โต้ กทค.รับรองการโอนย้ายเลขหมายผ่านร้านสะดวกซื้อโดยไม่มีเรียกเก็บเอกสาร ชี้หากประกาศ กสทช.ไร้มนต์ขลังต่อไปคงเป็นได้แค่เสือกระดาษ ซัดตอนออกประกาศบังคับผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนซิมการ์ดทำเป็นเข้มบี้ผู้ให้บริการหากไม่ดำเนินการเป็นถูกปรับหน้ามืด แต่พอเจอค่ายทรูเล่นแร่แปรธาตจับผู้ใช้บริการโอนย้ายอัตโนมัติทั้งที่ไม่ได้ร้องขอกลับใบ้กิน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยกรณี กสทช.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ให้เร่งดำเนินการตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือการย้ายค่ายมือถือเบอร์เดิมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 พ.ค. พร้อมระบุหากไม่ดำเนินการตามที่ กสทช.แจ้งไป จะต้องถูกปรับวันละ 2.5 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นไปจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จนั้นว่า
กรณีดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการแย่งชิงลูกค้าของค่ายมือถือ โดยที่ผ่านมาบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์ แซลคอมมูนิเคชั่น จำกัด ได้ร้องเรียนว่ามีลูกค้าจากเอไอเอสที่ต้องการย้ายค่ายมายังทรูมูฟ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายใน 3 วัน เพราะเอไอเอสไม่ดำเนินการให้ ขณะที่บริษัทเอไอเอสได้ตอบโต้ว่าไม่ได้กีดกันลูกค้า แต่เห็นว่าการโอนย้ายเลขหมายที่ทรูมูฟแจ้งมาโดยอ้างดำเนินการผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ และใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไม่ถูกต้องตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้บริการโอนย้ายเลขหมาย
“แม้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีมติรองรับว่า การโอนย้ายค่ายมือถือเลขหมายเดิมผ่านร้านค้าสะดวกซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตาม พ.ร.บ.ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์สามารถดำเนินการได้ไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เพราะหากประกาศ กสทช.ยังคงใช้อยู่และไม่ได้ยกเลิก การที่บริษัทสื่อสารผู้ให้บริการจะกระทำผิดประกาศ กสทช.ย่อมจะถูกลงโทษตามมา”
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ กสทช.ได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนซิมการ์ดบัตรเติมเงิน (พรีเพด) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 ก.ค.58 เพื่อระบุตัวตนผู้ใช้งานป้องกันการนำซิมการ์ดไปกระทำผิด โดยหากผู้ใช้บริการรายใดไม่ลงทะเบียนตามประกาศ กสทช.จะระงับให้บริการทันที ซึ่งขณะนั้นมีซิมการ์ดที่ใช้งานอยู่ถึง 90 ล้านเลขหมาย ก่อนจะยืดเวลาลงทะเบียนออกไปเป็น 31 สิงหาคม 58 พร้อมกับจัดประชุมชี้แจงและเร่งรัดให้ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ค่ายต้องเร่งลงทะเบียนซิมการ์ดดังกล่าว โดยหากรายใดดำเนินการล่าช้า ไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช.จะถูกปรับและถึงขั้นพิจารณาใบอนุญาต
แต่พอมาถึงประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้รอการคงสิทธิ์เลขหมายหรือย้ายค่ายเบอร์เดิมที่ กสทช.กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ให้บริการจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามระเบียบนั้น เมื่อค่ายทรูมูฟจัดให้มีการดำเนินการโอนย้ายเลขหมายหรือย้ายค่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ โดยไม่มีการเรียกเก็บเอกสารหลักฐานตามประกาศ กสทช.โดยอ้างว่าทำตามกฎหมายใหม่ ก็กลับเป็นที่น่าสังเกตว่าบอร์ด กทค.และ กสทช.กลับยอมรับให้ทำได้ แต่กลับไม่ยอมให้เอกชนรายอื่นดำเนินการตาม ถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน หากประกาศ กสทช.ไร้ความหมายหรือโอนอ่อนผ่อนตามแรงบีบบริษัทสื่อสารเช่นนี้ต่อไปก็คงทำให้ กสทช.เป็นได้แค่เสือกระดาษแน่
“ก่อนหน้านี้ทั้งดีแทค และเอไอเอสได้ร้องเรียนไปยังสำนักงาน กสทช.ให้ตรวจสอบกรณีโอนย้ายเลขหมายของทรูว่าไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้บริการคงสิทธิ์เลขหมาย เพราะไม่มีการเรียกเก็บเอกสารจากผู้ใช้บริการ และบางกรณีก็ตรวจสอบพบว่าแค่ลูกค้าไปเติมเงินซิมการ์มก็ถูกดึงไปลงทะเบียนให้ดำเนินการโอนย้ายเลขหมายโดยอัตโนมัติแทน จึงทำให้ 2 ค่ายมือถือเอไอเอสและดีแทคต้องร้องเรียนพฤติการณ์ดังกล่าวไปยัง กสทช."
