มีปัณหากับเพื่อนเรื่องรถของเราคะ

ย้อนกลับไปเหมือนประมาณ 3 ปีก่อนนะคะ ก็มีโอกาสได้รู้จักน้องคนนี้คะ ที่เราเรียกว่าเป็นเพื่อนค่อนข้างสนิทมากด้วยคะ ที่ผ่านมาเราก็เจอกัน ร่วมงานกัน ใช้ชีวิตด้วยกันปกติมาโดยตลอด มีทะเลาะกันบ้าง เตือนๆกัน ต่างก็ไม่เคยโกรธกันคะ ตอนนี้เรายังไม่มีรถต้นเหตุของปัญหานะคะ คือปกติเวลาเราไปทำงาน ต่างจังหวัดซึ่งบางครั้งต้องไปด้วยกัน ก็แล้วแต่พื้นที่คะ นั่งเครื่องบ้าง รถตู้ รถทัวร์  ตามพื้นที่คะ ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัด นั้นๆ เราก็จะมีลูกค้าพาออกไปนู้นมานี้บ้าง รถมอเตอร์รับจ้างบ้าง แทคซี่  3 ล้อบ้าง ตามแต่ละจังหวัดจะมีคะ แต่ส่วนมากจะเป็นลูกค้าเสียส่วนใหญ่ ก็ผ่านมาด้วยดีตลอดคะ จนเข้าปีที่ 3 เกือบๆๆ 4 ปี เราได้ออกรถยนต์คะ ช่วงที่เราเดินเรื่องออกรถ น้องคนนี้เค้าก็เกิดอยากได้หมาคะ เป็นพันธุ์ชิวาวา อันนี้ติ่งรักหมาต้องขอโทษนะคะ พอดีเราไม่ชอบหมาพันธ์เล็กคะ เราก็คุยกะเค้าว่า อย่าชื้อหมาเลย มันเป็นภาระ  ตัวเค้าเองก็ต้องส่งให้ที่บ้าน และต้องเช่าคอนโด เวลาไปทำงาน ตจว มันไม่สามารถเอาไปด้วยได้นะ เพราะที่นอนรวม อาจจะมีคนไม่ชอบหมา อันนี้ก็บอกเค้านะ ว่าพี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน เค้าก็ยืนยันจะซื้อเราก็ไม่ห้ามคะ แค่เตือนไปในระดับแรก สรุปว่า พอเค้าชื้อมา  รถเราก็ผ่าน ถึงกำหนดรับรถ  เรื่องมันเกิดครั้งแรก คือตอนที่ไปปากช่องคะ  (เราอยู่กรุงเทพกันนะคะ) คือเราเพึ่งออกรถมาได้ 15 วันคะ ยังป้ายแดงอยู่ น้องก็เอาหมาขึ้นรถมาด้วย ซึ้งอันนี้คุยแต่ก่อนจะได้รถแล้วนะคะ ไม่ใช่มีรถแล้วถึงมาตั้งกฏกติกาอะไร ก็ยอมรับว่าไม่ชอบใจคะ แต่ด้วยคำว่าเพื่อนเราก็ไม่ได้พูดอะไรไป แค่บ่นๆเหมือนก่อนหน้านี้ที่เตือนๆกัน  ตัวเราตอนนั้นไม่มีใบขับขี่คะ ก็เสี่ยงขับไปอย่างระมัดระวังทั้งอุบัติเหตุและด่านตำรวจ อันนี้รู้นะคะว่าไม่ถูกต้อง (เราขับรถเป็นมา 3 ปีแล้วคะ ใช้รถพ่อและรถแฟน ขับแค่ไปส่งลูกที่ รร กับตลาดแถวบ้าน ) ระหว่างทางน้องคนนี้ก็เอ่ยว่า ถนนโล่งๆ ขอเค้าขับหน่อย ณ.