คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เรื่องของกิน
1. เราอธิษฐานชำระความบาปก่อนรับประทานอาหาร มิใช่เพื่อให้อาหารปราศจาคโรค แต่เพื่อให้ความเป็นมลทินนั้นหายไป
2. จากพันธสัญญาใหม่ก็เห็นแล้วว่า เปาโลเห็นด้วยในการยกเลิกเรื่องถือว่าของใดกินได้ ของใดกินไม่ได้ ทุกอย่างกินได้เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า
3. เรื่องนี้มันเป็นเรื่อง กินได้/กินไม่ได้ เหมือนถูกกับผิด มันต้องเลือกสักอย่าง คือเมื่อบอกว่ากินได้ มันไม่ผิด ก็คือไม่ผิด
เรื่องเงิน
1. ใช้หลัก 10% เป็นขั้นต่ำ(พันธสัญญาเดิม) โดยที่ 10% นั้นต้องเป็นความสมัครใจ(พันธสัญญาใหม่)
2. ถ้าเราใช้แต่ความสมัครใจ โดยไม่มองพื้นฐาน ก็เหมือนเราไม่รู้ว่า เราควรจะไปโบสถ์กันบ่อยแค่ไหนดี สมัครใจไปเดือนละครั้งได้ไหม?
พระเจ้าจึงตั้งให้ 7 วัน ควรจะไปคริสตจักรอย่างน้อย 1 วัน เช่นเดียวกับเงินถวาย ได้มา 100% ควรคืนให้พระเจ้า 10% เป็นพื้นฐาน
3. มันเป็นเรื่องที่สามารถใช้ควบคู่ พันธสัญญาเดิม+พันธสัญญาใหม่ ได้ไปพร้อมๆกัน ต่างกับเรื่อง "ของกิน" ที่ใช้ควบคู่กันไม่ได้
คริสตจักรส่วนใหญ่ แนวโน้มจะสั่งสอนเรื่องสุขภาพฝ่ายวิญญาณ ซึ่งจะกระทบต่อ หน้าที่การงาน การเงิน มากกว่าเรื่องสุขภาพร่างกาย
ตอนนี้ก็เริ่มมีคริสตจักรบางแห่งก็เน้นกลับมาเน้นเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่เป็นร่างกายที่พระเจ้าทรงประทับ ส่งผลต่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้น เรื่องข้อห้ามมันพูดง่าย แต่ข้อควรกระทำมันพูดกันยาว การห้ามกินก็ไม่มีแล้ว
แต่การควรกินอะไรตามแนวทางพระคัมภีร์นั้นเป็นเรื่องหลังๆ เรื่องหลักควรจะเป็นการใช้จ่าย ใช้เงิน การเงิน มากกว่าเรื่องกิน
อาจจะเพราะมารซาตานทำงานกับเรื่องเงินๆทองๆได้ผลดีกว่าทำงานกับเรื่องของกิน โบสถ์ก็ต้องสอนเรื่องเงินกันเยอะๆครับ
1. เราอธิษฐานชำระความบาปก่อนรับประทานอาหาร มิใช่เพื่อให้อาหารปราศจาคโรค แต่เพื่อให้ความเป็นมลทินนั้นหายไป
2. จากพันธสัญญาใหม่ก็เห็นแล้วว่า เปาโลเห็นด้วยในการยกเลิกเรื่องถือว่าของใดกินได้ ของใดกินไม่ได้ ทุกอย่างกินได้เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า
3. เรื่องนี้มันเป็นเรื่อง กินได้/กินไม่ได้ เหมือนถูกกับผิด มันต้องเลือกสักอย่าง คือเมื่อบอกว่ากินได้ มันไม่ผิด ก็คือไม่ผิด
เรื่องเงิน
1. ใช้หลัก 10% เป็นขั้นต่ำ(พันธสัญญาเดิม) โดยที่ 10% นั้นต้องเป็นความสมัครใจ(พันธสัญญาใหม่)
2. ถ้าเราใช้แต่ความสมัครใจ โดยไม่มองพื้นฐาน ก็เหมือนเราไม่รู้ว่า เราควรจะไปโบสถ์กันบ่อยแค่ไหนดี สมัครใจไปเดือนละครั้งได้ไหม?
