ภาพไฟป่าที่ดอยสุเทพ
แทนที่จะหาทางแก้กันจริงๆจัง กลับเลือกโยนความผิดกันไป โยนความผิดกันมา พอหาคนรับผิดชอบไม่ได้
ก็มาลงที่คนจน กล่าวหาเขาทั้งๆที่ไม่รู้มูลเหตุ ตราหน้าว่าไร้จิตสำนึก ไม่คิดหาทางแก้ในปัจจุบันที่ตัวเองพอจะทำได้
แต่เลือกที่จะฝากความหวังไว้กับคนในอนาคต
"อย่าเผาป่า ช่วยกันรักษาผืนป่านะเด็กๆ" ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนลูกเสือสำรอง ยันลูกเสือสามัญ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย ต้องรออีกกี่รัฐบาล?
ถ้าคิดจะปัดตอบคำถาม ปัดวิธีแก้ไข ด้วยการบอกว่า "ให้แก้ที่จิตใต้สำนึก" ถ้างั้นทำไมไม่ออกตั๋วให้คนทั้งประเทศไปดูThe Jungle Book เพื่อตระหนักถึงผลเสียของดอกไม้สีแดงซะเลยหละ

เอาหละ บ่นพอแล้ว บ่นไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา
เท่าที่ผมพอจะค้นแนวทางการแก้ปัญหาได้จากอินเตอร์เนท
พบว่า ปัญหาจริงๆ ที่ทั่วโลกประสบ คือ กว่าจะรู้ตัวว่ามีจุดเริ่มต้นของประกายไฟที่ไหน ไฟก็ลุกลามไปทั้งป่าแล้ว
การใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมใช้ได้ก็จริง แต่ข้อมูลมีความล่าช้าเกินไป
ต่างชาติเขาเลยใช้ระบบWirless Sensorให้เป็นประโยชน์ แต่ละตัวก็จะมีรัศมีประมาณ50-900m หรืออาจจะมากกว่านั้น

โดยนำไปติดไว้ตามจุดต่างๆของพื้นที่ป่า โดยวัดจาก 4 พารามิเตอร์ ได้แก่
1.อุณหภูมิ
2.ความชื้นสัมพัทธ์
3.ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
4.ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยจะส่งพารามิเตอร์เหล่านี้ไปให้ระบบประมวลผล ทุกๆ 5 นาที และแสดงผลออกมาทางMonitorได้ในทันที
และแน่นอนว่า ถ้ารู้ได้เร็ว ก็จะเข้าไปดับได้ทัน
บอร์ดGas Sensorที่ว่านี้ มีขายในเว็บ
http://www.libelium.com/wireless_sensor_networks_to_detec_forest_fires/
หรือจะทำเองก็ได้