จุดๆๆนี้ เราก็ยอมรับว่าหวงคะ เพราะรถยังใหม่ ออกมาแค่ 15  วัน ไม่มีใบขับขี่ทั้งคู่ ในใจตอนนั้นคิดว่าถ้าชนมาประกันจะไม่คุ้มครอง และคำว่ารถใหม่มันยังก้องอยู่ในหัว เรายังไม่กล้าที่จะให้ใครขับคะ  รถคันแรกของเราด้วย เก็บเงินชื้อเอง (ดาวน์ 2 แสนบาท อันนี้ใส่ใว้ประกอบการพิจารณานะคะ 2แสนมันไม่น้อยเลย) เราก็ปฏิเสธไป ที่นี้ระหว่างที่อยู่นั้น คือก็มีเพื่อนร่วมงานที่มีรถ มีใบขับขี่ มีมาหลายปี ก็ให้เพื่อนที่มีช่วยขับบ้าง ไม่บ่อยคะ ตอนนั้นก็ไม่รู้นะคะ ว่าน้องคนนี้เค้าไม่พอใจที่เรากล้าให้เพื่อนอีกคนขับรึป่าว ระหว่างที่อยู่นั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไรคะ  เราออกไปกินข้าวด้วยกัน ปกติทุกวัน ด้วยรถเรา ปัญหาเกิดที่หมา น้องเค้าพกหมาไปทุกที่ เราไม่ชอบคะ แต่ไม่รู้จะบอกยังไง กลัวเสียเพื่อน  แต่ละวัน ต้องคอยให้พานางเอาหมาไปหาหมอ จะว่าเราเห็นแก่ตัวก็ได้นะคะจุดนี้ คนที่ไม่ชอบหมา ก็ทำให้นะคะ พาไปตลอด แต่ในใจคือฉันไม่โอเคเลยอ่า  วันนึงก็ไปสระแก้วคะ วันๆๆนางให้พาหาแต่หมอหมาคะ ธุระของเค้าทั้งนั้น ที่หนักที่เราปี๊ด คือแกะอาหารเปียกในรถเราที่แอร์เปิดอยู่ตอรถกำลังวิ่ง คิดกลิ่นเอานะคะ ใหนจะความที่จะเลอะเทอะอีก ก็บ่นๆไปคะ ไม่แรง ประมาณว่า เฮ้ย อย่าเทในนี้ดิ เวลาแวะปั๊มค่อยให้กิน   จนเวลาผ่านไปก็มีเรื่องหมาขึ้นรถมาเรื่อยๆ จนทำใจได้ระดับนึงละ ละแล้วววันนึง  ได้มีโอกาสไปกระบี่คะ ก็ถามกันว่าจะนั่งเครื่องหรือรถ ทุกคนก้โอเครกับการนั่งรถคะ  เราก็ขอค่าน้ำมัน คนละ 500 มีทั้งหมดรวมเรา  3 คน เราก็โทรบอกเค้าว่า  เดียวเอาตะกร้าใส่หมานะ ละวางหลังรถ ที่เก็บของด้านหลังเบาะอ่ะคะ ไม่ใช่แบบกระโปรงรถนะคะ ก็บอกว่าเดี๋ยวแวะปั๊มก็เอาลงมาเดินเล่น พาฉี่ ให้อาหาร คือบ้านเราก็เลี้ยงหมาคะ  แต่เราเน้นหมาใหญ่ ไม่ได้มาประคบประหงมอะไร คือไม่ชอบเฉยๆนะ แต่คือไม่ได้เกลียดแบบเล่นรึจับไม่ได้ ทุกครั้งที่แวะปั๊มเราก็จะจัดการ  พาหมาน้องเค้านี้แระ  ฉี่ กิน คือก็กลัวจะฉี่ใส่รถเรา เจ้าของหมาก็หลับคะตลอดทาง ก็โมโหนะ แต่ ขี้เกียจจะพูดละ กทม-กระบี่  ขับมาก็เกิดเหนื่อยคะ  ง่วงด้วย ตอนนั้นก็ใกล้จุดหมายละ เลยถามน้องอีกคนที่มาด้วย คนนี้พึ่งเจอนะคะ เป้นเพื่อนของน้องคนนี้แระ เราก็ถามเค้าว่า ขับรถเป็นมั้ย   ตอนนั้นน้องอีกคนหลับอยู่  