เคยที่จะต้องแจ้งข่าวร้ายกับใครสักคนไหม "ผมเป็นหนึ่งในคนที่จะต้องพูดคำนั้นออกไป"

กระทู้สนทนา
อันดับแรกต้องออกตัวก่อนเลยครับว่า นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนถึงประสบการณ์ตัวเองผ่านพันธุ์ทิพย์ (เรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่เลยครับ)
ผิดพลาดประการใด ขัดต่อธรรมเนียมการเล่าเรื่องหรือกติกาที่มี ชี้แนะได้เลยนะครับ ขอบพระคุณไว้ล่วงหน้ากันเลยทีเดียว...

     เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังในครั้งนี้เกิดขึ้นเองกับตัวผมสักประมาณ 6-7 ปีได้แล้ว ตอนนั้นผมยังเป็นนิสิตอยู่มหาลัยหนึ่งในภาคอิสาน ที่จังหวัดนั้นถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งตักศิลา หลายๆคนคงจะเดาออกได้ง่ายๆ เพียงแต่ผมไม่อยากเอ่ยชื่อเท่านั้นเองครับ... เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า อย่างที่บอกเหตุการณ์มันผ่านมาได้สัก 6-7 ปีแล้ว ณ เวลานั้นผมเรียนอยู่ปี 3 ได้อยู่หอพักนอก ซึ่งแน่นอนการได้อยู่หอพักนอกมันเป็นอะไรที่อิสระ เข้า-ออก ได้ตลอดเวลา ที่บอกแบบนี้คือมหาลัยผมมีหอพักในมหาลัย ก็ตามประสาเด็กวัยรุ่นที่เป็นรุ่นพี่อยู่ปี 3 แล้ว การเรียนก็ทรงตัวแล้วไม่ได้ซีเรียจเรื่องเกรดอะไรมากมาย จึงสนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย นอนดึก ตื่นสาย(แต่ไปเรียนทุกครั้ง ไม่เคยขาด) ก็ไอ้เพราะการนอนดึกนี่แหละครับมันจึงต้องหาอะไรใส่ท้องให้เต็มอิ่ม หนังตามันถึงจะปิดลงได้ในแต่ละคืน ผมมีรุ่นพี่นรุ่นน้องอยู่ในหอเดียวกันพอสมควร ตกดึกก็จะชวนกันไปกินนั้นกินนี่อย่างที่บอก ปกติจะมีรุ่นน้องอยู่คนหนึ่ง(ผมขอเรียกชื่อเล่นมันเลยละกัน) น้องอ๊อฟ หรือไอ้อ๊อฟที่พวกผมเรียกกัน ปกติมันก็จะเดินผ่านชั้นหนึ่งที่แก๊งพวกผมนั่งเล่นสุมหัวกันจนดึกดื่น ผ่านมาก็ทักทายแซวเล่นสนุกสนานกัน บางครั้งมันก็ติดสอยห้อยตามแฟนสาวของมันมาด้วย ทั้งเข้า ทั้งออก ก็จะเห็นพฤติกรรมแบบนี้อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่ไอ้อ๊อฟมันผ่านแก๊งพวกผม ผมก็จะร้องเรียกถามมันเสมอว่าไปกินข้าวด้วยกันป่ะ ไปหาของอร่อยกินป่ะ ไปเลาะกันป่ะ ทำนองนี้ แล้วทุกครั้งที่ชวนมันก็ปฏิเสธผมทุกครั้งไป...


