไปคนเดียวตามคาด
ทริปนี้กว่าจะเริ่มเดินทางได้ ยากมาก
บอกตรงๆ ผมกลัว กลัวการเดินป่าคนเดียว(เคยหลงป่า)
กลัวหนาว(ลืมเสื้อหนาว) กลัวเดินไม่ไหว(แน่สิเอาแต่กินกับนอน)
กลัวติดต่อใครไม่ได้(ลืมสายชาร์ตแบต) กลัวเยอะแยะไปหมด
แต่แล้วก็บอกตัวเองว่า เอาวะ ครั้งนึงจะเป็นไรไป
อย่างมากก็แค่ตาย
เช็คอากาศ พายุเข้า ฝนเริ่มตก
โทรถามอุทยาน จนท.บอกว่า มาได้ ฝนตกช่วงบ่าย ให้รีบขึ้นแต่เช้า
ผมเริ่มลังเลอีกครั้ง
ใจนึงก็อยากไป อีกใจก็กลัว
แต่แล้วก็กัดฟันกลั้นใจ ไปหมอชิต
ตอนเข้าแถวซื้อตั๋ว ตาเหลือบไปเห็นป้ายเชียงคาน
เริ่มมีเชียงคานเข้ามารบกวนจิตใจ
เชียงคาน ภูกระดึง เชียงคาน ภูกระดึง เชียงคาน ภูกระดึง
พี่ครับ ภูกระดึง ที่นึง.
รถออกสามทุ่มครึ่ง ยังมีเวลาเหลืออีกหน่อย
แวะกินข้าวแล้วเดินขึ้นรถ
สิ่งที่ผมชอบเวลาเดินทาง
คือการที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง
ได้คุยกับตัวเอง
ได้ถามใจตัวเอง
ว่าต้องการอะไร
และจะเดินต่อไป อย่างไรกัน
ขึ้นรถได้ไม่นาน ผมก็หลับไป
จนกระทั่งเสียงฝนปลุกผมขึ้นมา จากความฝัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิ่งแรกที่ผมคิด คือเทอ
ทำไมต้องเป็นแบบนี้
ทำไม.........
ทำไม.......
ทำไม.......
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา
จนกระทั่ง ผมหลับไป
สลับกันอยู่แบบนี้ ทั้งคืน
.............................................................................................
Day1
“น้องคะ ถึงผานกเค้าแล้วค่ะ”
เสียงบัสโฮสเตสปลุกผมขึ้นอีกครั้ง
ผมลืมตามองไปข้างนอก รถจอดแล้วแต่ฝนยังคงตกอยู่
“พี่ครับ ผมขอไปลงเลย ต่อรถไปเชียงคานได้ใช่ไหมครับ"
สองสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเชียงคาน คือ
1อยู่จ.เลย และ 2เป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ริมแม่น้ำโขง
นอกนั้นผมไม่รุ้อะไรเลย
ผมจึงเริ่มหาข้อมูล ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว
เจอที่พักของแห่งนึง ชอบที่ห้องติดริมน้ำ ราคารับได้
รีบโทรจอง แต่ไม่มีคนรับสาย ก็แน่หละ เพิ่ง 7 โมงเองนี่
จากผานกเค้า ไปเลย ใช้เวลาพอสมควร ผมจ่ายเงินค่ารถเพิ่มอีก 50 บาท
พอถึงบขส ผมจึงเดินหา รถไปเชียงคาน
รถแล่นไปเรื่อยๆ ช้าๆ ไปตามทาง ฝนตกลงมาปรอยๆ

ผมได้แต่มองเหม่อออกไปนอกรถ และถามตัวเองว่า ระหว่างฝนกับน้ำตา อะไรมีมากกว่ากัน
รถมาจอดข้างถนนใหญ่ ป้ากระเป๋าเดินมาถามว่า จะไปลงที่ไหน?
