กาลเวลา และ ห้วงแห่งกาลเวลา

กระทู้คำถาม
ทฤษฏี สัมพัทธภาพ
มวล แปรสภาเป็นพลังงานได้ โดยอาศัยความเร็วแสงยกกำลังสอง
เป็น สมการง่ายๆที่ มีเงื่อน ที่ ความเร็วต้องคงที่ และมีทิศทางที่แน่นอน

ไอสไตน์ ยังคงไม่พอใจกับบทสรุปนี้มากนัก
เพราะความเป็นจริง โลกของความเป็นจริง การเคลือนที่ของสิ่งใดๆ ไม่คงที่ และมีทิศทางไม่ตายตัว

ต่อมาเขาได้คิดค้น
ทฤษฏี สัมพัทธภาพ ทั่วไป
ที่สามารถเอาสมการนี้ไปใช้อธิบายได้ครอบจักรวาล

ทฤษฏีนี่เองที่ ทำให้โลกได้รับรู้ ถึงหน้าตาของ กาลเวลาในห้วงจักวาลนี้ได้
ไอสไตน์ กล่าวว่า ห้วงเวลาบิดเบี้ยวได้
หลายๆคนคงนึกไม่ออกว่า ห้วงเวลามันหน้าตาเป็นยังไงกันแน่

เขาได้พิสูจน์แล้วว่า
แรงดึงดูดของโลกไม่ได้เกิดจาก โลกดูดสิ่งต่างๆไว้
แต่เป็นเพราะเวลาที่บิดเบี้ยวได้คลุมตัวเราหรือสิ่งต่างๆไว้ให้ติดอยู่กับโลก
และโลกที่หมุนรอบดวงวอาทิตย์ เกิดจาก ห้วงเวลาที่บิดเบี้ยวจนทำให้โลกกลิ้งไปตามหลุ่มที่บิดเบี้ยวนั้นต่างหาก
อะไรที่ทำให้เกิดห้วงเวลาที่บิดเบี้ยว
ดวงอาทิตย์ที่มีน้ำหนักมหาศาลและปล่อบพลังงานออกมาอย่างบ้างคลั่ง ทำให้ห้วงเวลาบิดเบี้ยวไป
เขาอธิบายได้จาก สันนิฐานว่า แสงเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ ถ้ามันผ่านห้วงเวลาที่บิดเบี้ยวที่อยู่รอบดวงอาทิตย์
แสงนั้นจะเปลี่ยนทิศทางทันที
หลักการนี้ ทดสอบโดยการ ถ่ายรูปการเกิดสุริยุปราคาแล้วนำมาคำนวนหาทิศทางของแสง
ที่สุดไอสไตน์ ได้บทสรุปของเขาทั้งอธิบายได้ทั้งด้าน สมการ และการทดลอง
แต่ จนถึงทุกวันนี้ หลายๆคนก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า ห้วงเวลาที่บินเบี้ยวมันหน้าตายังไง

ลองให้คุณนึกถึงว่า จักรวาลของเรา เป็นเหมือนขนมวุ้นใสๆ
เนื้อของขนมวุ้น ใสมากจนมองทะลุผ่านไปอีกฝั่งได้ บางทีในจิตนาการของคุณอาจจะคิดว่ามันใสมากจนคุณแทบคิดว่าไม่มีเนื้อวุ้นอยู่ด้วยซ้ำ
คราวนี้ลองนึกถึง สิ่งของทรงกลม เล็กๆ เล็กพอที่จะเอาไปใส่ไว้ใน วุ้นใส นั้นได้
คุณจะเห็นว่า ของทรงกลมนั้น เมื่อใส่ไปในขนมวุ้นแล้ว มันลอยนิ่งอยู่ในนั้น
และอะไรก็แล้วแต่ที่อยุ่รอบๆ ผิวของมันก็ถูกเนื้อวุ้นบีบไว้  นั้นแหละ คือ แรงโน้มถ้วง ที่อธิบายว่า เราถูกห้วงของเวลาที่บิดเบี้ยวบีบเราไว้กับโลก


ห้วงเวลาของไอสไตน์  คือ การเอาเวลามาร้อยเรียงชิดติดกันจนผสานเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือน เนื้อของขนมวุ้นนั้นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วิทยาศาสตร์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่