น้องคนที่ถามก็บอกว่าเป็น พอถึงกระบี่ พวกเราต้องทำงานต่อ ไม่ได้มีเวลาพักน้องคนที่พึ่งรู้จักนั้นแระ  ก็บอกว่านู๋ขับกลับให้ช่วย ตอนนั้นยอมรับว่าเหนื่อยคะ แต่ก็หวงรถอยู่ แต่คิดก็คิดไปว่า  มันดึกแล้ว  รถไม่เยอะ  เค้าน่าจะขับได้ พอเราให้ขับ น้องเจ้าของหมานั้นแระ  พูดขึ้นมาว่า "เสียความรู้สึกกับคนกันเอง ยิ้มกูขอขับมาตั้งนานไม่ให้ขับ" วินาทีนั้น คือรู้สึกแล้วว่า น้องที่ให้ขับเค้าขับไม่แข็ง แล้วก็อึ้งๆๆ กับคำพูดของน้องเจ้าของหมา ก็เถียงๆกันในรถ พยามยามอธิบายว่า เราเข้าใจว่าเค้าขับได้ เพราะเห็นว่าบ้านมีรถ ตัวเรายังไม่มี ยังไม่กล้าที่จะให้ขับ แต่เค้าก็ไม่ฟัง ก็เลยขึ้นเสียงกันหนัก  เราเลยพูดด้วยความโมโหไปว่า "ถ้าวันนึงเธอมี พี่ตะไม่ยุ่งกะของๆๆเธอ รถเนี้ยมันแพงนะ ใครๆก็หวง เดียววันนึงมีก็จะเข้าใจ" คืนนั้นก็เครียดคะ คือเราก็คิดตามที่เค้าพูดว่าเค้าขอขับมานาน กับน้องอีกคนพึ่งรุ้จัก แต่เหมือนว่าเราใว้ใจมากกว่า ที่จริงแล้วเราไม่ได้ใว้ใจใครเลย แหมแต่ตัวเองเราก็ยังกลัวที่จะเกิดเหตุไม่คาดคิด ก็ตัดปัญหาโดยการไม่ให้ใครขับอีก ถ้าจะชนชนเอง ชนก็รถเราเว้ย ! ประมาณนี้ ทุกๆ วันเราก็จะตื่นไปทานข้าวกันปกติ ที่ไม่ปกติคือน้องเจ้าหมา  นางก็จะมีเรื่องให้เราต้องตระเวนอยู่บนถนนตลอด ทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวไปนู้นต่อ  นี้ต่อ   คือเราก็ขี้เกียจนะ  อยากนอนต่อ  แต่ก็พาไปตลอด หงุดหงิดนะ แต่ไม่เคยพูด  มีครั้งนึง ตอนนั้นจะไปเที่ยวธรรมชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่คะ  ห่างจากเมืองประมาณ 50 กว่าโล นางก็เอาหมามาด้วย ตามสเต๊ป  เราก็เตือนไปอีกว่า เดียวไปแวะกินข้าว ร้านอาหารเค้าจะไม่ให้เข้าเอานะ  คนมันเอาแต่ใจ   ได้แต่เตือนคะ! ระหว่างทางหมาก็สำรอกคะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ใจดำๆก็ดำคะ วินาทีนั้น  เบาะรถกู!!!!!! (เบาะผ้า)เราก็หยิบทิชชู่ หยิบถุงขยะให้ คือกำลังจะไปเที่ยวงัย พอหมาอ๊วก พี!!!! พาหมาหาหมอหน่อย 😖😖กูเบื่อมากกะอีหมาเนี้ย! จบวันผ่านไป ไปทานข้าวปกติ ! นางก็บอกว่า เดียวพาไปรพ .ด้วยนะ   (น้องคนนี้จะไปหาหมอคะ ) เราก็โอเคร ใหนๆก้ออกมากินข้าวละ ก็พาน้องไป รพ.