มาเที่ยวครับป้า จะเดินหาโรงแรม ผมต้องลงตรงไหนครับ
ป้าบอกว่า ลงตรงนี้หละแล้วเดินต่อไปรถไม่ได้เข้าไปส่ง เดินไปทางวัดศรี ด้านในโรงแรมเยอะ เดินเลือกเอาเลย
ผมจึงลงรถเดินตามทางที่ป้าบอก
โรงแรมเยอะจริงๆ แต่ดูท่าทางจะเกินงบที่ผมวางไว้(400-500บาท)
เดินเข้าไปถามที่แรก ราคา 600บาท เหมือนห้องอพาทเม้น แค่มีระเบียงของบ้านติดริมน้ำ
อยู่ในห้องไม่ได้ความรู้สึกอะไร คงไม่ต่างกับห้องที่อยุ่ทุกวันสินะ
แล้วผมจะมาทำไมกัน?
ลองโทรหาบ้านที่ดูรีวิวไว้อีกครั้ง มีคนรับแล้ว ปลายสายบอกว่าห้องว่างอยากนอนห้องไหนเลือกเอาเลย
แต่ว่างคืนเดียว พรุ่งนี้เต็ม จบกัน แผนเชียงคาน 2 คืนของผม แต่ก็ไม่เป็นไร นอนก่อนคืนนึง แล้วค่อยว่ากัน
ประตูหน้าล็อค ไม่มีคนอยู่ ผมเดินเข้าจากทางหลังบ้าน
เดินขึ้นชั้น 2 ห้องฝั่งแม่น้ำตามคำแนะนำในรีวิว พอเปิดประตูห้องมาผมถึงกับตกใจ
เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี่หละ คือสิ่งที่ผมต้องการ
ผมนั่งบนเก้าอี้กลมข้างประตู นั่งนิ่งๆ มองดูฟ้าดูฝน สูดกลิ่นอากาศรอบตัว จนหลับไป
ตื่นมาเริ่มหิว เป้าหมายต่อไป จุ่มนัวยายพัด ตามรีวิวแนะนำ
ยายพัดบอกว่า จุ่มนัวคือสุกี้โบราณ ก็อร่อยดี แต่ไม่ถึงขนาดจะมาซ้ำ
กินเสร็จไม่รู้จะไปไหน เดินกลับบ้านพัก

Receptionของบ้าน

บัยไดชันไปหน่อยนะ
ป้าแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านแล้ว
มีเพื่อนคุยแล้วเย่.....
ป้าบอกว่า ที่เที่ยวเชียงคานมี
แก่งคุดคู้ แต่ฝนตก คงไม่เห็นแก่ง
ภูทอก ตอนนี้ไม่มีหมอก
แต่ถ้าจะไปก็ได้นะ เดี๋ยวป้าเอาเบอร์รถสามล้อให้
ฝนตกอีกแล้ว
การอยู่คนเดียวมันเหงา ฝนที่ตกช่วยเพิ่มความเหงาได้อีก 50%เลยสินะ
เวลาที่ฝนตก
ใครต่อใครมักจะรีบวิ่งหนีฝน
แต่ผมกลับชอบนั่งมองเม็ดฝนที่ตกลงมามากกว่า
ฝนตกแบบนี้ อยู่คนเดียวแบบนี้
จะมีอะไรดีไปกว่าการนอน......
ตื่นมาอีกทีบ่าย2
ฝนหยุดแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่น้ำตายังไม่หยุดไหล
ผมจึงออกเดิน อีกครั้ง
ร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด ผู้คนยังไม่ค่อยมี
เดินไปเดินมา
จากซอย5 ไปซอย20 จากซอย20 กลับมาซอย5
เดินฆ่าเวลาเล่นๆ แต่เวลาก็ยังเหลือเยอะ
เดินไปแก่งคุ้ดคู้ดีกว่า 5กม. ชม.เดียวก็ถึง
เดินมาถึงถนนใหญ่

เดินกลับดีกว่า
เดินชมเมือง อีกรอบ รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
เดินผ่านร้านนวด นอนนวดฆ่าเวลาแล้วกัน
รอพระอาทิตย์ตกดิน เวลาทอง ของคนถ่ายรูป

ที่ร้านบอกว่า เป็นการนวดยองเส้น
จับเส้นดีมาก โล่งเลย
กลับมาที่บ้าน นอนเล่นอีกรอบ
จากชีวิตที่เคยแต่รีบเร่ง
มาใช้ชีวิตช้าๆมันก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกันนะ
ส่วนหน้าของบ้านพักเป็นร้านขายกาแฟ
ผมรอเจ้าของร้านมาเปิด จน5โมงเย็น
ผมยังไม่เห็นวี่แวว วันนี้คงไม่ได้กินแล้วสินะ กาแฟ...
