เที่ยวกัมพูชา(เขมร) 5วัน4คืน ณ เสียมเรียบ

สวัสดีทุกคนที่เอามาอ่านกระทู้นี้นะครับ ยิ้ม

วันนี้ผมจะมารีวิวนู้นนี้ๆขณะที่ผมไปเที่ยวที่กัมพูชา(เขมร)เป็นเวลา 5วัน4คืน. ตอนแรกว่าจะรีวิวในเฟส แต่พื้นที่ไม่พอครับ เลยมาตั้งกระทู้ในพันทิปเลยดีกว่า
ผมเพิ่งเคยเขียนกระทู้ในพันทิปครั้งแรก ถูกผิดไม่พอใจยังไง ก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ...

เนื้อเรื่องก็ตามหัวข้อเลยครับ ผมได้ไปเที่ยวเขมรกับพ่อเป็นเวลา 5 วัน พบเจออะไรมากมาย เลยเอามาแบ่งปันให้ชมกันครับ ไปดูกันเลย
***ส่วนใหญ่เน้นไปที่รูปนะครับ รูปเยอะมากๆ***

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[วันที่ 1]
ผมเริ่มออกเดินทางเช้า 8:00 วันศุกรฺไปที่ท่ารถทัวร์ แล้วก็นั่งต่อไปลงที่เสียมเรียบ.. ถึงที่นั้นก็ตอน 5 โมงเย็นแล้ว นั่งรถนานมากครับ ก้นนี้ชาหมดเลย
นั่งรถทัวร์ของบริษัทเขมรครับ สายประหยัดเงิน555555.. ไปถึงที่นั้นก็มีตุ๊กๆมารอรับที่ท่ารถเลยครับ..

สภาพห้องนอนที่โรงแรมก็ไม่ขี้เหร่นะครับ ถือว่านอนได้สบายเลยทีเดียว

ด้านหน้าห้องก็มีสระน้ำอุ่นให้เล่นสบายๆด้วย

ที่นี้ส่วนใหญ่ใช้เงินดอลล่ากันครับ นั่งเช็คสภาพเงินสักพักก่อนออกไปหาข้าวเย็นทาน

หลังจากพักผ่อนหลังนั่งรถทัวร์มานาน ก็ได้เวลาออกไปชมเมืองตอนกลางคืนและหาอาหารค่ำทาน (ตุ๊กๆหน้าโรงแรมมีตลอดเวลาเลยครับ)

เป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจาก Pub Street นั้นเองครับ อารมณ์ก็ประมาณ ถนนข้าวสารบ้านเรา (ต่างชาติเยอะมากๆ)

หลังจากเดินไปสักพัก ก็แวะทานอาหารค่ำที่ร้านๆนึง แต่จำชื่อไม่ได้.. มี เนื้อจระเข้/สตูเนื้อ+ขนมปัง/BBQเนื้อ/หอย/มันบด/เบียร์.. รวมๆก็ 12ดอลกับเศษอีกนิดๆครับ แต่ถือว่าอิ่มและคุ้มราคามากๆ

หลังจากเดินเล่น+ทานเสร็จเรียบร้อย ก็กลับไปนอนพักที่โรงแรม เตรียมตัวเที่ยวในวันต่อไปครับ

[วันที่ 2]
วันนี้มีเป้าหมายคือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดครับ เลยตื่นตั้งแต่ตี 4 เตรียมตัว และออกจากโรงแรมตอนตี 5 (สภาพหน้าโรงแรมช่วงเช้ามืด)

ตอนเช้ามืดนี้มืดมากๆครับ จะเห็นแค่แสงจากรถและแสงจากตลาด

ก่อนที่จะเข้าโซนนครวัดได้ เราก็ต้องมีตั๋วครับ ซึ่งตั๋วเข้าชม 3 วัน ก็ราคา 40 ดอลล่ากันเลยทีเดียว
ขนาดไปตอนเช้า คนแห่ไปซื้อบัตรกันเยอะมากๆครับ