คะ  พอถึงหน้า รพ. ไม่ตรวจละ  พน.ค่อยมา !!!!!! คะ  กูมันคนขับรถ เราก็โมโห  คิดถึงมิตรภาพ ไม่พูดอะไรเงียบเป็นอาการแสดงความไม่พอใจคะ พอกลับถึงที่พัก เพื่อนที่อยู่ในจังหวัดโทรมาชวนทานข้าวตอนเย็น เราก็โอเครคะ  เกือบ5 โมง  เราก็เก็บของแต่งตัว  จะออกมาสตาทรถ  น้องคนเดิมคะ    พี่พานู๋ไปหาหมอหน่อย!!!!! อ้าวแล้วที่ไปถึงหน้า รพ.แล้วไม่ตรวจคือไร แล้วคือเราก็มีนัด นางก็งอลๆคะ  บอกว่าไปส่งเดียวหารถกลับเอง  พอไปถึง สรุปไม่ได้ตรวจตามเคย  ก็ต้องวนกลับมาส่งที่บ้านพักอีก  แล้วถึงไปธุระของตัวเองได้  😰😰😰ขนาดผ่านไปแล้ว เรายังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย ! พอกลับมานางก็บอกพนพาไปหาหมออีก  😔   พอดีวันรุ่งขึ้น  เราต้องไปเอาของที่ส่งไปบ้านเพื่อน เราเลยบอกว่าอาจจะไม่ว่างนะ นางก็ทำแบบ แค่นี้เองใช้ไม่ได้ 🙄 สรุปของยังมาไม่ถึง  ก็เรยไม่ได้ไปเอา วันนั้นก็พานางไปห้าง พาน้องไปหาหมอคน พาน้องเอาหมาไปฝากที่สถานที่รับฝาก  (โดนคนดูแลบ้านบ่นน้องมาคะ) ทั้งวันมีแต่ธุระนาง บอกตรงนี้เลยว่า น้ำมันตั้งแต่500 บาทตั้งแต่ที่  กทม เราไม่ได้ขอเพิ่มนะคะ เริ่มสงสารรถ แต่ละวันอยู่บนถนนวันละ3-4  ชม อันนี้อย่างน้อยนะคะ ที่ปี๊ดสุดคือเราไปเห็นว่าน้องโพสด่าเราในเฟสบุ๊ค ประมาณว่าเราลืมตอนที่ยังไม่มี ตัวเราไม่เคยมีกฏเกณฑ์  รึเป็นแบบนี้! ละบอกในโพสว่าจะตัดเพื่อน ตรงจุดนี้แระ เลยอยากรู้ว่าเราทำผิดอะไรไป  อะไรที่ดูเกินไปสำหรับเพื่อนหรือป่าวพออ่านข้อความนั้นยอมรับว่าที่ตะเวนให้ทั้งวัน มันไม่ได้อะไร ทำให้ขนาดนี้ก็โดนหาว่าไม่จริงใจ ลืมตัวเองในวันที่ยังไม่มี  เราก็โพสกลับบ้าง  "เพื่อนกันต้องรู้จักเกรงใจกัน เพราะเพื่อนกันยิ่งต้องเข้าใจกัน "  คืนนั้น นั้นเค้ามาขอโทษ  เค้าก็บอกเค้าน้อยใจ เรารู้จักเค้ามาก่อนทำไมให้คนอื่นขับรถเราได้ เราก็อธิบายไปว่า พี่เข้าใจว่าเค้าขับเป็นกว่าเรา ก็อธิบาเรื่องอุบัติเหตุไป ว่าถ้าเกิดขึ้นมาจะเป็นยังไง  เราก็พูดเรื่องหมา ก็บอกไปว่ากฏเกณฑ์ อะไรพี่ไม่ได้มี   พี่แค่อยากให้เราเข้าใจว่า พี่ไม่ชอบ  แต่ละวันมีแต่ธุระของเธอ พี่ไม่โอเครเหรอ?