WQQT 2016

กระทู้ข่าว
สวัสดี...โตเกียว
ปฐมบทปฎิบัติการตามติด..ชีวิตนักตบ ไล่ล่าคว้าฝันโอลิมปิก 12 พฤษภาคม
*****************
เส้นทางของชีวิต บางทีมันมีอะไรมากไปกว่าการที่จะต้องมานั่งคาดเดาว่า...แล้วอะไร จะเกิดขึ้นอีกในชีวิตข้างหน้า
วันนี้เส้นทางชีวิตผม เริ่มต้นที่ปลายสุดขอบฟ้าอีกครั้ง กว่าจะรู้สึกตัวว่า...การเดินทางตามติด..ชีวิตนักตบ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ก็มาพบตัวเองนั่งติดกับคุณหมอจิ๊บ แพทย์ประจำทีมนักตบลูกยางสาวไทยบนเครื่องการบินไทย ที่มุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่นั่งติดกับคุณหมอไปทางซ้ายคือเอก ประวิตร ...นักข่าวสายวอลเลย์บอลสุดหล่อชื่อดังจากค่าย SMM และที่นั่งติดกับผมทางขวาคือเอ็ดดี้ ช่างภาพเอวีซีจากแกรนด์สปอร์ต ที่คอยส่งภาพสวยงามจับใจจากทุกเวทีที่สาวไทยไปแข่งขันมาให้ผมมิได้ขาด นั่งด้านหลังผมคือเตย..หัตถยาและยุพา สนิทกลาง สองนักวอลเลย์บอลสาวที่ถูกเรียกตัวมาเสริมทัพใหญ่ที่จะบินตรงจากปักกิ่งไปโตเกียว ส่วนพวกเราบินออกจากสุวรรณภูมิพร้อมผู้สื่อข่าวชุดใหญ่ 10 กว่าชีวิต
วันนี้เครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบิน TG676 พาพวกเราทะยานสู่ฟ้าในเวลา 07.35น เอ็ดดี้บอก..ออกตรงเวลาเป๊ะ..แต่ละคนยังไม่มีใครได้ทานอาหารมามากนัก เนื่องจากยังเช้าจัด พอเครื่องไต่ได้ระดับเพดานบิน พนักงานบนเครื่องเสริฟอาหารทันที เลือกเอาครับ...จะทานอุด้งผัดกุ้งตัวใย๊ใหญ่หรือจะเอาไข่คนดี กว่าจะรู้ตัวว่าเลือกอะไร เอกประวิตรและคุณหมอจิ๊บทานอุด้งอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมและเอ็ดดี้ทานไข่คน สองสาวนักวอลเลย์บอลด้านหลังก็เลือกอาหารที่ตนเองพอทานได้ แต่ผมไม่ได้เหลียวไปมองว่าจะเลือกกินเส้น...หรือกินก้อน แต่ที่แน่ๆ ได้ยินเสียงเตยชัดเจน...ขอน้ำอัดลมแก้วนึงค่ะ
อิ่มเอมเปรมปรีดิ์กันแล้ว ก็ถึงเวลานั่งคุยกัน น่าจะเป็นแบบจับเข่าคุย เพราะผมหันไปคุยเรื่องงานกับเอ็ดดี้ช่างภาพ เล่าเรื่องประสบการณ์เมื่อสี่ปีก่อนกับฝันร้ายของตบยางสาวไทย กับน้ำตา..และความทรงจำที่ยากจะลบเลือน กับความพลาดหวังไปแข่งขันโอลิมปิก เหมือนโดนญี่ปุ่นกลั่นแกล้ง...ทุกความทรงจำ..มันผุดขึ้นมาในห้วงแห่งความคิดของผมอีกครา ....ส่วนคุณหมอจิ๊บก็หันไปพูดคุยกับเอกประวิตรเรื่องวอลเลย์บอลเช่นกัน
ในขั่วขณะนั้น คุณหมอจิ๊บหันมาบอกว่าโค้ชอ๊อตไลน์มาบอกก่อนเครื่องออกว่า...ทัพใหญ่ตบยางสาวไทยที่ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่จีนจะบินเข้าญี่ปุ่นแต่ไปลงสนามบินอีกที่หนึ่ง ในขณะที่พวกเราที่มาจากสุวรรณภูมิ จะไปลงที่เทอร์มินัล 1 กันทั้งหมด โค้ชอ๊อตเลยบอกว่าให้คุณหมอจิ๊บ ผมและนักวอลเลย์บอลทั้งสองคนที่วันนี้มาในชุดเสื้อกีฬาสีแดงนำโชค ประเภทจะร้อนจะแรง ขอแดงไว้ก่อนนั้น ขึ้นรถชัตเติ้ลบัสไปโรงแรมเลย แล้วค่อยไปเจอกันที่โรงแรม Keio Plaza Hotel ....