(อย่าโกรธผมนะพี่เต้ย จริงๆผมอยากคุยกับพี่ยาวๆนะ แต่เจอพี่แป๊ปเดียวเอง ไว้คราวหน้าจะไปอุดหนุนใหม่นะครับ)
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยฟ้า
เดินเรียบโขง ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย
พออาทิตย์ลับของฟ้า ความมืดเริ่มเข้ามาเยือน
เดินกลับมาเดินดูของที่ถนนคนเดิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีร้านนึงขายเต่ากะลา
เต่าที่เทอชอบ
ผมถามตัวเองว่า จะซื้อดีมั๊ย
ซื้อแล้วเทอจะรับมั๊ย
เทอยังอยากได้เต่าจากผมอีกมั๊ย
เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจ
"พี่ครับ เอาตัวนี้"
กุ้งแม่น้ำโขงย่าง

จากซื้อชิม2ไม้ อร่อยติดใจ ต้องซื้อเพิ่มอีก10ไม้ เดินกินเรื่อยๆ ไม่นานก็หมด
เดินเรื่อยๆเจอร้านนั่งชิลเลี้ยวเข้าไปโดยไม่ลังเล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดื่ม.....กันสักแก้วนึงจะได้ลืมเธอสักแปบนึง
สิ่งที่ฉันหวังกับความรักของฉันนั้นพังไปหมดแล้ว
หรือ ต้องดื่มอีกสักแก้วนึงจะได้ลืมเธออีกแปบนึง
ให้ใจฉันนี้ตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้ไม่ต้องรักเธอ
เวลาที่ยกแก้ว ผมมักจะร้องเพลงนี้อยู่ในใจ
แต่หมดไปหลายกลมแล้ว แต่ยังลืมเทอไม่ได้สักที
ในร้านค่อนข้างเงียบสงบ มีลูกค้าสองสามโต๊ะ
โต๊ะข้างๆ เป็นน้องผู้หญิงนั่งคนเดียว เฟี๊ยวมาก
จากทักทายกันตามประสาคนเดินทาง
เริ่มคุยกันสนุก ย้ายมานั่งคุย โต๊ะเดียวกัน
ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าที่คุยสนิทเหมือนรู้จักกันมานาน
เป็นเพราะ ยารักษาใจที่ผมดื่ม หรือเพราะไลฟ์สไตล์ ที่คล้ายกัน
เมื่อเบียร์หมด แต่ความสนุกยังไม่หมดตาม
"พี่คะ เบียร์ขวด" น้องสั่ง
ผมหันไปมองหน้าน้อง จะห้าม แต่ไม่ทันแล้วสินะ
"ผมเป็นลูกค้าครับ" คู่สนทนาตอบ




สาวผมสั้น ตัวเล็ก หุ่นฟิตแอนด์เฟิม
บิดมอไซด์คนเดียวมาจากหนองคาย
พรุ่งนี้น้องขับรถกลับหนองคายแล้ว
แล้วผมหละจะไปไหนดี?
