สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน เราชื่อน้ำหวาน นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ค่อนข้างพลีชีพ หากมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ เริ่มแรกเลย เราได้รับบัญชาจากคุณแม่ให้ไปทำดั้ง เพราะแม่เราเป็นคนใต้ พอมีลูกเป็นเรา เรากลับไม่ได้ดั้งแม่มาเลย (ตะเตือนไต T^T) หลังจากได้รับบัญชา เราก็หาข้อมูลที่นั่นที่นี่ และได้เข้าไปปรึกษากับคุณหมอคร่าวๆ แล้วก็ตกลงปลงใจจะทำกับ หมอหนุ่ม ที่ V clinic ค่ะ ราคาสองหมื่นถ้วน
V clinic ตั้งอยู่ที่ศิริมังคลาจารย์ ซอยเจ็ด หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียกกันว่าซอยกรรไกรทอง นิมมานค่ะ ชื่อเดิมคือ MV clinic นะคะ คุณหมอบอกเราว่า เราเป็นคนสันจมูกกว้าง เลยทำให้ดูดั้งน้อยลงไปอีก คุณหมอก็แนะนำให้เราเสริมโดยให้เริ่ม(เค้าเรียกว่าไรนะ? จุดที่ดั้งเริ่มงอกอ่ะ) เริ่มบริเวณหัวคิ้ว แล้วสโลปลงมามีปลายหยดน้ำ ซึ่งมันก็ตรงกับที่เราอยากได้พอดี เราก็เลย ตกลงตามนั้น โดยที่นี่ เค้าจะให้เรามาเอายากันบวมไปกินก่อนผ่า 7 วัน (ฟรีด้วยนะ) ยานี้เค้าให้กันสามเวลาหลังอาหารสามมื้อ แต่เราตื่นสายกินมื้อเช้าไม่ทันบ่อยๆ ก็เลยกินไม่ครบนะจ๊ะ (ไม่ควรทำตาม)
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เราไปคลีนิคด้วยใจเต้นแรง ระหว่างรอคิวก็นั่งเมาท์มอยกับพี่ตรงเคาท์เตอร์ไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปหันข้างนี่คือพังมาก เหมือนมีหลุมอยู่บนหน้า ยุบลงไปเลย! T^T ระหว่างรอมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น มีลูกค้ารายนึงเข้ามาในคลีนิคในสภาพเลือดโชกคือนางเพิ่งทำดั้งเสร็จละก็ออกคลีนิคไปก่อนเราเข้ามาแปปนึง ไอเราที่นั่งรอทำอยู่ก็หน้าซีดเลย พี่ที่เคาท์เตอร์ก็เลยมาบอกเราว่า เธอคนนั้นดันไปกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เลยทำให้เลือดไหลไม่หยุด ละมีพี่ที่นั่งข้างๆเราที่มาทำคาง ก็ให้กำลังใจเรา เพราะเห็นเรากลัว
แล้วคิวของเราก็มาถึง เราเดินเข้าห้องผ่าตัดด้วยความตื่นเต้น ในห้องผ่าตัดมีการเปิดเพลงเพื่อความผ่อนคลาย (ไม่คลายโว้ยย) ซึ่งที่นี่คุณหมอจะเหลาซิลิโคนแบบเคสต่อเคส ตอนที่เรานอนรอคุณหมอเหลาซิลีโคนนั้น เราหลับไปประมาณสามรอบได้ (หมอเหลานานมาก บรรจงสุดๆ) ใจเราอยากจะหลับไปเลย ละก็ตื่นมาเสร็จเลยย ไรงี้ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะพอหมอเราเสร็จก็ปลุกเราขึ้นมาดูซิลิโคน (โถ่ หมอ)