ไม่นานหลังจากนั้น ได้ยินกัปตันบนเครื่องประกาศเสียงตามสาย...เราจะใช้เวลาบินประมาณห้าชั่วโมงเศษ โดยคาดว่าจะถึงสนามบินนาริตะในเวลา 15.10น ตามเวลาท้องถิ่น...โห อะไรจะเร็วปานนั้น ผมนึกในใจ....
กับระยะทาง 6,622 กิโลเมตร ที่ขึ้นแจ้งบนหน้าจอที่นั่ง ผมไม่รู้นะครับว่ามันจะนานแค่ไหนเมื่อได้ไปอยู่ตรงนั้น แต่ว่าผมเองเคยนั่งไกลสุดก็ตอนไปบราซิลปีที่แล้ว เพราะงั้น..กับเส้นทางแค่นี้ คงไม่อะไรมากนัก
อากาศในเครื่องบินค่อนข้างเย็นครับ เลยไม่แปลกใจทำไมพนักงานบนเครื่องแจกผ้าห่มตั้งแต่เครื่องยังไม่ออก และมันก็หนาวจริงๆ คุณหมอจิ๊บหยิบผ้าห่มสีม่วงมาห่มกายทั่วร่าง ในขณะที่เอกประวิตรห่มช่วงบน เหลียวหลังไปมองเตยและยุพา หลับสนิททั้งคู่ มีผ้าห่มคลุมกาย หงายหน้าไปบนพนักพิง ส่วนเอ็ดดี้ที่นั่งติดกับผม ขอแยกตัวไปนั่งที่นั่งว่างด้านหลังเรียบร้อยแล้ว เพราะบนเครื่องวันนี้ มีผู้โดยสารน้อย ที่นั่งว่างเลยเหลือเฟือ ส่วนเพื่อนพ้องน้องพี่นักข่าวแยกย้ายกันนั่งและนอนตามอัธยาศัย
ตอนนี้บนจอหน้าที่นั่งเขียนบอกว่าอีก 2.03 ชั่วโมงจะบินถึงโตเกียว พนักงานบนเครื่องเดินมาเสริฟน้ำพอดี ผมหยิบน้ำแฮ๊ปเปิ้ลมาดื่มรวดเดียวหมด ก่อนละสายตาไปยังคนข้างๆ หลับไหลกันไปด้วยอิริยาบทต่างๆกัน....ใช้เวลาช่วงนี้พักสายตาก่อนนะครับ เพราะผมพิมพ์บนเครื่อง เดี๋ยวจะมาต่อ เมื่อเดินทางถึงสนามบินนาริตะ.......
ถึงแล้วครับ เวลาที่ญี่ปุ่น 15.15น อากาศเย็นสบาย กัปตันบนเครื่องบอกว่าอุณหภูมิ 12 องศา แต่ผมว่าน่าจะสูงกว่านั้นนิดหน่อย แดดเปรี้ยงครับ มารอเข้าคิวตรวจคนเข้าเมือง คนรอนับพัน รอสักพักคงเรียบร้อย ....
ตอนนี้ออกมาเรียบร้อยแล้ว บังเอิญไฟลท์ของโค้ชอ๊อตดีเลย์ไปชั่วโมงนึง เลยได้มาเจอกันที่เทอร์มินัล 2 รวมเป็นนักกีฬากลุ่มใหญ่ เดินทางเข้าเมืองพร้อมกัน

ขอบคุณข่าวจาก FB พี่กาย ปรีชาชาญ วิริยานุภาพพงศ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่