ซื้อตั๋วที่นึง แล้วก็ขับไปที่นครวัดซึ่งอยู่อีกที่นึงซึ่งระหว่างทางเป็นป่า บรรยากาศดีมากๆครับ

ผมไปถึงนครวัดตอนตี 5 เกือบๆ 6 โมง แล้วก็ยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นจนถึง 6:30 ครับ คนรอดูเยอะใช้ได้

และอาหารเช้าหล่ะ ?.. โรงแรมเขาเตรียมใส่กล่องไปให้ครับ ซึ่งมัน.. มองในแง่ดีก็ ช่วยให้พลังงานได้มาก..(ขนมปังx4/สับปะรด/ไข่/กล้วย/แยม-เนย)


หลังจากหาที่นั่งทานอาหารเช้าในนครวัดเสร็จ ผมก็ไม่รอช้าที่จะเดินสำรวจ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ
ทางเข้าจะมีระเบียงตามทางเดิน ซึ่งเป็นหางพญานาค และมีหัวพญานาคอยู่ ซึ่งคนเขมรมีความเชื่อในเรื่องพญานาค

ดูจากแสงแดดก็เห็นได้ว่า ความร้อนเริ่มมาเยือน นักท่องเที่ยวก็เริ่มเข้ามากันเยอะมากขึ้น

นอกจากพญานาคแล้ว ก็มีรุปปั้น สิงห์ ? ผมไม่แน่ใจ แต่มั่นใจว่าหน้าเละมาก (ผมตั้งชื่อให้มันว่า สิงห์หน้าพัง)

ทางเข้าดูเก่าๆ ขลังๆเหมือนกันครับ แต่จะมีบางจุดที่บูรณะใหม่ เพราะสภาพทนอยู่ไม่ไหว นานเกินเดี๋ยวถล่ม

ตามกำแพงด้านในส่วนใหญ่แกะสลักไปด้วยรูปนางอักษรา แถมมีแสงอาทิตย์ส่อง ซึ่งมันสวยงามมากๆครับ



ทางเดินด้านในก็จะมีเสาอยู่มากมาย แต่ละเสาบางเสาก็จะมีรอยอักษรขอมอยู่ครับ และด้านบนก็มีรอยแกะสลักอยู่เช่นกัน



บางจุดก็จะมีพระพุทธรูปอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะหัวขาด (โจรตัดหัวไปขาย เพราะส่วนหัวจะมีทองอยู่)


จากรูปจะเห็นได้ว่า ชั้นนอกเป็นหินแกะสลัก แต่ด้านในเป็นศิลาแลง ซึ่งมีสภาพเก่ามากๆ ดูจากรอยผุ


บางชิ้นส่วนที่หล่นลงมา ก็จะโดนมาตั้งไว้ข้างล่างดังภาพครับ




ส่วนนี้เป็นด้านในสุดและบนสุดของนครวัด ซึ่งผมยังไม่ได้ขึ้นไป เพราะคนต่อคิวขึ้นเยอะมาก เราจะขึ้นไปกันในวันที่ 4 ครับ

ทางเดินรอบๆชั้นในสุด และชั้นที่ 2 ครับ แตกต่างกันมาก


ด้านนอกมีเจดีย์อยู่หลังนึง ไม่รู้ว่าสร้างมาเพื่ออะไรเหมือนกันครับ

การสังเกตุรายละเอียดจุดต่างๆ ถือว่าคุ้มมากครับ เพราะสลักได้สวยงามจริงๆ (รุปนี้คือริมขวาบนของทางเข้า)

กำแพงในนครวัด ก็จะมีรอยแกะสลักเรื่องราวต่างๆอยู่ครับ ไม่ว่าจะเป็น นรก-สวรรค์.. เทวดาปราบอสูร ฯลฯ