"ไปด้วยดิ"ผมถาม
"เอาสิ" น้องตอบ
อย่างน้อย พรุ่งนี้ผมก็มีจุดหมายแล้วสินะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ผมเดินไปส่งน้องเค้าที่โรงแรม ซ.3
และน้องขี่มอไซด์มาส่งผม ซ.13 อีกที
ถึงห้องแล้วความเหงา เข้าครอบงำ อย่างเคยสินะ
วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
จะไปไหนต่อ
เที่ยวหนองคายดีมั๊ย
หรือจะเข้าลาวดี
ไปวังเวียงดีกว่า เห็นพูดถึงกันเยอะ
แล้วเจอกัน #วังเวียง
เป้หนึ่งใบ กับใจหนึ่งดวง ----> หนีรัก พักใจในวันฝนพรำ
เคยได้ยินคนพูดกันว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของการไปเที่ยว
คือตอนเก็บกระเป๋า เพราะเรากำลังสนุกกับจินตนาการ ว่าเราจะไปไหน ทำอะไร หรือเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง
ปกติผมก็เป็นแบบนั้นนะ แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้ วันที่เก็บกระป๋า พร้อมหยดน้ำตา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในวันที่ล้มลง แล้วโดนคนที่เคยบอกรักเหยียบซ้ำ
มันช้ำเกินจะบรรยาย เมื่อหัวใจบอกว่าไม่ไหว
สมองจึงสั่งให้ ร่างกายออกเดินทาง
ไปไหนดีหละ?
ภูกระดึงไง เสียงแว่วลอยมาในหัว อยากทำอะไรบ้าๆ จะได้หายบ้าซะที
รีบเคลียงาน และธุระให้เสร็จ เพราะรู้ตัวว่าทริปนี้ไปยาว
ถ้าไม่หาย คงไม่ได้กลับมาอีกแน่นอน
ก่อนจะไปชวนใครหลายๆคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่แน่หละ ใครจะบ้าไปกับผม เดินขึ้นภูกระดึงหน้าร้อน
สุดท้าย ก็ไปคนเดียวตามคาด
ทริปนี้กว่าจะเริ่มเดินทางได้ ยากมาก
บอกตรงๆ ผมกลัว กลัวการเดินป่าคนเดียว(เคยหลงป่า)
กลัวหนาว(ลืมเสื้อหนาว) กลัวเดินไม่ไหว(แน่สิเอาแต่กินกับนอน)
กลัวติดต่อใครไม่ได้(ลืมสายชาร์ตแบต) กลัวเยอะแยะไปหมด
แต่แล้วก็บอกตัวเองว่า เอาวะ ครั้งนึงจะเป็นไรไป อย่างมากก็แค่ตาย
เช็คอากาศ พายุเข้า ฝนเริ่มตก
โทรถามอุทยาน จนท.บอกว่า มาได้ ฝนตกช่วงบ่าย ให้รีบขึ้นแต่เช้า
ผมเริ่มลังเลอีกครั้ง
ใจนึงก็อยากไป อีกใจก็กลัว
แต่แล้วก็กัดฟันกลั้นใจ ไปหมอชิต
ตอนเข้าแถวซื้อตั๋ว ตาเหลือบไปเห็นป้ายเชียงคาน
เริ่มมีเชียงคานเข้ามารบกวนจิตใจ
เชียงคาน ภูกระดึง เชียงคาน ภูกระดึง เชียงคาน ภูกระดึง
พี่ครับ ภูกระดึง ที่นึง.
รถออกสามทุ่มครึ่ง ยังมีเวลาเหลืออีกหน่อย
แวะกินข้าวแล้วเดินขึ้นรถ
สิ่งที่ผมชอบเวลาเดินทาง
คือการที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง
ได้คุยกับตัวเอง
ได้ถามใจตัวเอง
ว่าต้องการอะไร
และจะเดินต่อไป อย่างไรกัน
ขึ้นรถได้ไม่นาน ผมก็หลับไป
จนกระทั่งเสียงฝนปลุกผมขึ้นมา จากความฝัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.............................................................................................
Day1
“น้องคะ ถึงผานกเค้าแล้วค่ะ”
เสียงบัสโฮสเตสปลุกผมขึ้นอีกครั้ง
ผมลืมตามองไปข้างนอก รถจอดแล้วแต่ฝนยังคงตกอยู่
“พี่ครับ ผมขอไปลงเลย ต่อรถไปเชียงคานได้ใช่ไหมครับ"
สองสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเชียงคาน คือ
1อยู่จ.เลย และ 2เป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ริมแม่น้ำโขง
นอกนั้นผมไม่รุ้อะไรเลย
ผมจึงเริ่มหาข้อมูล ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว
เจอที่พักของแห่งนึง ชอบที่ห้องติดริมน้ำ ราคารับได้
รีบโทรจอง แต่ไม่มีคนรับสาย ก็แน่หละ เพิ่ง 7 โมงเองนี่
จากผานกเค้า ไปเลย ใช้เวลาพอสมควร ผมจ่ายเงินค่ารถเพิ่มอีก 50 บาท
พอถึงบขส ผมจึงเดินหา รถไปเชียงคาน
รถแล่นไปเรื่อยๆ ช้าๆ ไปตามทาง ฝนตกลงมาปรอยๆ
ผมได้แต่มองเหม่อออกไปนอกรถ และถามตัวเองว่า ระหว่างฝนกับน้ำตา อะไรมีมากกว่ากัน
รถมาจอดข้างถนนใหญ่ ป้ากระเป๋าเดินมาถามว่า จะไปลงที่ไหน?