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ปัญหาการโอนย้ายค่ายมือถือของผู้ใช้บริการที่อ้างว่า ประสบปัญหาไม่สามารถย้ายค่ายได้สำเร็จภายใน 3 วันนั้น ขณะนี้มียอดลูกค้าเอไอเอสที่แจ้งโอนย้ายค่ายมือถือ แต่ไม่สามารถโอนย้ายได้สำเร็จราว 300,000 เลขหมาย โดยเอไอเอสแจ้งว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าข้อมูลการโอนย้ายไม่ถูกต้องจึงไม่ได้เร่งรัดการโอนย้ายแต่อย่างใด
แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่าปัญหาดังกล่าว ส่งให้เอไอเอสและทรูมูฟ ไม่สามารถลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ตามที่ได้มีการเจรจาร่วมกันระหว่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ผู้บริหารระดับสูงจากเอไอเอสและทรู ก่อนหน้านั้นได้
เอไอเอสกร้าวชน กสทช.บีบโอนย้ายเลขหมายประเคนให้ทรูมูฟ
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยกรณี กสทช.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ให้เร่งดำเนินการตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือการย้ายค่ายมือถือเบอร์เดิมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 พ.ค. พร้อมระบุหากไม่ดำเนินการตามที่ กสทช.แจ้งไป จะต้องถูกปรับวันละ 2.5 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นไปจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จนั้นว่า
กรณีดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการแย่งชิงลูกค้าของค่ายมือถือ โดยที่ผ่านมาบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์ แซลคอมมูนิเคชั่น จำกัด ได้ร้องเรียนว่ามีลูกค้าจากเอไอเอสที่ต้องการย้ายค่ายมายังทรูมูฟ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายใน 3 วัน เพราะเอไอเอสไม่ดำเนินการให้ ขณะที่บริษัทเอไอเอสได้ตอบโต้ว่าไม่ได้กีดกันลูกค้า แต่เห็นว่าการโอนย้ายเลขหมายที่ทรูมูฟแจ้งมาโดยอ้างดำเนินการผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ และใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไม่ถูกต้องตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้บริการโอนย้ายเลขหมาย
“แม้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีมติรองรับว่า การโอนย้ายค่ายมือถือเลขหมายเดิมผ่านร้านค้าสะดวกซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตาม พ.ร.บ.ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์สามารถดำเนินการได้ไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เพราะหากประกาศ กสทช.ยังคงใช้อยู่และไม่ได้ยกเลิก การที่บริษัทสื่อสารผู้ให้บริการจะกระทำผิดประกาศ กสทช.ย่อมจะถูกลงโทษตามมา”
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ กสทช.ได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนซิมการ์ดบัตรเติมเงิน (พรีเพด) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 ก.ค.58 เพื่อระบุตัวตนผู้ใช้งานป้องกันการนำซิมการ์ดไปกระทำผิด โดยหากผู้ใช้บริการรายใดไม่ลงทะเบียนตามประกาศ กสทช.จะระงับให้บริการทันที ซึ่งขณะนั้นมีซิมการ์ดที่ใช้งานอยู่ถึง 90 ล้านเลขหมาย ก่อนจะยืดเวลาลงทะเบียนออกไปเป็น 31 สิงหาคม 58 พร้อมกับจัดประชุมชี้แจงและเร่งรัดให้ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ค่ายต้องเร่งลงทะเบียนซิมการ์ดดังกล่าว โดยหากรายใดดำเนินการล่าช้า ไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช.จะถูกปรับและถึงขั้นพิจารณาใบอนุญาต
แต่พอมาถึงประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้รอการคงสิทธิ์เลขหมายหรือย้ายค่ายเบอร์เดิมที่ กสทช.กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ให้บริการจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามระเบียบนั้น เมื่อค่ายทรูมูฟจัดให้มีการดำเนินการโอนย้ายเลขหมายหรือย้ายค่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ โดยไม่มีการเรียกเก็บเอกสารหลักฐานตามประกาศ กสทช.โดยอ้างว่าทำตามกฎหมายใหม่ ก็กลับเป็นที่น่าสังเกตว่าบอร์ด กทค.และ กสทช.กลับยอมรับให้ทำได้ แต่กลับไม่ยอมให้เอกชนรายอื่นดำเนินการตาม ถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน หากประกาศ กสทช.ไร้ความหมายหรือโอนอ่อนผ่อนตามแรงบีบบริษัทสื่อสารเช่นนี้ต่อไปก็คงทำให้ กสทช.เป็นได้แค่เสือกระดาษแน่
“ก่อนหน้านี้ทั้งดีแทค และเอไอเอสได้ร้องเรียนไปยังสำนักงาน กสทช.ให้ตรวจสอบกรณีโอนย้ายเลขหมายของทรูว่าไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการให้บริการคงสิทธิ์เลขหมาย เพราะไม่มีการเรียกเก็บเอกสารจากผู้ใช้บริการ และบางกรณีก็ตรวจสอบพบว่าแค่ลูกค้าไปเติมเงินซิมการ์มก็ถูกดึงไปลงทะเบียนให้ดำเนินการโอนย้ายเลขหมายโดยอัตโนมัติแทน จึงทำให้ 2 ค่ายมือถือเอไอเอสและดีแทคต้องร้องเรียนพฤติการณ์ดังกล่าวไปยัง กสทช."
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ปัญหาการโอนย้ายค่ายมือถือของผู้ใช้บริการที่อ้างว่า ประสบปัญหาไม่สามารถย้ายค่ายได้สำเร็จภายใน 3 วันนั้น ขณะนี้มียอดลูกค้าเอไอเอสที่แจ้งโอนย้ายค่ายมือถือ แต่ไม่สามารถโอนย้ายได้สำเร็จราว 300,000 เลขหมาย โดยเอไอเอสแจ้งว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าข้อมูลการโอนย้ายไม่ถูกต้องจึงไม่ได้เร่งรัดการโอนย้ายแต่อย่างใด
แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่าปัญหาดังกล่าว ส่งให้เอไอเอสและทรูมูฟ ไม่สามารถลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ตามที่ได้มีการเจรจาร่วมกันระหว่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ผู้บริหารระดับสูงจากเอไอเอสและทรู ก่อนหน้านั้นได้