     มีอยู่คืนหนึ่งผมและเพื่อนก็นั่งเล่นกันปกติ จนได้เวลาที่เราหิวกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ก็ชักชวนกันว่าไปหาไรกินกัน ต่างคนก็ต่างอยากกินนั้นนี่ ผมด้วยความที่เป็นแกนนำเพื่อนๆเสมอ จึงเอ่ยปากไปว่า ไปกินลาบกัน ถ้าเอ่ยแบบนี้ก็แสดงว่าเมนูในครั้งนั้นก็น่าจะเป็น ลาบ ต้ม ย่าง ลวกจิ้ม ทำนองนี้แล้วบริเวณที่มหาลัยผมตั้งอยู่ผู้คนมักจะบริโภคเนื้อวัวกันครับ ก็เข้าทางผมเลย ผมนี่ชอบมากพรรคพวกที่คบหากันก็ชอบคล้ายๆกัน จึงตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่า "แจ็คเนื้อสด" มันคือชื่อร้าน เอ่ยปากเสร็จไอ้อ๊อฟก็ผ่านมาพอดิบพอดี มาคนเดียว แล้วก็เป็นประจำผมก็ถามมันอย่างเช่นเคย "ป่ะ...กินลาบกัน" ในใจผมก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าไอ้อ๊อฟจะต้องบอกผ่านแน่นอนอย่างที่เคย (เอาเลยพี่ ดึกแล้ว...)ทำนองนี้  แต่ครั้งนี้มันไม่ได้พูดอย่างนั้น มันบอกว่า "เอาดิพี่" ผมก็พลันดีใจว่าน้องอยากไปด้วยก็เลยลุกเตรียมตัวจะขึ้นรถไป ในใจก็คิดเห้ย..ทำไมวันนี้มันอยากมากับเราว่ะ แต่ก็ไม่อะไรนานๆทีน้องจะมาด้วย เลี้ยงมันสักหน่อยจะเป็นไร...


     ตัดภาพมาที่ระหว่างการเดินทาง แก๊งพรรคพวกผมปกติก็จะไปกัน 5-6 คนอยู่แล้ว รวมไอ้อ๊อฟวันนี้ก็จะเป็น 7 คน มันเกินที่จะเอารถเก๋งเก่าๆโง่ๆ ของผมไป จึงขอให้รุ่นพี่ที่มีกระบะพาไปดีกว่า ดึกๆ ลมเย็นๆ นั่งข้างหลังก็รับลมสบายดี ว่าแล้วก็ออกตัวไปร้านที่ว่าอยุ่ห่างจากที่พักพวกเราประมาณ 4-5 กิโล แต่เพราะมันดึกและเป็นมหาลัยที่อยู่โซนนอกเมืองเส้นทางรถลาจึงสะดวกไม่ซีเรียจอะไร ก็เฮฮาพูดคุยกันไปเรื่อยระหว่างทางต้องข้ามสะพาน คนแถวนั้นเขาก็พาเราเรียกจนติดปากว่า"สะพานแม่น้ำชี"ร้องไห้แน่ะ..รู้หมดเลยว่าอยู่ มหาลัยไหน..) พอเรานั่งรถผ่านสะพานแม่น้ำชี ร้านที่เราจะไปถล่มนั้นก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถนนที่กำลังไป คือต้องไปกลับรถมาเพื่อจะหาที่จอด ก่อนที่จะถึงร้านและจุดกลับรถพวกเราทั้งหมดสังเกตเห็นรถมูลนิธิและรถตำรวจ เห็นแสงไฟกระพริบอยู่อีกฝั่งของถนน ซึ่งโดยประสบการณ์แล้ว มันต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่าง ไม่คนตีกันในร้านลาบ ก็อุบัติเหตุสักอย่างแน่นอน พอรถเรากำลังจะผ่านจุดเกิดเหตุ ก็เริ่มเห็นรายละเอียดของเหตุการณ์มากขึ้น ภาพที่เห็นคือ รถเก๋งสีเข้มๆแยกสีไม่ออกพลิกคว่ำอยู่ มีร่างคนนอนอยู่บนถนนมีผ้าขาวของมูลนิธิปิดบังไว้เพื่อไม่ให้อุจาดตา พวกเราก็เริ่มเปลี่ยนประเด็นมาพูดถึงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าว่าเหตุการณ์มันน่าจะเกิดจากอะไร วิเคราะห์ตามสิ่งที่เห็น ไม่รู้จะถูกจะผิดก็ตามประสา มันก็แค่อุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตซึ่งเราๆท่านๆ ก็ผ่านตามามากมาย ถึงจุดที่เราต้องกลับรถ เราก็คุยกันว่าเมื่อกลับรถแล้ว รถจอดจะเดินไปดูเหตุการณ์สักหน่อย เพราะสถานที่เกิดเหตุมันห่างจากร้านลาบที่เราจะกินแค่ 80-100 เมตรแค่นั้นเอง ว่าแล้วรถก็จอดผมก็ชวนไอ้อ๊อฟไปดูเหตุการณ์ มันก็บอกว่าเอาเลยพี่ ผมกลัวเดี๋ยวผมไปนั่งรอในร้านดีกว่า แต่พรรคพวกผมได้ยินที่ผมชวนก็เกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเหมือนกันไอ้อ๊อฟก็ตกกระไดพลอยโจนไปด้วยซะเลย...