เริ่มแรกหมอจะทำความสะอาดรูจมูกเราค่ะ จากนั้นก็จะฉีดยาชา ซึ่งเราจะผ่าจากในรูจมูกข้างขวา ยาชาเข็มแรกที่จิ้มเข้ามานั้น !!!!!!!!! เจ็บม๊ากกกกกกกกกกกก สำลีที่หมอเอาปิดตาให้ไว้ก็กันไม่อยู่ ไหลพรากเลย เรานี่จิกมือจิกเท้าแน่น เพลง drag me down ของ 1D ที่เปิด ก็ไม่ได้ช่วยอะไรแต่อย่างใด T^T ยาชาฉีดประมาณ 4-5 เข็ม เข็มแรกเจ็บสุด แต่คุณหมอก็คอยพูดให้กำลังใจเราตลอดนะ คือหมอดีมากอ่ะ
พอจมูกเราชา หมอก็จะตัดช่องสำหรับยัดซิลิโคน ขั้นนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ได้ยินแต่เสียง แก๊บๆ แก๊บๆ และแล้ว ตอนนี้หมอถามเราว่าได้กินอาหารเสริมอะไรรึเปล่า เราก็ส่ายหน้า หมอบอก เลือดออกเยอะจึง (เราพูดในใจ:เอ่อ หมอคะ พอดีสองวันก่อนหนูกินเหล้ามาอ่ะค่ะ เกี่ยวมั้ยนะ คือก่อนหน้านี้เป็นสองสามเดือนเราไม่ได้กินเลยนะ ละก็มากินก่อนทำจมูกสองวัน = =" อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาดนะคะ) และแล้วขั้นตอนที่โหดที่สุดก็มาถึง
ขั้นฉีดยาชาอาจจะเจ็บที่สุด แต่ขั้นนี้น่ากลัวที่สุดสำหรับเรา มันคือขั้นตอนการขูดเนื้อเยื่อ! โดยคุณหมอได้เตือนเราแล้วว่าเสียงจะน่ากลัวนิดนึงนะ(ไม่นิดแล้วหมอ) ในการขูดคุณจะไม่เจ็บไม่ปวดแต่อย่างใด แต่คุณจะได้ยินเสียง ครืดๆๆๆ เหมือนเสียงขูดกระดูกอยู่ในหัว ส่งตรงถึงสมองทันทีแม่เจ้าาาา มันหลอนมากกก (ทุกวันนี้ยังตามมาหลอน) ซึ่งสำหรับเราขึ้นตอนนี้มันยาวนานมากกกก พอขูดเสร็จ เรารู้สึกเหมือนโลกหมุนเลยค่ะคือนอนหลับตาอยู่ รุ้สึกเหมือนกำลังจะกลิ้งตกเตียง จะพูดบอกหมอก็พูดไม่ได้ ปากชา TT ก็เลยโอเค ทนเอา ช่วงการยัดเป็นอะไรที่รวดเร็ว แล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการเย็บ ซึ่งจังหวะนี้เพลง see you again ก็ขึ้นพอดี แหม่ ช่างเข้ากับบรรยากาศท้ายของการผ่าตัดเหลือเกิ๊นนน
การเย็บไม่เจ็บไม่ปวด แต่เรารับรู้ได้ถึงเส้นไหมที่ลากผ่านปากเรา หลังจากเย็บเสร็จก็ทำความสะอาด เช็ดเลือดนั่นนี่ แล้วหมอก็ทำการใส่เฝือกให้เราโดยมีกฏว่าห้อมถอดตลอดเจ็ดวัน กันเบ้ววว (เบี้ยว) โถ่วว หมออ T^T ออกมาก็รับยาสารพัดอย่าง แม่กับเพื่อนเราที่รอก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เรากลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ต้องนอนหัวสูง ต้องนอนหงาย ห้ามล้างหน้า ระวังอย่าให้เป็นหวัด งดของดอง ของเผ็ด อาหารทะเล และแอลกอฮอล์! คืนแรก