มาเที่ยวครับป้า จะเดินหาโรงแรม ผมต้องลงตรงไหนครับ
ป้าบอกว่า ลงตรงนี้หละแล้วเดินต่อไปรถไม่ได้เข้าไปส่ง เดินไปทางวัดศรี ด้านในโรงแรมเยอะ เดินเลือกเอาเลย
ผมจึงลงรถเดินตามทางที่ป้าบอก
โรงแรมเยอะจริงๆ แต่ดูท่าทางจะเกินงบที่ผมวางไว้(400-500บาท)
เดินเข้าไปถามที่แรก ราคา 600บาท เหมือนห้องอพาทเม้น แค่มีระเบียงของบ้านติดริมน้ำ
อยู่ในห้องไม่ได้ความรู้สึกอะไร คงไม่ต่างกับห้องที่อยุ่ทุกวันสินะ
แล้วผมจะมาทำไมกัน?
ลองโทรหาบ้านที่ดูรีวิวไว้อีกครั้ง มีคนรับแล้ว ปลายสายบอกว่าห้องว่างอยากนอนห้องไหนเลือกเอาเลย
แต่ว่างคืนเดียว พรุ่งนี้เต็ม จบกัน แผนเชียงคาน 2 คืนของผม แต่ก็ไม่เป็นไร นอนก่อนคืนนึง แล้วค่อยว่ากัน
ประตูหน้าล็อค ไม่มีคนอยู่ ผมเดินเข้าจากทางหลังบ้าน
เดินขึ้นชั้น 2 ห้องฝั่งแม่น้ำตามคำแนะนำในรีวิว พอเปิดประตูห้องมาผมถึงกับตกใจ
เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี่หละ คือสิ่งที่ผมต้องการ
ผมนั่งบนเก้าอี้กลมข้างประตู นั่งนิ่งๆ มองดูฟ้าดูฝน สูดกลิ่นอากาศรอบตัว จนหลับไป
ตื่นมาเริ่มหิว เป้าหมายต่อไป จุ่มนัวยายพัด ตามรีวิวแนะนำ
ยายพัดบอกว่า จุ่มนัวคือสุกี้โบราณ ก็อร่อยดี แต่ไม่ถึงขนาดจะมาซ้ำ
กินเสร็จไม่รู้จะไปไหน เดินกลับบ้านพัก
Receptionของบ้าน
บัยไดชันไปหน่อยนะ
ป้าแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านแล้ว
มีเพื่อนคุยแล้วเย่.....
ป้าบอกว่า ที่เที่ยวเชียงคานมี
แก่งคุดคู้ แต่ฝนตก คงไม่เห็นแก่ง
ภูทอก ตอนนี้ไม่มีหมอก
แต่ถ้าจะไปก็ได้นะ เดี๋ยวป้าเอาเบอร์รถสามล้อให้
ฝนตกอีกแล้ว
การอยู่คนเดียวมันเหงา ฝนที่ตกช่วยเพิ่มความเหงาได้อีก 50%เลยสินะ
เวลาที่ฝนตก
ใครต่อใครมักจะรีบวิ่งหนีฝน
แต่ผมกลับชอบนั่งมองเม็ดฝนที่ตกลงมามากกว่า
ฝนตกแบบนี้ อยู่คนเดียวแบบนี้
จะมีอะไรดีไปกว่าการนอน......