พระเจ้าจึงตั้งให้ 7 วัน ควรจะไปคริสตจักรอย่างน้อย 1 วัน เช่นเดียวกับเงินถวาย ได้มา 100% ควรคืนให้พระเจ้า 10% เป็นพื้นฐาน
3. มันเป็นเรื่องที่สามารถใช้ควบคู่ พันธสัญญาเดิม+พันธสัญญาใหม่ ได้ไปพร้อมๆกัน ต่างกับเรื่อง "ของกิน" ที่ใช้ควบคู่กันไม่ได้
คริสตจักรส่วนใหญ่ แนวโน้มจะสั่งสอนเรื่องสุขภาพฝ่ายวิญญาณ ซึ่งจะกระทบต่อ หน้าที่การงาน การเงิน มากกว่าเรื่องสุขภาพร่างกาย
ตอนนี้ก็เริ่มมีคริสตจักรบางแห่งก็เน้นกลับมาเน้นเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่เป็นร่างกายที่พระเจ้าทรงประทับ ส่งผลต่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้น เรื่องข้อห้ามมันพูดง่าย แต่ข้อควรกระทำมันพูดกันยาว การห้ามกินก็ไม่มีแล้ว
แต่การควรกินอะไรตามแนวทางพระคัมภีร์นั้นเป็นเรื่องหลังๆ เรื่องหลักควรจะเป็นการใช้จ่าย ใช้เงิน การเงิน มากกว่าเรื่องกิน
อาจจะเพราะมารซาตานทำงานกับเรื่องเงินๆทองๆได้ผลดีกว่าทำงานกับเรื่องของกิน โบสถ์ก็ต้องสอนเรื่องเงินกันเยอะๆครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมโบสถ์พูดถึงสิบลดมากกว่าเรื่องกินหมู?
สิบลดใน BiBle
(มาลาคี 3:10-12)
พระองค์อวยพรคนที่จ่ายส่วนสิบอย่างซื่อสัตย์ เพราะเขาคนนั้น ซื่อสัตย์ต่อพระคำของพระองค์
(2โครินธ์ 9:7)
“แต่ละคนควรจะให้ตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียใจหรือถูกบังคับ เพราะพระเจ้ารักคนที่ให้ด้วยใจที่ชื่นชมยินดี ”
เรื่องกินหมู
(อัลกุรอ่าน 2: 173)
"พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้านั้นเพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง เลือดและเนื้อสุกรและสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ (เมื่อถูกเชือด) แต่ผู้ใดได้รับความคับขันโดยและมิใช่เจตนาขัดขืน และมิใช่เป็นผู้ละเมิดขอบเขตแล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปใดๆแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ"
(Bible: เฉลยธรรมบัญญัติ 14:7-8)
"และหมูด้วย เพราะหมูกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้องจึงเป็นมลทินแก่ท่าน ห้ามรับประทานเนื้อของมันและห้ามแตะต้องซากของมัน"
__________________________________
ก่อนอื่นที่อิสลามและคริสต์ไม่กินหมู เพราะเป็นคำสั่งของพระเจ้าพันสี่ร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งทางวิทยาศาสตร์การกินเนื้อหมูนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไม่น้อยกว่า 70 ชนิดที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถมีหนอนพยาธิจากการกินเนื้อหมู (เพิ่มเติม สัตว์ที่มุสลิมห้ามกินคือวงศ์ Suidae)
คำถาม
ทำไมโบสถ์พูดถึงสิบลดมากกว่าเรื่องกินหมู?
ในเมื่อหมูแท้จริงแล้วเป็นบ่อเกิดแห่งโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพของมนุษย์โดยตรง
แต่โบสถ์มักจะเน้นเรื่องสิบลดมากกว่าและแทบไม่เคยพูดถึงเรื่องห้ามกินหมูในพระคัมภีร์เลย
หรือว่าเรื่องการเงิน คชจ.หมุนเวียนในโบสถ์นั้นสำคัญกว่าสุขภาพของสมาชิก?
ในส่วนของอิสลามนั้นไม่ทราบว่าเขาเน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษเพราะไม่เคยเข้ามัสยิด