นอนแทบไม่หลับ ปวดหลังมาก ปวดแผลต้องตื่นมาอัดยาแก้ปวดเพิ่ม แต่พอวันต่อๆมาก็โอเคขึ้น แผลก็โอเค ไม่ค่อยปวดละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงพักฟื้นเป็นอะไรที่เกลียดหน้าตัวเองมากๆ ทั้งบวม หน้าก็โทรม ปากก็แปลก (โดนดึง) โดยหน้าเราบวมสุดขีดในวันที่ 3 ค่ะ วันต่อๆมาค่อยๆลดลง เคราะห์ซำกรรมซัด ดันมาเป็นหวัดช่วงวันที่ 5 ประเด็นคือสั่งนำมูกไม่ได้ ต้องเอาคอตตอนบัตซับเอา T^T หมดไปหลายห่อเลย อีกอย่างที่รำคาญคือ คันจมูกมาก แค่เกาไม่ได้ เฝือกมันบัง! ทรมานมากกก อดทนไป อดทนมา ก็ครบเจ็ดวัน เราก็กลับไปคลินิคเพื่อนถอดเฝือกและตัดไหมค่ะ คุณหมอบอก โดยรวมโอเค ไม่น่าจะเบ้ว (เบี้ยว) แผลอะไรก็โอเค หลังถอดเฝือกหน้างี้โทรมสุดๆ ไม่ได้ล้างเลย โชคดีที่เพื่อนเรามีชุดขัดหน้า คือต้องขัดเลย ล้างกับโฟมไม่พอจริงๆ หลังจากนั้นก็โบกครีมบำรุงไปเยอะๆ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ล้างหน้าแล้วรู้สึกสดใส อารมณ์ดี แต่คือจำตัวเองแทบไม่ได้ = =" เพื่อนๆก็บอกว่าน่าเปลี่ยนไปเลยยย ก็หลังจากถอดเฝือกนะคะ สิ่งที่ต้องดูแลคืออย่านอนตะแคง ให้นอนหงานต่อไปอีกซักเดือน เวลาล้างหน้าระวังอย่าให้น้ำเข้าจมูกไปโดนแผลค่ะ พวกของแสลงต่างๆก็ต้องงดกันต่อไป หากมีปัญหาอะไรให้รีบปรึกษาคุณหมอได้ทันที (หมอให้เบอร์ ให้ไลน์ไว้) หมอใจดีมาก จะนัดเพื่อไปดูผลเป็นระยะๆ และก็สอนเรานวดจมูกด้วย โดยคุณหมอบอกว่า การนวดจมูกหลังจากเสริมจะช่วยให้หนังเราหย่อน แล้วไม่บีบรัดซิลิโคนให้ผิดรูปไปค่ะ แต่ต้องรอซัก 1-2 อาทิตย์นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่เป็นรูปหลังผ่า 2 อาทิตย์ อาจารย์บอก เหมือนพิน็อคคิโอ (เอ่อออ.... ไม่นะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปนี้ 3 อาทิตย์ ดีใจที่รูปด้านข้างไม่ตายแล้ว T^T
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครบเดือนแล้ววววว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นเมื่อก่อนถ่ายมุมนี้คือตายนะคะ
เย่ สำหรับความพึงพอใจต่อ หมอหนุ่ม และ V Clinic นะคะ บอกเลยว่า พอใจมากๆ รู้สึกว่า มันเข้ากับหน้าเราดี หมอใส่ใจรายละเอียด พนักงานบริการดี
เกร็ดเล็กน้อยสำหรับคนที่คิดจะทำจมูกนะคะ
- ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ของงี้ทำพลาดทีมันเสียหายทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งสุขภาพจิตค่ะ