      ผมและเพื่อนก็ตกลงกันว่าจะไปดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด(ทำนองว่า ไทยมุง) ก็ลากไอ้อ๊อฟที่ไม่อยากไปด้วยให้ตามมา ระหว่างเดินไปก็พูดคุยกันไปเรื่อย ยิ่งใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น พวกผมก็เห็นรายละเอียดของเหตุการณ์มากขึ้น เห็นสภาพรถ(หงายท้อง ยุบพัง) เห็นศพที่นอนห่มผ้าขาว เห็นเจ้าหน้าที่กำลังวุ่นวายกับงานของเขาอยุ่ และเห็นผู้ชายคนนึงดูจากภายนอกแล้วอายุก็ใกล้เคียงกับผม(เด็กปี 3) อยู่สภาพเมาเละเทะ เดินวนไปวนมาตะโกนว่า "ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้เมา" ซึ่งตำรวจก็อยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีจะคุมตัวไอ้นี่แต่อย่างใด เพราะเท่าที่ดูคือ มันไม่มีปัญญาหนีไปไหนได้หรอกครับ สภาพซะขนาดนั้น ระหว่างที่ผมและเพื่อนก็พูดคุยถึงเหตุการณ์ ผมก็หันไปหาไอ้อ๊อฟ มันหน้าเจื่อนๆ ตามันค้างๆ เหมือนอยู่ในอาการกลัว ผมเลยเดินไปใกล้ๆมันแล้วก็จับไหล่มันและพูดว่า "ไอ้นี่..แค่นี้ทำเป็นกลัวไปได้" ไอ้อ๊อฟมันก็ยังตาค้างกับเหตุการณ์นั้นอยู่ ผมก็เลยเริ่มถามมันอย่างจริงๆจังๆ...

***บทสนทนานี้อาจจะไม่แม่นทุกประโยค แต่ความหมายถูกต้องแน่นอนครับ

ผม   :  ไอ้อ๊อฟ..เป็นไรว่ะ ? หน้าตาทำไมซีดๆ
อ๊อฟ :  พี่ๆ ผมกลัว..
ผม   :  กลัวไรว่ะ..?
อ๊อฟ : (เริ่มพูดติดอ่าง) ผมๆๆ ว่าใช่พี่...!!!
ผม   : ใช่อะไรว่ะ..? (แต่ในใจผมก็มีเซ้นแล้วว่า จะต้องเป็นคนที่มันรู้จักแน่นอน ถึงออกอาการได้ขนาดนี้)
อ๊อฟ : พี่ๆ ผมอยากรู้ชื่อคนตาย.. พาผมไปถามกับตำรวจหน่อยนะพี่
ผม   : เห้ย...จริงเหรอว่ะ จะให้ไปถามตำรวจเนี่ยนะ (คือถูกแล้วแหละที่ต้องไปถามกับตำรวจ แต่กลัวหน้าแตกกลับมาถ้ามันไม่ใช่คนที่รู้จัก)
อ๊อฟ : จริงๆพี่ ผมอยากรู้ (แล้วมันก็เริ่มตัวสั่น มือไม้เย็น มันเอื่อมมือมาจับมือผมแน่นเลย)
ผม   : เออๆ...เดี๋ยวพาไปก็ได้ (ว่าแล้วก็พามันค่อยๆเดินไปหาตำรวจ น่าจะเรียกว่าร้อยเวร)