ผมว่ามันไม่มากเกินความสามาถของคนไทยหรอกครับ
คราวก่อนเกิดน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านเรือนที่อำเภอแม่จัน เชียงราย หลังจากนั้นงานวิจัยจากเด็ก มช.นี่แหละ ที่นำไปติดตั้งและสามารถช่วยเตือนให้ชาวบ้านได้รับรู้ และขนของหนีได้ทัน
คราวนี้เจอไฟป่าผลาญดอยสุเทพ ผมว่าสถาบันต่างๆคงหาทางแก้ได้อยู่แล้วหละ อยู่ที่งบประมาณว่า จะทำให้โปรเจคอยู่ในระดับ โปรโตไทป์เฉยๆ หรือ พัฒนานำไปใช้ได้จริงๆ
ปล. ถ้าไม่อยากเสีย งบค่าซื้อตั๋วหนังThe Jungle Bookเพื่อปลูกจิตสำนึกให้เด็กๆทั้งประเทศ ก็ช่วยมอบงบสนับสนุนให้เกิดการวิจัยหาแนวทางแก้ปัญหาบ้างก็ยังดี
ปล2.ใครมีวิธีหรือแนวทางแก้ปัญหา ลองเสนอกันดูครับ
อย่าเอาแต่บ่น! แล้วมาช่วยกันหาทางแก้ปัญหาไฟป่ากันเถอ
แทนที่จะหาทางแก้กันจริงๆจัง กลับเลือกโยนความผิดกันไป โยนความผิดกันมา พอหาคนรับผิดชอบไม่ได้
ก็มาลงที่คนจน กล่าวหาเขาทั้งๆที่ไม่รู้มูลเหตุ ตราหน้าว่าไร้จิตสำนึก ไม่คิดหาทางแก้ในปัจจุบันที่ตัวเองพอจะทำได้
แต่เลือกที่จะฝากความหวังไว้กับคนในอนาคต
"อย่าเผาป่า ช่วยกันรักษาผืนป่านะเด็กๆ" ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนลูกเสือสำรอง ยันลูกเสือสามัญ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย ต้องรออีกกี่รัฐบาล?
ถ้าคิดจะปัดตอบคำถาม ปัดวิธีแก้ไข ด้วยการบอกว่า "ให้แก้ที่จิตใต้สำนึก" ถ้างั้นทำไมไม่ออกตั๋วให้คนทั้งประเทศไปดูThe Jungle Book เพื่อตระหนักถึงผลเสียของดอกไม้สีแดงซะเลยหละ
เอาหละ บ่นพอแล้ว บ่นไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา
เท่าที่ผมพอจะค้นแนวทางการแก้ปัญหาได้จากอินเตอร์เนท
พบว่า ปัญหาจริงๆ ที่ทั่วโลกประสบ คือ กว่าจะรู้ตัวว่ามีจุดเริ่มต้นของประกายไฟที่ไหน ไฟก็ลุกลามไปทั้งป่าแล้ว
การใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมใช้ได้ก็จริง แต่ข้อมูลมีความล่าช้าเกินไป
ต่างชาติเขาเลยใช้ระบบWirless Sensorให้เป็นประโยชน์ แต่ละตัวก็จะมีรัศมีประมาณ50-900m หรืออาจจะมากกว่านั้น
โดยนำไปติดไว้ตามจุดต่างๆของพื้นที่ป่า โดยวัดจาก 4 พารามิเตอร์ ได้แก่
1.อุณหภูมิ
2.ความชื้นสัมพัทธ์
3.ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
4.ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยจะส่งพารามิเตอร์เหล่านี้ไปให้ระบบประมวลผล ทุกๆ 5 นาที และแสดงผลออกมาทางMonitorได้ในทันที
และแน่นอนว่า ถ้ารู้ได้เร็ว ก็จะเข้าไปดับได้ทัน
บอร์ดGas Sensorที่ว่านี้ มีขายในเว็บ http://www.libelium.com/wireless_sensor_networks_to_detec_forest_fires/
หรือจะทำเองก็ได้
ผมว่ามันไม่มากเกินความสามาถของคนไทยหรอกครับ
คราวก่อนเกิดน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านเรือนที่อำเภอแม่จัน เชียงราย หลังจากนั้นงานวิจัยจากเด็ก มช.นี่แหละ ที่นำไปติดตั้งและสามารถช่วยเตือนให้ชาวบ้านได้รับรู้ และขนของหนีได้ทัน
คราวนี้เจอไฟป่าผลาญดอยสุเทพ ผมว่าสถาบันต่างๆคงหาทางแก้ได้อยู่แล้วหละ อยู่ที่งบประมาณว่า จะทำให้โปรเจคอยู่ในระดับ โปรโตไทป์เฉยๆ หรือ พัฒนานำไปใช้ได้จริงๆ
ปล. ถ้าไม่อยากเสีย งบค่าซื้อตั๋วหนังThe Jungle Bookเพื่อปลูกจิตสำนึกให้เด็กๆทั้งประเทศ ก็ช่วยมอบงบสนับสนุนให้เกิดการวิจัยหาแนวทางแก้ปัญหาบ้างก็ยังดี
ปล2.ใครมีวิธีหรือแนวทางแก้ปัญหา ลองเสนอกันดูครับ