- ลองปรึกษาคุณหมอหลายๆคน หลายๆที่ แล้วเลือกที่ๆเหมาะกับเราที่สุดค่ะ เชื่อว่ามีคุณหมอเก่งๆเยอะ แต่ละคนอาจจะมีแบบของคัวเอง
- ก่อนผ่าอย่าลืมงดของแสลง (อย่าทำเหมือนเรานะ)
- หลังผ่าก็เชื่อฟังคุณหมอนะคะ อะไรที่ควรงดก็งดไปก่อน อดทนค่ะ แค่เดือนสองเดือน แลกกับสวยไปหลายสิบปี อย่าให้ความอยากชั่วครู่มาทำลายมันค่ะ
มีคำถามอะไรก็พิมพ์ไว้ได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านี่ะ
[CR] รีวิวประสบการณ์ มีสันเขื่อน(ดั้ง)ครั้งแรก ในขีวิต บรรยายละเอียด
V clinic ตั้งอยู่ที่ศิริมังคลาจารย์ ซอยเจ็ด หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียกกันว่าซอยกรรไกรทอง นิมมานค่ะ ชื่อเดิมคือ MV clinic นะคะ คุณหมอบอกเราว่า เราเป็นคนสันจมูกกว้าง เลยทำให้ดูดั้งน้อยลงไปอีก คุณหมอก็แนะนำให้เราเสริมโดยให้เริ่ม(เค้าเรียกว่าไรนะ? จุดที่ดั้งเริ่มงอกอ่ะ) เริ่มบริเวณหัวคิ้ว แล้วสโลปลงมามีปลายหยดน้ำ ซึ่งมันก็ตรงกับที่เราอยากได้พอดี เราก็เลย ตกลงตามนั้น โดยที่นี่ เค้าจะให้เรามาเอายากันบวมไปกินก่อนผ่า 7 วัน (ฟรีด้วยนะ) ยานี้เค้าให้กันสามเวลาหลังอาหารสามมื้อ แต่เราตื่นสายกินมื้อเช้าไม่ทันบ่อยๆ ก็เลยกินไม่ครบนะจ๊ะ (ไม่ควรทำตาม)
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เราไปคลีนิคด้วยใจเต้นแรง ระหว่างรอคิวก็นั่งเมาท์มอยกับพี่ตรงเคาท์เตอร์ไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปหันข้างนี่คือพังมาก เหมือนมีหลุมอยู่บนหน้า ยุบลงไปเลย! T^T ระหว่างรอมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น มีลูกค้ารายนึงเข้ามาในคลีนิคในสภาพเลือดโชกคือนางเพิ่งทำดั้งเสร็จละก็ออกคลีนิคไปก่อนเราเข้ามาแปปนึง ไอเราที่นั่งรอทำอยู่ก็หน้าซีดเลย พี่ที่เคาท์เตอร์ก็เลยมาบอกเราว่า เธอคนนั้นดันไปกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เลยทำให้เลือดไหลไม่หยุด ละมีพี่ที่นั่งข้างๆเราที่มาทำคาง ก็ให้กำลังใจเรา เพราะเห็นเรากลัว
แล้วคิวของเราก็มาถึง เราเดินเข้าห้องผ่าตัดด้วยความตื่นเต้น ในห้องผ่าตัดมีการเปิดเพลงเพื่อความผ่อนคลาย (ไม่คลายโว้ยย) ซึ่งที่นี่คุณหมอจะเหลาซิลิโคนแบบเคสต่อเคส ตอนที่เรานอนรอคุณหมอเหลาซิลีโคนนั้น เราหลับไปประมาณสามรอบได้ (หมอเหลานานมาก บรรจงสุดๆ) ใจเราอยากจะหลับไปเลย ละก็ตื่นมาเสร็จเลยย ไรงี้ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะพอหมอเราเสร็จก็ปลุกเราขึ้นมาดูซิลิโคน (โถ่ หมอ)