ตื่นมาอีกทีบ่าย2
ฝนหยุดแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมจึงออกเดิน อีกครั้ง
ร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด ผู้คนยังไม่ค่อยมี
เดินไปเดินมา
จากซอย5 ไปซอย20 จากซอย20 กลับมาซอย5
เดินฆ่าเวลาเล่นๆ แต่เวลาก็ยังเหลือเยอะ
เดินไปแก่งคุ้ดคู้ดีกว่า 5กม. ชม.เดียวก็ถึง
เดินมาถึงถนนใหญ่
เดินกลับดีกว่า
เดินชมเมือง อีกรอบ รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
เดินผ่านร้านนวด นอนนวดฆ่าเวลาแล้วกัน
รอพระอาทิตย์ตกดิน เวลาทอง ของคนถ่ายรูป
ที่ร้านบอกว่า เป็นการนวดยองเส้น
จับเส้นดีมาก โล่งเลย
กลับมาที่บ้าน นอนเล่นอีกรอบ
จากชีวิตที่เคยแต่รีบเร่ง
มาใช้ชีวิตช้าๆมันก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกันนะ
ส่วนหน้าของบ้านพักเป็นร้านขายกาแฟ
ผมรอเจ้าของร้านมาเปิด จน5โมงเย็น
ผมยังไม่เห็นวี่แวว วันนี้คงไม่ได้กินแล้วสินะ กาแฟ...
(อย่าโกรธผมนะพี่เต้ย จริงๆผมอยากคุยกับพี่ยาวๆนะ แต่เจอพี่แป๊ปเดียวเอง ไว้คราวหน้าจะไปอุดหนุนใหม่นะครับ)
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยฟ้า
เดินเรียบโขง ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย
พออาทิตย์ลับของฟ้า ความมืดเริ่มเข้ามาเยือน
เดินกลับมาเดินดูของที่ถนนคนเดิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กุ้งแม่น้ำโขงย่าง
จากซื้อชิม2ไม้ อร่อยติดใจ ต้องซื้อเพิ่มอีก10ไม้ เดินกินเรื่อยๆ ไม่นานก็หมด
เดินเรื่อยๆเจอร้านนั่งชิลเลี้ยวเข้าไปโดยไม่ลังเล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในร้านค่อนข้างเงียบสงบ มีลูกค้าสองสามโต๊ะ
โต๊ะข้างๆ เป็นน้องผู้หญิงนั่งคนเดียว เฟี๊ยวมาก
จากทักทายกันตามประสาคนเดินทาง
เริ่มคุยกันสนุก ย้ายมานั่งคุย โต๊ะเดียวกัน
ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าที่คุยสนิทเหมือนรู้จักกันมานาน
เป็นเพราะ ยารักษาใจที่ผมดื่ม หรือเพราะไลฟ์สไตล์ ที่คล้ายกัน
เมื่อเบียร์หมด แต่ความสนุกยังไม่หมดตาม
"พี่คะ เบียร์ขวด" น้องสั่ง
ผมหันไปมองหน้าน้อง จะห้าม แต่ไม่ทันแล้วสินะ
"ผมเป็นลูกค้าครับ" คู่สนทนาตอบ
สาวผมสั้น ตัวเล็ก หุ่นฟิตแอนด์เฟิม
บิดมอไซด์คนเดียวมาจากหนองคาย
พรุ่งนี้น้องขับรถกลับหนองคายแล้ว
แล้วผมหละจะไปไหนดี?
"ไปด้วยดิ"ผมถาม
"เอาสิ" น้องตอบ
อย่างน้อย พรุ่งนี้ผมก็มีจุดหมายแล้วสินะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ผมเดินไปส่งน้องเค้าที่โรงแรม ซ.3
และน้องขี่มอไซด์มาส่งผม ซ.13 อีกที
ถึงห้องแล้วความเหงา เข้าครอบงำ อย่างเคยสินะ
วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
จะไปไหนต่อ
เที่ยวหนองคายดีมั๊ย
หรือจะเข้าลาวดี
ไปวังเวียงดีกว่า เห็นพูดถึงกันเยอะ
แล้วเจอกัน #วังเวียง