      ระหว่างทางเดินไปแค่ 5-10 เมตรจะถึงตำรวจ ไอ้บ้าอ๊อฟมันกำมือผมแน่นเลย ผมก็เลยหันไปพูดกับมันว่า "จะกำมือกูแน่นอะไรขนาดนั้นเนี่ย" ถัดจากตำรวจไปหน่อยนึง ก็จะเห็นศพที่ถูกปิดด้วยผ้าขาว  พอถึงตำรวจผมก็เริ่มจัดแจงถามข้อมุลให้ไอ้อ๊อฟเลย เพื่อนๆที่รวมตัวกันอยู่ก็สงสัยว่าผมกับไอ้อ๊อฟพากันเดินมาหาตำรวจทำไม ตัดกลับมาที่ตำรวจนะครับ คำถามที่แรกที่ผมถามเลย เหตุการณ์มันมายังไงครับคุณตำรวจ..? ตำรวจก็ตอบว่า ยังไม่ชัวร์น้องแต่น่าจะเมาแล้วขับกันมา2คน ลงสะพานแล้วเสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน ชนเสาไฟฟ้าหัก แล้วข้ามเลนมาพลิกคว่ำตรงนี้แหละ ผู้หญิงกระเด็นออกจากรถตายคาที่ ผู้ชายไม่เป็นอะไรเลย(ผู้ชายขับ) ออกมาเดินเมาโวยวายอยู่นี่แหละ ตำรวจเล่าเป็นฉากๆขนาดนั้นแล้วยังจะไม่ชัวร์อะไรอีกละพี่...(ผมคิดในใจ) พอจบปุ๊บผมก็ยิงคำถามต่อเลยเพราะไอ้อ๊อฟเริ่มจะไม่ไหวแล้ว "คุณตำรวจครับ คนตายชื่ออะไรพี่" ตำรวจก็เดี๋ยวนะ เดี๋ยวพี่ดูให้ ระหว่างพลิกกระดาษบนแฟ้มสำนวนไปมา เปิดหน้าเปิดหลังอยู่นั้น ผมเองก็ลุ้นระทึกอยู่เหมือนกัน ขอว่าอย่าให้เป็นคนที่ไอ้อ๊อฟรู้จักเลย แค่นี้มันก็จะแย่อยู่แล้ว... พอตำรวจพูดว่า "เออ..เจอบัตรประชาชนแล้ว" ผมนี่หยุดหายใจรอเลย...หันมองหน้าไอ้อ๊อฟ หันมองปากตำรวจจะพูดว่าอะไร พอพูดเสร็จไอ้อ๊อฟมันจะออกมาท่าไหน... ตำรวจพูดขึ้น "นางสาว......  ......" (ชื่อ-นามสกุล ผมจำไม่ได้) หันกลับมาไอ้อ๊อฟทรุดลงพื้นไปแล้ว ขาอ่อน ตัวอ่อนหมดแรง เป็นลมตรงนั้นเลย พอดีมูลนิธิหันมาเจอเลยวิ่งเอาแอมโมเนีย มาให้ไอ้อ๊อฟมันดมๆ สัก 1-2 นาทีก็เริ่มดีขึ้น คำแรกเลยที่มันพูด ผมยังสะเทือนใจมาถึงทุกวันนี้ (น้ำเสียงสะอื้น ร้องไห้)  "พี่.....แฟนผม"


ขอเวลาแป๊บนึงนะครับ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่