เริ่มแรกหมอจะทำความสะอาดรูจมูกเราค่ะ จากนั้นก็จะฉีดยาชา ซึ่งเราจะผ่าจากในรูจมูกข้างขวา ยาชาเข็มแรกที่จิ้มเข้ามานั้น !!!!!!!!! เจ็บม๊ากกกกกกกกกกกก สำลีที่หมอเอาปิดตาให้ไว้ก็กันไม่อยู่ ไหลพรากเลย เรานี่จิกมือจิกเท้าแน่น เพลง drag me down ของ 1D ที่เปิด ก็ไม่ได้ช่วยอะไรแต่อย่างใด T^T ยาชาฉีดประมาณ 4-5 เข็ม เข็มแรกเจ็บสุด แต่คุณหมอก็คอยพูดให้กำลังใจเราตลอดนะ คือหมอดีมากอ่ะ
พอจมูกเราชา หมอก็จะตัดช่องสำหรับยัดซิลิโคน ขั้นนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ได้ยินแต่เสียง แก๊บๆ แก๊บๆ และแล้ว ตอนนี้หมอถามเราว่าได้กินอาหารเสริมอะไรรึเปล่า เราก็ส่ายหน้า หมอบอก เลือดออกเยอะจึง (เราพูดในใจ:เอ่อ หมอคะ พอดีสองวันก่อนหนูกินเหล้ามาอ่ะค่ะ เกี่ยวมั้ยนะ คือก่อนหน้านี้เป็นสองสามเดือนเราไม่ได้กินเลยนะ ละก็มากินก่อนทำจมูกสองวัน = =" อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาดนะคะ) และแล้วขั้นตอนที่โหดที่สุดก็มาถึง
ขั้นฉีดยาชาอาจจะเจ็บที่สุด แต่ขั้นนี้น่ากลัวที่สุดสำหรับเรา มันคือขั้นตอนการขูดเนื้อเยื่อ! โดยคุณหมอได้เตือนเราแล้วว่าเสียงจะน่ากลัวนิดนึงนะ(ไม่นิดแล้วหมอ) ในการขูดคุณจะไม่เจ็บไม่ปวดแต่อย่างใด แต่คุณจะได้ยินเสียง ครืดๆๆๆ เหมือนเสียงขูดกระดูกอยู่ในหัว ส่งตรงถึงสมองทันทีแม่เจ้าาาา มันหลอนมากกก (ทุกวันนี้ยังตามมาหลอน) ซึ่งสำหรับเราขึ้นตอนนี้มันยาวนานมากกกก พอขูดเสร็จ เรารู้สึกเหมือนโลกหมุนเลยค่ะคือนอนหลับตาอยู่ รุ้สึกเหมือนกำลังจะกลิ้งตกเตียง จะพูดบอกหมอก็พูดไม่ได้ ปากชา TT ก็เลยโอเค ทนเอา ช่วงการยัดเป็นอะไรที่รวดเร็ว แล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการเย็บ ซึ่งจังหวะนี้เพลง see you again ก็ขึ้นพอดี แหม่ ช่างเข้ากับบรรยากาศท้ายของการผ่าตัดเหลือเกิ๊นนน
การเย็บไม่เจ็บไม่ปวด แต่เรารับรู้ได้ถึงเส้นไหมที่ลากผ่านปากเรา หลังจากเย็บเสร็จก็ทำความสะอาด เช็ดเลือดนั่นนี่ แล้วหมอก็ทำการใส่เฝือกให้เราโดยมีกฏว่าห้อมถอดตลอดเจ็ดวัน กันเบ้ววว (เบี้ยว) โถ่วว หมออ T^T ออกมาก็รับยาสารพัดอย่าง แม่กับเพื่อนเราที่รอก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เรากลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ต้องนอนหัวสูง ต้องนอนหงาย ห้ามล้างหน้า ระวังอย่าให้เป็นหวัด งดของดอง ของเผ็ด อาหารทะเล และแอลกอฮอล์! คืนแรก นอนแทบไม่หลับ ปวดหลังมาก