ก็บอกเค้านะ ว่าอย่าไปคิดว่าพี่จะมีหรือไม่มี  เพราะตอนที่ยังไม่มีเราก็อยู่ได้ ลองคิดสิ  ว่าเราเคยใช้ชีวิตกันยังไง อย่าเอาเรื่องรถมาเป็นปัญหา รถมันมาทีหลัง     เค้าก็ขอโทษย้ำๆคะ แล้วก็บอกว่าเค้ารู้ว่าทุกคนอดทนยอมทำให้เค้า เออก็รู้นิ! ก็เคลียกันจบไป เค้าก็โพสอีก ประมาณว่า "ขึ้นได้ก็ล้มเป็น" เราก็โพสกลับไปแบบที่บอกเค้าแระ ไม่ได้ด่านะคะ ก็โพสแนวปรัชชาคะ  แบบที่บอกเค้าข้างต้น ถึงตอนนี้ใจหายไปแล้วคะ  ใจที่เคยให้ที่ออกไปตะล่อนๆๆกันทั้งวัน 😑 เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยความที่เค้าด่าเราไปแล้ว  เสียความรู้สึกไปแล้วเราก็แบบถอดใจไป หลังเลิกงาน   ก็เลย เดินไปถามเข้าว่าจะกลับบ้านมั้ยจะเอารถไปเก็บแล้วเดี๋ยวจะได้ไปส่งทีเดียว ก็บอกเค้าว่าแต่เดียวจะออกมาข้างนอกให้ลูกค้าเข้าไปรับ เค้าก็ไม่กลับคะ จะไปด้วย   ไปทานข้าวกับลูกค้า เราก็เอารถไปเก็บคะน้องรอที่ร้านข้าว ลูกค้าขับตามไปรับเรา ทานกันเสร็จน้องก็อยากกลับกัน ด้วยความที่ไม่มีรถ เราเก็บแล้วก็ด่ากูนิเก่งก็กลับเองสิ! สรุปเราก็ยืมรถลูกค้าไปส่งบ้านคะ คนขับเหมือนเคย   ส่วนของที่บอกว่าจะไปรับบ้านเพื่อนก็มาส่งถึงเราก็เลยบอกว่า พน จะไปเอาของนะ  อาจจะกลับช้า ถ้าหิวโทรเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างนะ น้องก็ฟึดฟัดบอกเออ   พน.ลูกค้าจะเอารถมาให้ใช้ ณ.จุดนี้ขอบคุณลูกค้าน้องคนนี้มากคะ ที่ผ่านมาได้ปรึกษาพ่อ แม่ ผู้ใหญ่  พี่ๆ เพื่อนๆ  หลายๆคน  ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต้องทำอย่างไร ก็ลงความเห็นกันว่าเพื่อนกันก็ต้องรู้จักเกรงใจกันไม่ต่างกับคนอื่นๆ ก่อนจะขอให้เค้าช่วย   ลองถามเค้าสักนิด  ว่าเราสะดวกมั้ย  มีธุระอะไรรึป่าว พอจะไปเองได้บ้างมั้ย คือไม่ได้หวงที่นั่งรถเรา  รึไปกิน  ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ  หวงหมานั่งนะ  แล้วก็เบื่อที่ต้องมาคอยพาใครไปนู้นนี้นั้นตลอดเวลา ชีวิตบนถนน มันไม่ได้สวยงามนะ ผู้ใหญ่สั่งให้ห่างๆมาคะ แต่ให้คุยกับเค้าเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แค่ถอยระยะความสัมพันธ์ออกมานิดนึง  ส่วนเพื่อนบอกให้เลิกคบ เรยอยากจะขอคำแนะนำ  หรือทางออกที่ดีกว่านี้คะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่