Hi everyone!!! วันนี้มากับกระทู้รีวิวอันเเรกของแพ็ก
นั้นคือ Bioderma Cleaning Water ทั้ง 3 สูตร
เหตุเกิดจากแพ็กซื้อ โปร 1แถม1 ของ Watson
ขวดขนาด 250 ml เเต่เนื่องจากวันนั้นสาขาที่ไปซื้อขวด
ฝาชมพู Sensibio H2O หมด ซึ่งเป็นสูตรที่แพ็กใช้ประจำ
เเต่วันนั้นมันมีเเค่สูตรฟ้า Hydrabio H2O
เเละเขียว Sebium H2O เหลืออยู่เลยอยากจะลองใช้
โดยที่ลืมตัวว่าตัวเองแพ้ง่ายเเต่ด้วยความที่คิดว่าแบรนด์นี้
น่าจะอ่อนโยนทุกสูตร เลยจัดมาลองดูสักหน่อย
มาดูกันเลยดีกว่าว่าเเต่ละสูตรหน้าตาเป็นยังไงบ้าง
มาเริ่มกันที่สูตรเเรกกันเลยนั้นคือ Sensibio H2O
เป็นสูตรยอดนิยมเเละเคลมกันว่าอ่อนโยนสำหรับผิวเเพ้ง่าย
ผิวเเห้ง-ธรรมดา เเละผิวที่มีการอักเสบหรือรอยเเดง
เพราะมีสาร Laminiaria และ Enoxolone
ที่ช่วยต้านเเละยับยั้งการอักเสบ เเละลดอาการแดงของผิว
แพ็กจะใช้ตัวนี้เช็ดในช่วงที่ไปกดสิวและหลังยิงเลเซอร์
ไม่แสบ ไม่แพ้คะเป็นสูตร Non-rinse, Paraben free และ Hypoallergenic
และที่สำคัญที่แบรนด์เคลมอีกว่า อ่อนโยน
ไม่ต้องล้างซ้ำด้วยน้ำ เนื่องจากเป็น Makeup remeving micelle solution
สามารถเช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาได้ ไม่แสบค่ะ
เเต่ยังไม่เคยเช็ดแล้วนอนนะค่ะ ยังรู้สึกว่ายังไงก็ไม่สะอาด
เท่ากับการล้างหน้าซ้ำอีกรอบ
ให้คะเเนน 4.5 หักที่ราคา เเละจะซื้อใช้ต่อเนื่องคะไม่กล้าเปลี่ยนเเล้ว
ต่อไปเป็นสูตร Sebium H2O ฝาสีเขียว เคลมกันว่าเหมาะสำหรับ
คนเป็นสิว, ผิวผสม-ผิวมัน รูขุมขนกว้าง เป็นสูตร Non-rinse, Paraben free,
และ Hypoallergenic สามารถขจัดน้ำมันส่วนเกินไม่ทำให้ผิวเเห้งตึง
ที่สำคัญเป็นสูตร Non-comedogenic ไม่ทำให้อุดตันเพิ่ม
และลดการสะสมของไขมัน นอกจากนั้นมีส่วนประสมจาก
Ginko biloba leaf extractหรือใบแป๊ะก๊วยอีกด้วย
สูตรนี้ไม่เหมาะกับการนำมาเช็ดรอบดวงตา
เพราะจะทำให้เเสบเเละไม่อ่อนโยนเท่าฝาชมพู แพ็กเคยใช้ตอนเป็นสิว
และหลังกดสิว จะรู้สึกแสบนิดหน่อยเเต่ไม่มากจนเกินไป
สำหรับสูตรนี้แพ็กไม่แพ้นะ ใช้ได้ตอนเป็นสิว
ให้คะเเนน 3/5 หักที่ไม่สามารถเช็ดรอบดวงตาได้

และสูตรสุดท้าย สูตรต้นเรื่องรีวิวครั้งนี้ นั้นก็คือสูตร Hydrabio H2O
ฝาฟ้านี้เอง สูตรนี้เหมาะกับผิวบอบบางเเละเเห้ง
เช่นเคย Non-rinse, Paraben free,และ Hypoallergenic
สามารถนำมาเช็ดรอบดวงตาได้ โดยรวมคล้ายกับสีชมพู
เป็นสูตร Micelle solution เช่นกัน เเต่จะเหมาะกับผิวที่ต้องการความชุ่มชื่น
ขาดน้ำผิวเเห้งเนื่องจากมีส่วนประสบของ Moisturizer อยู่ด้วย
ตอนเริ่มใช้รู้สึกได้ว่าเช็ดออกไม่สะอาดเท่ากับรุ่นอื่นๆ
หลังจากใช้ไปได้สักวันสองวัน ปรากฎว่ามีผื่นขึ้นบริเวณหน้าฝาก
เเต่ตอนเเรกคิดว่าแพ้เหงื่อเลยใช้ต่อไป หลังจากนั้นมันกลายเป็นสิวผด
เลยไปหาหมอก็เลยทราบว่าแพ้สูตรนี้
สรุปต้องเลิกใช้โดยด่วนเเละไม่กล้าเปลี่ยนใจอีก
ให้คะเเนน 1/5 เพราะเสียดายเงินที่ซื้อไปแถมแพ้เเละเช็ดไม่สะอาดอีกด้วย