ปวดแผลต้องตื่นมาอัดยาแก้ปวดเพิ่ม แต่พอวันต่อๆมาก็โอเคขึ้น แผลก็โอเค ไม่ค่อยปวดละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงพักฟื้นเป็นอะไรที่เกลียดหน้าตัวเองมากๆ ทั้งบวม หน้าก็โทรม ปากก็แปลก (โดนดึง) โดยหน้าเราบวมสุดขีดในวันที่ 3 ค่ะ วันต่อๆมาค่อยๆลดลง เคราะห์ซำกรรมซัด ดันมาเป็นหวัดช่วงวันที่ 5 ประเด็นคือสั่งนำมูกไม่ได้ ต้องเอาคอตตอนบัตซับเอา T^T หมดไปหลายห่อเลย อีกอย่างที่รำคาญคือ คันจมูกมาก แค่เกาไม่ได้ เฝือกมันบัง! ทรมานมากกก อดทนไป อดทนมา ก็ครบเจ็ดวัน เราก็กลับไปคลินิคเพื่อนถอดเฝือกและตัดไหมค่ะ คุณหมอบอก โดยรวมโอเค ไม่น่าจะเบ้ว (เบี้ยว) แผลอะไรก็โอเค หลังถอดเฝือกหน้างี้โทรมสุดๆ ไม่ได้ล้างเลย โชคดีที่เพื่อนเรามีชุดขัดหน้า คือต้องขัดเลย ล้างกับโฟมไม่พอจริงๆ หลังจากนั้นก็โบกครีมบำรุงไปเยอะๆ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ล้างหน้าแล้วรู้สึกสดใส อารมณ์ดี แต่คือจำตัวเองแทบไม่ได้ = =" เพื่อนๆก็บอกว่าน่าเปลี่ยนไปเลยยย ก็หลังจากถอดเฝือกนะคะ สิ่งที่ต้องดูแลคืออย่านอนตะแคง ให้นอนหงานต่อไปอีกซักเดือน เวลาล้างหน้าระวังอย่าให้น้ำเข้าจมูกไปโดนแผลค่ะ พวกของแสลงต่างๆก็ต้องงดกันต่อไป หากมีปัญหาอะไรให้รีบปรึกษาคุณหมอได้ทันที (หมอให้เบอร์ ให้ไลน์ไว้) หมอใจดีมาก จะนัดเพื่อไปดูผลเป็นระยะๆ และก็สอนเรานวดจมูกด้วย โดยคุณหมอบอกว่า การนวดจมูกหลังจากเสริมจะช่วยให้หนังเราหย่อน แล้วไม่บีบรัดซิลิโคนให้ผิดรูปไปค่ะ แต่ต้องรอซัก 1-2 อาทิตย์นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เย่ สำหรับความพึงพอใจต่อ หมอหนุ่ม และ V Clinic นะคะ บอกเลยว่า พอใจมากๆ รู้สึกว่า มันเข้ากับหน้าเราดี หมอใส่ใจรายละเอียด พนักงานบริการดี
เกร็ดเล็กน้อยสำหรับคนที่คิดจะทำจมูกนะคะ
- ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ของงี้ทำพลาดทีมันเสียหายทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งสุขภาพจิตค่ะ
- ลองปรึกษาคุณหมอหลายๆคน หลายๆที่ แล้วเลือกที่ๆเหมาะกับเราที่สุดค่ะ เชื่อว่ามีคุณหมอเก่งๆเยอะ แต่ละคนอาจจะมีแบบของคัวเอง
- ก่อนผ่าอย่าลืมงดของแสลง (อย่าทำเหมือนเรานะ)
- หลังผ่าก็เชื่อฟังคุณหมอนะคะ อะไรที่ควรงดก็งดไปก่อน อดทนค่ะ แค่เดือนสองเดือน แลกกับสวยไปหลายสิบปี อย่าให้ความอยากชั่วครู่มาทำลายมันค่ะ
มีคำถามอะไรก็พิมพ์ไว้ได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านี่ะ