นี้คือทางเข้าด้านหน้าครับ จะสังเกตุว่าแดดแรงมาก และก็มีคนเดินเข้ามาอยู่ตลอดเวลา (ถ่ายจากหันออกจากนครวัด)


ด้านข้างก็จะมีบ่อน้ำอยู่ (เป็นจุดที่คนไปยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้น เพราะแสงจะสะท้อนกับน้ำ ซึ่งสวยงามมากครับ

นี้คือกำแพงด้านนอกของนอกสุด ซึ่งผมกำลังจะเดินออกไป และเที่ยวที่ต่อไปครับ

ออกมาแล้วครับ คนทะยอยกันเข้าไปเยอะมาก ด้านนอกสด จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำครับ ซึ่งสะพานซีกนึงสภาพเละใช้ได้



หลังจากเดินในนครวัดเสร็จ ผมก็ออกเดินทางไปเที่ยวเมืองรอบนอกครับ วิวธรรมชาติข้างทางสวยเหมือนกัน

และที่ที่ผมไปจุดต่อไป ก็คือปราสาทตาพรหมนั้งเองครับ หรืออีกชื่อนึงคือ ปราสาท tomb raider เพราะเป็นที่ถ่ายหนังเรื่องนี้นั้นเองครับ


แต่ละวัดแต่ละที่ก็จะมีนักดนตรีนั่งเล่นอยู่ตามทางครับ (ส่วนใหญ่จะเจอคนพิการจากการโดนระเบิด)

สภาพด้านในก็เป็นวัดโบราณเหมือนกันครับ แต่จะตั้งอยู่ในป่าเลย ได้ฟีลมากๆ





จะสังเกตุว่า กำแพงที่นี้ เก่าๆมากๆถึงมากที่สุด

ส่วนใหญ่ที่ตาพรหมนี้ วัดจะเก่ามากๆ เลยมีหินพวกวิหารที่พัง มากองอยู่หลายกองมากครับ




รากต้นไม้เก่าและใหญ่มากครับ ถึงกับต้องเอาเหล้กมายันไว้เลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่โบราณสถานที่เก่า ต้นไม้ก็เก่ามากๆด้วยเช่นกัน


นี้แหละครับ ที่เขาเรียกกันว่า ต้น Tomb Raider

พอเที่ยวที่ปราสาทตาพรหมเสร็จแล้ว ใช้เวลาไปครึ่งวันเต็มๆ ช่วงบ่ายอากาศก็เริ่มร้อน ผมเลยกลับนอนเล่นที่โรงแรม แล้สก็ออกมาอีกทีช่วงเย็นๆ ซึ่งจะไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่ปราสาทบาแค็ง ครับ ซึ่งปราสาทบาแค็งตั้งอยู่ที่สูงมากๆ(บนเขา) เลยเป็นปราสาทที่มีวิวดีไม่ใช่ย่อย ยิ่งดูตอนเย็นๆยิ่งบรรยากาศดีมากเลยครับ (และคนก็ไปเยอะไม่แพ้กัน ต่อคิวขึ้นประมาณ ชม.นึงเต็มๆ เพราะเขาจำกัดคนขึ้น)



ตัวปราสาทหลักจะเป็นหลังสี่เหลี่ยมหลังเดียวอยู่ตรงกลาง

หลังจากเดินบนนั้นเสร็จก็มิดพอดี ผมเลยให้ตุ๊กๆหาร้านอาหารให้ ซึ่งเขาแนะนำร้านบุฟเฟ่ต์นี้มา ซึ่งมีการแสดงอยู่ด้วยเช่นกัน

หลังจากทานเสร็จ ผมก็กลับโรงแรมพักผ่อน เพราะวันนี้เดินทางหนักมาก เดี๋ยวไปลุยต่อในวันที่ 3 กันครับ ***เดี๋ยวมาต่อนะครับ***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่