ต่อไปจะเป็นการรีวิวประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
เรียงจาก สูตร ชมพูม เขียว และฟ้าตามลำดับ
โดยใช้เครื่องสำอางค์สามชนิดมาทดลอง
หลังจากการเช็ดทั้งสามสูตรครั้งเเรกโดยใช้เเรงเท่ากัน
เช็ดโดยชุบบนสำลีเเล้วเช็ดผ่านเครื่องสำอางค์ทั้งสามชนิด
ผลที่ได้ก็คือ จะเห็นได้ชัดว่า สูตรสีชมพู มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
มากที่สุด รองลงมาคือสีเขียว เเละฟ้าลำดับสุดท้าย
ในครั้งที่สอง จะเห็นได้ว่าสูตรสีชมพูทำความสะอาดค่อนข้างสะอาดที่สุด
รองลงมาคือสีเขียว เเละฟ้าเช่นเคย
เเละสุดท้ายในครั้งที่ 3-4 ปรากฎว่า สีชมพู สามารถ
เช็ดทำความสะอาดได้หมดเเม้กระทั้ง waterproof gel liner
ส่วน ฝาเขียวยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เเต่สีฟ้ายังเหลืออยู่อย่างเห็นได้ชัดซึ่งถ้านำมาใช้กับใบหน้า
เราอาจจะต้องเช็ดเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ผิวได้รับการเสียดสี
เป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยได้ ที่สำคัญทำให้ต้องใช้ในปริมาณที่เยอะขึ้น
เปลืองไปอีก

สรุปนะค่ะ ตามความคิดเห็นส่วนตัว สีชมพูชนะเลิศคะ
ส่วนสีเขียวอาจจะหยิบมาใช้ในวันที่เป็นสิว
เเละสีฟ้า say bye คะไม่เอาเเล้วไม่สะอาดเเล้วยังแพ้อีก
สุดท้ายนี้คนที่แพ้ง่ายอย่าไปงกกลัวเสียดายโปรโมชั่น
จนไม่คิดถึงสภาพผิวหน้าตัวเอง เอามาลองมั่วๆจนเเพ้
เเละอาจจะทำยิ่งเปลืองเงินค่ารักษาอีกตอนหลัง
[CR] Review: Bioderma Cleaning Water ทุกสูตร เหตุเกิดจากการตามหาว่าแพ้สูตรไหน
นั้นคือ Bioderma Cleaning Water ทั้ง 3 สูตร
เหตุเกิดจากแพ็กซื้อ โปร 1แถม1 ของ Watson
ขวดขนาด 250 ml เเต่เนื่องจากวันนั้นสาขาที่ไปซื้อขวด
ฝาชมพู Sensibio H2O หมด ซึ่งเป็นสูตรที่แพ็กใช้ประจำ
เเต่วันนั้นมันมีเเค่สูตรฟ้า Hydrabio H2O
เเละเขียว Sebium H2O เหลืออยู่เลยอยากจะลองใช้
โดยที่ลืมตัวว่าตัวเองแพ้ง่ายเเต่ด้วยความที่คิดว่าแบรนด์นี้
น่าจะอ่อนโยนทุกสูตร เลยจัดมาลองดูสักหน่อย
มาดูกันเลยดีกว่าว่าเเต่ละสูตรหน้าตาเป็นยังไงบ้าง
มาเริ่มกันที่สูตรเเรกกันเลยนั้นคือ Sensibio H2O
เป็นสูตรยอดนิยมเเละเคลมกันว่าอ่อนโยนสำหรับผิวเเพ้ง่าย
ผิวเเห้ง-ธรรมดา เเละผิวที่มีการอักเสบหรือรอยเเดง
เพราะมีสาร Laminiaria และ Enoxolone
ที่ช่วยต้านเเละยับยั้งการอักเสบ เเละลดอาการแดงของผิว
แพ็กจะใช้ตัวนี้เช็ดในช่วงที่ไปกดสิวและหลังยิงเลเซอร์
ไม่แสบ ไม่แพ้คะเป็นสูตร Non-rinse, Paraben free และ Hypoallergenic
และที่สำคัญที่แบรนด์เคลมอีกว่า อ่อนโยน
ไม่ต้องล้างซ้ำด้วยน้ำ เนื่องจากเป็น Makeup remeving micelle solution
สามารถเช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาได้ ไม่แสบค่ะ
เเต่ยังไม่เคยเช็ดแล้วนอนนะค่ะ ยังรู้สึกว่ายังไงก็ไม่สะอาด
เท่ากับการล้างหน้าซ้ำอีกรอบ
ให้คะเเนน 4.5 หักที่ราคา เเละจะซื้อใช้ต่อเนื่องคะไม่กล้าเปลี่ยนเเล้ว
ต่อไปเป็นสูตร Sebium H2O ฝาสีเขียว เคลมกันว่าเหมาะสำหรับ
คนเป็นสิว, ผิวผสม-ผิวมัน รูขุมขนกว้าง เป็นสูตร Non-rinse, Paraben free,
และ Hypoallergenic สามารถขจัดน้ำมันส่วนเกินไม่ทำให้ผิวเเห้งตึง
ที่สำคัญเป็นสูตร Non-comedogenic ไม่ทำให้อุดตันเพิ่ม
และลดการสะสมของไขมัน นอกจากนั้นมีส่วนประสมจาก
Ginko biloba leaf extractหรือใบแป๊ะก๊วยอีกด้วย
สูตรนี้ไม่เหมาะกับการนำมาเช็ดรอบดวงตา
เพราะจะทำให้เเสบเเละไม่อ่อนโยนเท่าฝาชมพู แพ็กเคยใช้ตอนเป็นสิว
และหลังกดสิว จะรู้สึกแสบนิดหน่อยเเต่ไม่มากจนเกินไป
สำหรับสูตรนี้แพ็กไม่แพ้นะ ใช้ได้ตอนเป็นสิว
ให้คะเเนน 3/5 หักที่ไม่สามารถเช็ดรอบดวงตาได้
และสูตรสุดท้าย สูตรต้นเรื่องรีวิวครั้งนี้ นั้นก็คือสูตร Hydrabio H2O
ฝาฟ้านี้เอง สูตรนี้เหมาะกับผิวบอบบางเเละเเห้ง
เช่นเคย Non-rinse, Paraben free,และ Hypoallergenic
สามารถนำมาเช็ดรอบดวงตาได้ โดยรวมคล้ายกับสีชมพู
เป็นสูตร Micelle solution เช่นกัน เเต่จะเหมาะกับผิวที่ต้องการความชุ่มชื่น
ขาดน้ำผิวเเห้งเนื่องจากมีส่วนประสบของ Moisturizer อยู่ด้วย
ตอนเริ่มใช้รู้สึกได้ว่าเช็ดออกไม่สะอาดเท่ากับรุ่นอื่นๆ
หลังจากใช้ไปได้สักวันสองวัน ปรากฎว่ามีผื่นขึ้นบริเวณหน้าฝาก
เเต่ตอนเเรกคิดว่าแพ้เหงื่อเลยใช้ต่อไป หลังจากนั้นมันกลายเป็นสิวผด
เลยไปหาหมอก็เลยทราบว่าแพ้สูตรนี้
สรุปต้องเลิกใช้โดยด่วนเเละไม่กล้าเปลี่ยนใจอีก
ให้คะเเนน 1/5 เพราะเสียดายเงินที่ซื้อไปแถมแพ้เเละเช็ดไม่สะอาดอีกด้วย
ต่อไปจะเป็นการรีวิวประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
เรียงจาก สูตร ชมพูม เขียว และฟ้าตามลำดับ
โดยใช้เครื่องสำอางค์สามชนิดมาทดลอง
หลังจากการเช็ดทั้งสามสูตรครั้งเเรกโดยใช้เเรงเท่ากัน
เช็ดโดยชุบบนสำลีเเล้วเช็ดผ่านเครื่องสำอางค์ทั้งสามชนิด
ผลที่ได้ก็คือ จะเห็นได้ชัดว่า สูตรสีชมพู มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
มากที่สุด รองลงมาคือสีเขียว เเละฟ้าลำดับสุดท้าย
ในครั้งที่สอง จะเห็นได้ว่าสูตรสีชมพูทำความสะอาดค่อนข้างสะอาดที่สุด
รองลงมาคือสีเขียว เเละฟ้าเช่นเคย
เเละสุดท้ายในครั้งที่ 3-4 ปรากฎว่า สีชมพู สามารถ
เช็ดทำความสะอาดได้หมดเเม้กระทั้ง waterproof gel liner
ส่วน ฝาเขียวยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เเต่สีฟ้ายังเหลืออยู่อย่างเห็นได้ชัดซึ่งถ้านำมาใช้กับใบหน้า
เราอาจจะต้องเช็ดเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ผิวได้รับการเสียดสี
เป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยได้ ที่สำคัญทำให้ต้องใช้ในปริมาณที่เยอะขึ้น
เปลืองไปอีก
สรุปนะค่ะ ตามความคิดเห็นส่วนตัว สีชมพูชนะเลิศคะ
ส่วนสีเขียวอาจจะหยิบมาใช้ในวันที่เป็นสิว
เเละสีฟ้า say bye คะไม่เอาเเล้วไม่สะอาดเเล้วยังแพ้อีก
สุดท้ายนี้คนที่แพ้ง่ายอย่าไปงกกลัวเสียดายโปรโมชั่น
จนไม่คิดถึงสภาพผิวหน้าตัวเอง เอามาลองมั่วๆจนเเพ้
เเละอาจจะทำยิ่งเปลืองเงินค่ารักษาอีกตอนหลัง